“จับตัวได้หรือไม่” อวี้ฉู่จาวเอ่ยถามติงหร่วน
“จับได้แล้ว ตอนนี้อยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ”
ติงหร่วนประเมินจากสถานการณ์ในตอนนี้ก็พอจะคาดการณ์ได้
คนร้ายต้องเข้ามาหลังจากที่เขาพาคนออกไปตามหาเป็แน่ ท่าทางของอวี้ฉู่จาวในเวลานี้ทำให้เขากลัวว่าท่านอ๋องจะผิดหวังและตำหนิในตัวเขา
แววตาของอวี้ฉู่จาวดูเคร่งขรึม เขาพาหลินหร่านไปนั่งบนที่นั่งดีๆ ก่อนหันมามองอวี้ฉู่เฉิงแล้วถาม “มันเกิดอะไรขึ้น”
“เขาเมามาก เวลานี้ไม่มีสติ หลังจากตรวจสอบก็พบว่าที่มือได้รับาเ็พ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉู่จาวปรายตามองไปบนฝ่ามือของอวี้ฉู่เฉิง จึงมองเห็นเืที่กำลังหยดลงมา
ตอนที่ท่าเสวี่ยจับตัวของอวี้ฉู่เฉิงได้ก็พบว่าเขาสลบไปแล้ว หลังจากตรวจสอบถึงพบว่าที่ฝ่ามือเขาได้รับาเ็
“าเ็อย่างนั้นหรือ?” อวี้ฉู่จาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “พวกเ้านำคนไปค้นหารอบตำหนักอีกครั้ง ตรวจสอบอีกทีว่าคนที่ติงหร่วนจับกุมตัวได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทุกคนขานรับก่อนพากันถอยออกไป พร้อมกับพาตัวอวี้ฉู่เฉิงไปด้วย
อวี้ฉู่จาวหันกลับมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลินหร่าน เขากุมมือเล็กเอาไว้
“เขาทำอะไรเ้าหรือไม่ ทำให้เ้าใใช่ไหม?”
หลินหร่านมองใบหน้าของอวี้ฉู่จาว ท่าทีห่อเหี่ยวยิ่งนัก ทั้งยังส่ายหน้าไปมา
หลังจากนั้น หลินหร่านหันไปมองผ้าคลุมหัวที่ตกอยู่บนพื้นอีกครั้ง เขาดึงมือออกจากการกอบกุมของอวี้ฉู่จาวพร้อมลุกขึ้น รีบก้มลงหยิบผ้าคลุมหัวขึ้นมา
อวี้ฉู่จาวลุกขึ้นยืนมองหลินหร่าน จึงเห็นในมืออีกคนถือผ้าคลุมหัวอยู่
หลินหร่านค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ราวกับ้าให้อวี้ฉู่จาวมองอะไรบางอย่าง
สายตาของหลินหร่านยังคงจ้องมองไปที่ผ้าคลุมหัว หมุนตัวมาหาอวี้ฉู่จาวเรียบร้อยก็หยุด
“ผ้าคลุมหัว...ท่านอ๋องยังไม่ได้เปิดมันออก...ข้าก็...ทำมันร่วงเสียแล้ว” น้ำเสียงของหลินหร่านเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดผสมปนเปไปกับความโกรธ
ทั้งๆ ที่ตนเองตั้งใจจะปกป้องผ้าคลุมหัวนี้ แต่ก็ยังปกป้องไม่ได้
อวี้ฉู่จาวรู้สึกทรมานหัวใจขึ้นมาทันที ยิ่งเห็นหลินหร่านมีท่าทีรู้สึกผิด ในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
จริงๆ แล้วอวิ๋นซีของเขาคงตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งเหล่านี้มาก
อวี้ฉู่จาวหยิบผ้าคลุมหัวขึ้นมาแล้วสบตาหลินหร่าน มอบรอยยิ้มอบอุ่นให้ “ไม่เป็ไร”
หลังจากนั้น อวี้ฉู่จาวก็ได้นำผ้าคลุมหัวผืนนี้คลุมให้หลินหร่านอีกครั้งด้วยตนเอง
“เื่ของเรามีจุดเริ่มต้นย่อมต้องมีจุดจบ เริ่มต้นกับสิ้นสุด ผ้าคลุมหัวของเ้าให้ข้าเป็คนคลุมและให้ข้าเป็คนเปิดมันออก ก็เท่ากับว่าข้าเป็ผู้เริ่มและผู้สร้างจุดสิ้นสุดมิใช่หรือ”
อวี้ฉู่จาวประคองหลินหร่านที่มีผ้าคลุมผมอยู่ พากลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
“หากมีเื่อะไรเอาไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้ ใครก็ห้ามรบกวนในห้องหอของเปิ่นหวัง!”
