เกรงว่าวันนี้จะไปปักกิ่งไม่ได้แล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้จักเหอฉงเซิงเสียหน่อยจะพูดเื่ขายวิทยุเก็งกำไรออกมาได้ที่ไหนแต่เหอฉงเซิงไม่ระแวงเธอที่เป็เพียงหญิงสาววัยรุ่นสนทนาไม่ถึงสองประโยคก็ปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานล้วงสถานะเสียแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกขำขันขึ้นมา
ที่แท้นี่ก็คือ ‘ที่พึ่ง’ ของเฉินซีเหลียง ผู้อำนวยการโรงงานผลิตเสื้อผ้าแห่งหนึ่งนั่นเอง
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ทราบขนาดของ ‘เฉินอวี่’ ทว่าพิจารณาจากคุณภาพเสื้อผ้าบนแผงของเฉินซีเหลียงแล้วเฉินอวี่สามารถผลิตสินค้าแบบนี้ได้ ต้องไม่ใช่โรงงานขนาดเล็กแน่นอนเซี่ยเสี่ยวหลานทำธุรกิจเสื้อผ้ามาหลายเดือน กอปรกับประสบการณ์ของชาติก่อนสนทนากับเหอฉงเซิงเพียงครู่เดียวผู้อำนวยการโรงงานเหอก็เชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือลูกค้าของน้องชายภรรยาจริง
เหอฉงเซิงไม่พบเฉินซีเหลียง อีกทั้งตัวเขาต้องรีบไปเข้าทำงานเหมือนกันจึงไหว้วานเซี่ยเสี่ยวหลานส่งสารให้แก่เฉินซีเหลียง จากนั้นก็ขี่จักรยานจากไปอย่างรวดเร็ว
นี่เป็ผู้อำนวยการโรงงานผลิตเสื้อผ้าที่มีท่าทีโผงผางเซี่ยเสี่ยวหลานโดนคนกล่าวหายกใหญ่ั้แ่เช้าตรู่ ทว่าไม่โกรธเคืองแม้แต่น้อยกลับเหมือนจิ้งจอกขโมยได้ไก่ [1] เสียด้วยซ้ำเซี่ยเสี่ยวหลานรู้ถึงต้นทางสินค้าของเฉินซีเหลียงแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเหอฉงเซิงคือพี่เขยของเฉินซีเหลียง สายสัมพันธ์เครือญาติย่อมตัดไม่ขาดเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจข้ามหัวเฉินซีเหลียงไปรับสินค้าจาก ‘เฉินอวี่’ โดยตรงได้
นอกเสียจากเธอจะเปลี่ยนจากการค้าปลีกมาเป็ค้าส่ง แต่หากปริมาณการขายของเธอไม่ถึงขั้นโรงงานเสื้อผ้าจะสนใจลูกค้ารายเล็กแบบเธอหรือ?
เฉินซีเหลียงไม่ใช่แค่รับสินค้าจาก ‘เฉินอวี่’ อย่างเดียวแน่ โรงงานเสื้อผ้ามีรูปแบบจำกัดไม่มีทางเติมเต็มความ้าทางธุรกิจของเฉินซีเหลียงได้ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกแจ่มแจ้งแล้วทำไมพอถึงยุคมิลเลนเนียล เฉินซีเหลียงถึงได้กลายเป็เ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจเสื้อผ้านั่งสบายบนทรัพย์สินนับร้อยล้าน... ก็เพราะมีพี่เขยเป็ผู้อำนวยการโรงงานทั้งคนเฉินซีเหลียงสร้างตัวโดยเดินทางคดเคี้ยวน้อยกว่าคนอื่นจริงๆ
โรงงานมั่งคั่งมากมายในปัจจุบันอีกไม่กี่ปีอาจเต็มไปด้วยอุปสรรคในการพัฒนา หากสั่งสมเงินทุนและมีเครือข่ายเพียงพอสามารถซื้อสินทรัพย์ของรัฐเก็บไว้ได้เป็ไปได้มากว่าเฉินซีเหลียงก่อร่างสร้างตัวร่ำรวยด้วยสาเหตุนี้เช่นเดียวกันทุกคนต่างมีวาสนาเฉพาะบุคคล เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกริษยา เธอเกิดมาสองชาติก็มิใช่คนมีฐานะอะไรเช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า ชาตินี้ได้เป็บุตรสาวของหลิวเฟิน อีกทั้งยังมีลุงที่รักใคร่เอ็นดูเธอเซี่ยเสี่ยวหลานอิ่มเอมใจมากเหลือเกิน
เซี่ยเสี่ยวหลานผู้อิ่มเอมใจไปรับประทานอาหารเช้ายังหัวมุมถนนเธอสั่งบะหมี่เกี๊ยวหนึ่งชาม
เกี๊ยวไส้กุ้งหมูสดใหม่จนแทบกลืนลิ้นลงไปพร้อมกันได้ บะหมี่จู๋เซิง [2] ซึ่งทำจากไข่เป็ดเหนียวนุ่มหนึบหนับพอดีเซี่ยเสี่ยวหลานชื่นชอบรสชาติแบบหยางเฉิงมากทีเดียว ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าทานบะหมี่เกี๊ยวอยู่นั้นเก้าอี้ตรงข้ามก็มีคนคนหนึ่งนั่งลงแล้ว
เคออีสฺยงหน้ากลมแป้น เห็นแล้วช่างไร้พิษภัยเสียจริง
“พี่ใหญ่เคอ กินอาหารเช้าไหม เอาสักชามด้วยหรือไม่?”
เคออีสฺยงมองเธอเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจเื่หนึ่ง “เธอไม่กลัวฉันจริงๆ”
เซี่ยเสี่ยวหลานรับประทานน้ำซุปอย่างเอื่อยเฉื่อย “ไม่กลัว ฉันกลัวคนเขลา แต่ไม่กลัวคนฉลาด”
คนเขลาไร้ซึ่งหนทางในการสื่อสารด้วย
หากกล่าวถึงนายว่านและนายหลี่สองคนนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าศิษย์พี่ว่านสื่อสารด้วยยาก
เธอไม่กลัวคนฉลาด เพราะว่าคนฉลาดสื่อสารกันได้ รู้จักประนีประนอมลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ [3] เคออีสฺยงเป็ถึงคนที่สามารถนั่งตำแหน่งหัวหน้านักเลงได้ย่อมเป็คนที่สมองรู้จักคิดวิเคราะห์ เธอจึงมีจิตใจเคารพนบนอบ
เซี่ยเสี่ยวหลานชมว่าเขาคือคนฉลาดเคออีสฺยงไม่รู้ว่าควรยินดีหรือขุ่นเคือง
เพราะเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาถึงได้เผชิญกับเหตุการณ์อับอายขายหน้าครั้งใหญ่
ถูกพานซานข่มขู่ แถมทำร้ายลูกน้องาเ็ตั้งหลายคนทำให้ความน่าเกรงขามบนเส้นทางอันธพาลของเคออีสฺยงล้มคะมำเขาใช้ความพยายามมากมายกว่าจะยึดครองอาณาเขตในตอนนี้ได้
น่ามหัศจรรย์เคออีสฺยงเห็นดวงหน้าที่งดงามไม่ว่ายามเบิกบานหรือโมโหนี้กลับไม่รู้สึกขุ่นเคืองเท่าไรนัก
“เธอเดินทางในหยางเฉิงควรมีคนติดตามสักสองคนนะคนของสำนักตระกูลไป๋โง่เขลาไปหน่อยก็จริง แต่เื่ต่อสู้ไม่เป็สองรองใครหรอก”
เคออีสฺยงพูดอย่างมีความหมายลึกล้ำ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีท่าทางเกรงกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว “ไม่ใช่ว่ายังมีหัวหน้าเคออยู่หรือ?”
ถ้าปล่อยให้ลูกน้องของเคออีสฺยงรู้เข้า ต้องคับข้องเสียแทบกระอักเื! พานซานลั่นวาจาว่าหากเซี่ยเสี่ยวหลานเกิดเื่อะไรขึ้นในหยางเฉิงก็จะตามคิดบัญชีกับเคออีสฺยงนี่คือคิดจะพึ่งพานักเลงหัวไม้อย่างพวกเขาจริงๆ หรือ?