ประโยคนี้อวี้ฉู่จาวเอ่ยกับเหล่าองครักษ์เงา เจตนาบอกให้พวกเขาคอยเฝ้าดูให้ดี อย่าให้ใครก็ตามเข้ามารบกวน่เวลาส่งตัวเข้าห้องหอของเขากับอวิ๋นซีเป็อันขาด
ถ้อยคำที่อวี้ฉู่จาวบอกกับตนเอง หลินหร่านจดจำไว้ในใจและคิดว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นมีเหตุผล ทำให้ความรู้สึกผิดที่มีก่อนหน้านี้มลายหายไป เขาค่อยๆ เดินมานั่งอย่างเป็ระเบียบอยู่บนเตียง
ในใจของหลินหร่านเต็มไปด้วยความรู้สึกประหม่า เขามองไม่เห็นว่าอวี้ฉู่จาวกำลังทำอะไร ไม่มีเสียงใดในห้อง
ไม่นานนักเขาก็มองเห็นไม้ยาวที่ผูกผ้าสีแดงสอดเข้ามาใต้ผ้าคลุมหัว
อวี้ฉู่จาวค่อยๆ เปิดผ้าคลุมหัวของหลินหร่านออกช้าๆ
ไม่ว่าอย่างไร ขั้นตอนดังกล่าวนั้นก็แอบทำให้เขาหัวใจเต้นรัว
“อวิ๋นซี วันนี้เ้าช่างงดงามเหลือเกิน”
ในตอนนี้ อวี้ฉู่จาวเพิ่งได้พินิจพิจารณาความงดงามของพระชายาตัวน้อยของเขาอย่างเต็มตา
หลินหร่านรู้สึกเขินอายจึงก้มหน้าหนี
อวี้ฉู่จาวก้มตัวลง จุมพิตลงบนดอกไม้ที่วาดประดับอยู่กลางหน้าผากของหลินหร่านอย่างแ่เบา
“ถึงเวลารินเหล้าแล้ว”
หลังจากนั้น อวี้ฉู่จาวก็หมุนตัวไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านหลังแล้วหยิบเหล้าเหอจี้ที่ถูกเตรียมไว้แล้วขึ้นมา
พวกเขาทั้งคู่คล้องแขนกัน ค่อยๆ ดื่มของเหลวที่มีรสหวานอบอุ่นลงไปในลำคอช้าๆ
ต่อจากนั้น
“มาเถิด ต่อไปเป็สิ่งที่ข้ารอมานานแสนนาน ในที่สุดข้าก็จะได้ทำมันเสียที”
อวี้ฉู่จาวหยิบแก้วเหล้าออกจากมือของหลินหร่าน ก่อนโยนลงไปบนพื้นพร้อมกับดึงอีกคนไปที่เตียง
เตียงนอนหลังใหญ่ ม่านสีแดงถูกปล่อยลงเชื่องช้า
ทั้งสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน ไม่รู้ว่าเป็เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออย่างไร พวงแก้มทั้งสองข้างของหลินหร่านถึงได้แดงก่ำเช่นนี้ ดวงตาคู่นั้นก็ดูฉ่ำปรือ
ท่าทีเช่นนี้ของหลินหร่านทำให้สติของอวี้ฉู่จาวหลุดลอย ความหื่นกระหายคืบคลานเข้ามาในหัวใจ
“ต่อไปเราจะทำอะไรกันหรือ” อวี้ฉู่จาวจงใจประวิงเวลาไม่ยอมลงมือ แกล้งจ้องมองหลินหร่านเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
หลินหร่านเอ่ยอะไรไม่ออก เขาก้มหน้าลงก่อนจะพยายามดึงสายรัดเอวออกมาเพราะมันอึดอัดจนเกินไป
ท่าทีช่างเงอะงะ
อวี้ฉู่จาวมองชายาตัวน้อยที่อยากจะผูกโบว์มอบตัวให้เขาจนแทบอดรนทนไม่ไหว
หลินหร่านแกะมันออกได้เพียงครึ่งเดียว เพียงแค่เขาดึงสายรัดเอวออก อวี้ฉู่จาวก็จับมือเขาไว้ทันที
“เดี๋ยวข้าทำเอง” ของขวัญงดงามที่์มอบให้เช่นนี้ อวี้ฉู่จาวอยากเป็คนที่แกะออกมาเชยชมด้วยตนเองอยู่แล้ว
“อย่างนั้น...เดี๋ยวข้าช่วยท่านอ๋องบ้าง…”
“ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว”
ครู่ต่อมา หลินหร่านก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มองเห็นผิวเนียนไปทั่วร่าง
หลินหร่านพยายามข่มความเขินอายช่วยถอดเสื้อให้อวี้ฉู่จาวบ้าง ชุดวิวาห์ของท่านอ๋องเป็ชุดที่แสนจะยุ่งยาก แต่เมื่อได้ผ่านการฝึกฝนสำหรับปรนนิบัติท่านอ๋องมาแล้ว ชุดนี้จึงไม่นับเป็ปัญหาอีกต่อไป
อวี้ฉู่จาวจ้องหลินหร่านไม่วางตา หลินหร่านแต่งหน้าอ่อนๆ ดูเรียบง่าย
ในค่ำคืนที่งดงามเช่นนี้ ช่างล่อลวงจิตใจของอวี้ฉู่จาวได้ดีเสียจริง
อวี้ฉู่จาวก้มหน้าประทับจูบบนหน้าผากน้อย ไล่ลงมาตรงคิ้วและเปลือกตาของหลินหร่าน