อิทธิพลของเคออีสฺยงเพียงเขตสถานีรถไฟเท่านั้นยังไม่ได้แผ่ขยายทั่วหยางเฉิงด้วยซ้ำ
เคออีสฺยงไม่โกรธแถมหัวเราะ
“เธอกับเฉินซีเหลียงสนิทกันดีนี่ ฉันได้ยินว่าเขามีภรรยาแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นสายตาเขามีลับลมคมในเคออีสฺยงเองก็คิดว่าประโยคนี้ผิดที่ผิดทางอยู่บ้าง อยู่ต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานนานเข้าเขารู้สึกว่าระดับสติปัญญาจะต่ำลงได้ง่ายสุดท้ายเคออีสฺยงก็ไม่ได้รับประทานบะหมี่เกี๊ยว เขาถ่อมาเพื่อเสาะหาความรู้สึกถึงการมีตัวตนต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานและจากไปเอง
จนกระทั่งเกือบแปดโมงเซี่ยเสี่ยวหลานถึงเห็นเฉินซีเหลียงขี่รถจักรยานยนต์กลับมา
หลังจากนั้นสักครู่ นายว่านและนายหลี่ก็ปรากฏตัวโดยแบกกระสอบมาคนละถุงเซี่ยเสี่ยวหลานมองพวกเขาเดินตามกันผ่านไปอยู่ภายในร้านค้าขายบะหมี่เกี๊ยวขนาดเล็กไม่ส่งสุ้มเสียงใด
น่าจะเพราะไม่พบเธอในบ้าน ทั้งสามคนจึงวางสินค้าเพื่อออกตามหา
เซี่ยเสี่ยวหลานก้มศีรษะแสร้งว่ามองไม่เห็น จนกระทั่งไป๋เจินจูกระสอบแบกถุงหนึ่งมาเช่นกันเซี่ยเสี่ยวหลานถึงโผล่หน้าออกไป
“พี่ไป๋!”
ปิ่งไส้เนื้อร่วงลงมาจากฟากฟ้า [4] เซี่ยเสี่ยวหลานสงสัยอยู่ตลอดว่ามีอันตรายหรือไม่
เธอไม่ได้ไว้วางใจทั้งเฉินซีเหลียงรวมถึงนายว่านและนายหลี่สองคนอย่างแท้จริงในสี่คนนี้เธอเชื่อใจไป๋เจินจูมากที่สุด ไป๋เจินจูคือคนที่โจวเฉิงแนะนำ นายว่านและนายหลี่ก็ถูกกั้นไว้อีกชั้นส่วนเฉินซีเหลียงเป็เพียงความสัมพันธ์ทางธุรกิจล้วนๆ
หากใครในสามคนนี้ขายเธอเพื่อเงินหลายหมื่นหยวนเล่า?
เฉินซีเหลียงโล่งอก “เธอกินบะหมี่อยู่ที่นี่เองฉันใหมดแล้ว!”
นึกว่าเป็แผนการล่อเสือลงจากเขาจริงเสียอีก ใช้วิทยุราคาถูกลวงทุกคนให้ออกไปเพื่อลักพาตัวคนอีกทั้งพอขนสินค้ากลับมาตัวเซี่ยเสี่ยวหลานกลับหายไปแล้วช่างทำให้คนใจหายใจคว่ำไปหมดแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานเห็นสีหน้าของทั้งสี่คนก็รับรู้ว่าธุระราบรื่นดี
“ตรวจสอบแล้วหรือ?”