หลินหร่านไม่หลบหนี เพียงก้มหัวลงเล็กน้อย เขาห้ามตนเองไม่ได้ที่มักเผลอหลบด้วยความเขินอาย แต่ก็ไม่ได้ถอยห่างจากอวี้ฉู่จาวแม้แต่น้อย
หลินหร่านยังคงยุ่งอยู่กับการถอดเสื้อผ้าของท่านอ๋องออก อวี้ฉู่จาวก็ลูบไล้และประทับจูบหลินหร่านไปทั่วร่าง
หลังจากถอดชุดวิวาห์ออกไปได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อเสื้อผ้าปลดลงมาอยู่บนแขนทั้งสองข้างของอวี้ฉู่จาวแล้ว อวี้ฉู่จาวก็จับมือของหลินหร่านเอาไว้ไม่ให้ตัวเขาขยับไปไหน
หลินหร่านเงยหน้าขึ้น ประสานสายตากับอวี้ฉู่จาว ในใจพลันรู้สึกตื่นเต้นอย่างห้ามไม่ได้
“อวิ๋นซี ข้าทนไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงของอวี้ฉู่จาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับหอบหายใจหนัก
“อย่างนั้น...ก็...ไม่ต้องทนพ่ะยะค่ะ” หลินหร่านกล่าวพลางลูบแผงอกของอวี้ฉู่จาว เขาค่อยๆ ขยับตัวขึ้น เป็ฝ่ายโถมเข้าไปจูบที่ริมฝีปากของท่านอ๋อง
อวี้ฉู่จาวเปลี่ยนมาเป็ฝ่ายจู่โจม กดหลินหร่านราบลงไปบนเตียง
แสงของเทียนสีแดงที่อยู่นอกเตียงพลิ้วไหว กระโจมผ้าไหมสีแดงเข้มที่ปกคลุมอยู่ทั่วค่อยๆ ปิดลง
แสงจันทร์อบอุ่นที่สาดส่องและสายลมอันแ่เบาที่พัดอยู่ด้านนอก ช่างเหมือนอวี้ฉู่จาวที่กำลังปฏิบัติต่อหลินหร่านด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน
เสียงแ่เบาที่ได้ยินออกมาจากม่านหน้าต่าง ทำให้คนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
รอบกายอบอวลไปด้วยความสุขที่เอ่อล้น
อวี้ฉู่จาวคงเป็คนที่รู้สึกพึงพอใจเป็ที่สุด เพราะนี่คือคนเดียวที่อยู่ในใจของเขาทั้งสองชาติภพ
หลังจากที่ครุ่นคิดเื่นี้มานาน ในที่สุดม่านฝูหรงก็ถูกกางออกในคืนฤดูใบไม้ผลิอัน และวันนั้น ท่านอ๋องก็ไม่ต้องเข้าร่วมการประชุมยามเช้า
ค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ทั้งคู่กอดก่ายกันไปมาอยู่เช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนข้ามเข้าสู่วันใหม่ ถึงขนาดที่หลินหร่านลุกจากเตียงแทบไม่ไหว
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยามค่ำคืน อวี้ฉู่จาวอุ้มหลินหร่านเข้าไปในห้องอาบน้ำ
หลินหร่านเหนื่อยจนไร้เรี่ยวแรง เขาดันสลบไปเสียก่อน
ณ เวลานี้ ท้องฟ้ายามเช้าใน่ปลายฤดูหนาวเริ่มสว่างขึ้น แสงตะวันเจิดจ้าสาดส่องเข้ามา
หลินหร่านซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของอวี้ฉู่จาว ไหล่เรียวและผิวอันบอบบางเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรักที่ถูกสร้างเอาไว้มากมายนัก ริมฝีปากของเขาเห็นได้ชัดเจนว่าบวมแดง ใต้ดวงตาก็มีรอยคล้ำจางๆ
อวี้ฉู่จาวตื่นเช้าจนเคยชิน ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรเวลานี้เขาก็จะตื่นขึ้นมา
เขากระชับหลินหร่านเข้ามาในวงแขน มองดูอีกคนที่กำลังหลับใหล ในใจเต็มไปด้วยความพึงพอใจ จึงจูบแ่เบาลงบนหน้าผากและมุมปากของคนในอ้อมกอด
เมื่อได้มองดูอีกคนอยู่เช่นนี้ ทำให้ตัวเขาไม่อยากจะลุกขึ้นเลย
อวิ๋นซีของเขาเชื่อมั่นในตัวเขาเป็อย่างสูง พร้อมมอบตัวและหัวใจให้กับเขา อีกทั้งท่าทีของอวิ๋นซีที่เป็ฝ่ายเข้าหาเขาก่อนเช่นนี้ แค่นั้นก็ทำให้เขาแทบคลุ้มคลั่ง
ถึงแม้อีกคนจะเขินอายอยู่มาก แต่หลินหร่านก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงความรักที่มีให้เขาได้รับรู้
-----------------------------------