“เลือกตรวจสามสิบกว่าเครื่อง ไม่มีปัญหาทั้งหมด”
ทั้งสี่คนตรวจสอบสินค้าด้วยกัน สามสิบกว่าเครื่องใช้เวลาราวสิบนาทีคนส่งสินค้าอดรนทนไม่ไหว เร่งเร้าสุดชีวิตไป๋เจินจูและเฉินซีเหลียงหาสิ่งขัดข้องของวิทยุพวกนี้ไม่พบ ทำได้เพียงชำระเงินเพื่อรับสินค้าวิทยุ 500 เครื่องรวม 45000 หยวน อีกฝ่าย้าแค่จำหน่ายออกไปให้ไวที่สุด ถึงขนาดไม่เรียกร้องให้ใช้เงินฮ่องกงชำระด้วยซ้ำ
โดยปกติผู้ค้าของเถื่อนจะ้าให้ใช้สกุลเงินฮ่องกงชำระเพราะเวลาพวกเขารับสินค้าก็ต้องจ่ายเงินฮ่องกงให้คนอื่นเหมือนกัน
การแลกเปลี่ยนสกุลเงินฮ่องกงค่อนข้างยุ่งยาก ทว่าอีกฝ่าย้าขายวิทยุในเวลาอันสั้นที่สุดพอข่าวนี้แพร่มาถึงหูของไป๋เจินจู เธอจึงดักคอไว้และโชคดีที่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่โลภมาก ตัดสินใจเรียกเฉินซีเหลียงร่วมหุ้นได้อย่างทันท่วงทีรวบรวมเงินค่าวิทยุ 500 เครื่องครบได้ภายในเวลาที่อีกฝ่ายกำหนด...ขั้นตอนการแลกเปลี่ยนจึงราบรื่นเป็อย่างยิ่งไม่มีเ้าหน้าที่โผล่มาจับใครกะทันหัน และไม่เจอคนร้ายที่จะฉกฉวยเงินสินค้าไป
ทุกคนล้วนคิดว่าเงินก้อนนี้ได้มาอย่างผิดปกติมาก
ห้าคนปิดประตูบ้าน ตรวจวิทยุทั้ง 500 เครื่องหนึ่งรอบเมื่อไม่พบปัญหาใดถึงตามตัวผู้ค้าคนกลางที่เฉินซีเหลียงถามราคามาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินว่ามีวิทยุ 500 เครื่องจริงอีกฝ่ายเลียริมฝีปากแห้งแตก
“ฉันต้องเรียกอีกสองคนมาแบ่งสินค้า”
“ไม่มีปัญหา แต่ภายในวันนี้พวกเราต้องได้รับเงินแล้ว ฉันยังต้องไปปักกิ่งน่ะ”
แม้จะไม่พบปัญหา แต่เฉินซีเหลียงก็ยังคงกลัวว่าเก็บวิทยุไว้ในมือนานจะเกิดความยุ่งยากตามมาจึงอยากปล่อยสินค้าด้วยความเร็วสูงสุด เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงครุ่นคิด หากนำกลับซางตูไปหนึ่งเครื่องสามารถขายได้อย่างต่ำ 200 หยวน วิทยุ 150 เครื่องสามารถมีกำไรเพิ่มถึง 7500 หยวนเซี่ยเสี่ยวหลานตรองอยู่นานสองนาน และตัดสินใจว่าจะขายวิทยุทั้งหมดในหยางเฉิงอยู่ดี
150 เครื่อง เงินทุน 13500 หยวนของเธอได้กลายเป็ 22500 หยวนเรียบร้อย
เงินก้อนนี้คือเงินที่ได้มาอย่างรวดเร็วที่สุดครั้งหนึ่งหลังเธอริเริ่มทำธุรกิจ!
เชิงอรรถ
[1]偷到鸡的狐狸 จิ้งจอกขโมยได้ไก่ มาจากนิทานจิ้งจอกขโมยไก่สิงโตตัวหนึ่งมีโรงเรือนไก่ของตนเอง แต่ไก่มักหายทุกวัน ไม่โดนขโมยก็เดินหายไปเองสิงโตจึงจ้างจิ้งจอกมาออกแบบโรงเรือนใหม่ ้าให้แ่ามากยิ่งขึ้นหลังสร้างเสร็จสิ้นตามความ้าของสิงโต ไก่ก็ยังหายอยู่ดีสิงโตเลยส่งคนไปเฝ้าดู สุดท้ายพบว่าที่แท้จิ้งจอกคือหัวขโมยนั่นเองโดยจิ้งจอกแอบสร้างช่องเล็กๆ ของโรงเรือนไว้และเข้าออกทางช่องนั้นในที่นี้เปรียบเทียบว่า เซี่ยเสี่ยวหลานได้รู้ถึงที่มาของสินค้าของเฉินซีเหลียงและอาจไม่ซื้อเสื้อผ้าจากเฉินซีเหลียงอีกแต่จะเปลี่ยนไปรับจากเหอฉงเซิงซึ่งเป็ผู้อำนวยการโรงงานแทนก็ได้
[2]竹升面 บะหมี่จู๋เซิง คือ บะหมี่ที่ทำโดยใช้กระบอกไม้ไผ่รีดเส้น (竹 แปลว่า ไม่ไผ่)
[3]初生牛犊不怕虎 ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ หมายถึงวัยรุ่นความกล้าหาญเต็มเปี่ยม ไร้ความเกรงกลัว
[4]เปรียบเทียบว่า โชคลาภลอยมาโดยไม่ได้ตั้งตัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้