ลมหายใจอันเร่าร้อนแผ่กระจายออกมาจากห้องด้านใน
ทั้งคู่จูบกันอย่างลึกซึ้งและเนิ่นนาน
ระหว่าง์และพิภพ ทุกสิ่งล้วนไร้สีสัน ในใจของพวกเขามีเพียงโลกที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวแต่เย่เช่อรู้สึกราวกับยาวนานหลายศตวรรษ อุณหภูมิที่ปลายนิ้วของเขาค่อยๆ ร้อนขึ้น ความปรารถนาส่วนลึกในใจพรั่งพรูออกมา
เขารู้สึกว่าหัวใจของตนเองถูกเผาผลาญด้วยเพลิงปรารถนาเช่นเดียวกับดอกท้อในเดือนสาม มันเป็ความรู้สึกที่ทั้งอบอุ่นและมีชีวิตชีวาเหมือนเมฆสีแดงบนท้องฟ้า
เขาไม่อยากหักห้ามใจอีกต่อไป เขาปล่อยให้ความคิดโลดแล่นอย่างอิสระเหมือนม้าป่า
หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ความคิดของเขาสับสนอลหม่าน
เขาไม่เคยเป็แบบนี้
ในหัวของเขามีเสียงบางอย่างคอยชี้แนะและปลุกเร้าให้เขาทำในสิ่งที่้ามากที่สุด
สัญชาตญาณลึกๆ ของมนุษย์มักเป็เช่นนี้เสมอ เื่นี้ไม่จำเป็ต้องได้รับการสั่งสอน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมมันจะปรากฏออกมาตามธรรมชาติ
แสงจันทร์สีเหลืองนวลส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา หญ้าสีเขียวที่ปกคลุมพื้นดินไหวเอนตามลม
“วิ้ว วิ้ว” เสียงร้องของนกกลางคืนดังลอดผ่านม่านเข้ามาในห้อง
อุณหภูมิร่างกายของทั้งสองไม่สามารถสูงไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าขาวเนียนของหญิงสาวในชุดสีม่วง เสียงครวญครางอย่างอ่อนหวานของนางทำให้หัวใจของเย่เช่อเต้นระรัว
อวิ๋นจื่อรู้สึกเพียงว่าร่างกายของนางอ่อนเปลี้ยและสติของนางก็พร่ามัว จู่ๆ นางก็รู้สึกหนาว ทันทีที่เสื้อตัวนอกร่วงลงสู่พื้นหญิงสาวก็ได้สติและถอยห่างจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
จิตใจของทั้งสองถูกเผาผลาญด้วยเพลิงปรารถนาอันร้อนแรง
ทันใดนั้นหญิงสาวก็พูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้งราวกับกำลังจะร้องไห้
“คุณชาย ข้าไม่ได้ขายเรือนร่าง”
เมื่อเห็นอวิ๋นจื่อมีท่าทีเปราะบางเช่นนี้ หัวใจของเย่เช่อก็อ่อนยวบ เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับความปรารถนาของตนเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า
“ในอนาคตเ้าย่อมเป็ภรรยาของข้า”
หลังจากที่เย่เช่อพูดจบ เขาก็จากไปด้วยความหดหู่
เขากลัวว่าหากอยู่ต่ออีกเพียงครู่เดียว เขาจะไม่สามารถหักห้ามใจได้
ร่างกายอันเย้ายวนนี้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว
ถึงอย่างไรนางก็เป็หญิงสาวที่งดงามอย่างยิ่ง!
เมื่อกลับมาถึงจวนผู้ว่าการเขาต้องอาบน้ำเย็นนับครั้งไม่ถ้วนก่อนที่จะระงับความ้าของตนเองได้
ซูเจินหัวเราะเยาะขณะดื่มชา
เย่เช่อถามด้วยความไม่พอใจ “เ้าหัวเราะอะไร?”
ซูเจินวางถ้วยชาลง เคาะด้ามพัดเบาๆ และกล่าวว่า “แน่นอนว่าข้าหัวเราะให้กับเื่ตลก เย่เช่อหนอเย่เช่อ ข้าไม่คิดเลยว่าคนอย่างเ้าจะมีวันนี้ ฮ่าๆๆ ข้าหยุดหัวเราะไม่ได้จริงๆ เ้าปล่อยให้ข้าหัวเราะเถอะ ฮ่าๆๆ”
ซูเจินหัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของสหายกำลังมืดลงเรื่อยๆ เขาก็หยุดหัวเราะและกล่าวว่า “เย่เช่อ ข้าได้ยินมาว่าปี้เหยียนเพิ่งเข้ามาอาศัยอยู่ที่ศาลาฉีอวิ๋นเมื่อไม่นานมานี้”
เย่เช่อเลิกคิ้ว “ใครบอกเ้า?”
เย่เช่อรู้ว่าซูเจินจะไม่พูดเื่ที่ผู้อื่นต่างรู้กันดีอยู่แล้ว เว้นแต่เื่นั้นจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติและไม่ควรเกิดขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ธรรมดา
ซูเจินวางพัดในมือลงและกล่าวว่า “ข้าย่อมใช้วิธีพิเศษ เ้าก็รู้ว่าหูตาของข้ากว้างไกลไม่แพ้ตระกูลมู่”
หลังจากได้ยินเช่นนี้เย่เช่อก็เข้าใจทันทีว่าต้องมีบางอย่างอยู่เื้ัเื่นี้
เขาขยิบตาเพื่อเป็สัญญาณให้ซูเจินเล่าต่อ
“ข้าคิดว่าเ้าควรไปพบประมุขตระกูลมู่” ซูเจินกล่าวด้วยท่าทีลังเล
เย่เช่อถามว่า “เ้าตั้งใจจะพูดอะไร?”
ซูเจินยิ้มบางๆ “เ้าลองคิดดูเอาเองเถอะ ข้าไปหาม่านอู่แล้ว ลาก่อน”
หลังจากพูดจบเขาก็จากไปทันที
ไม่นานซูเจินก็มาถึงศาลาฉีอวิ๋น
เมื่อได้ยินว่ามีแขกมาหา อวิ๋นจื่อก็ให้หงจินช่วยนางแต่งหน้าอีกรอบ เพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงก่ำจากเหตุการณ์เมื่อครู่
แต่ไม่ทันไรซูเจินก็เข้ามาแล้ว
เมื่อมองไปที่หญิงสาวซึ่งกำลังทาแป้งหนาเตอะตรงหน้า ซูเจินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้ามีข้อเสนอที่ไร้ยางอายบางอย่าง ไม่ทราบแม่นาง้าฟังหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อสั่งให้หงจินนำกู่ฉินเข้ามา นางนั่งบนม้านั่งหน้ากู่ฉิน ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า
“ในเมื่อเป็ข้อเสนอที่ไร้ยางอาย เหตุใดคุณชายถึงต้องกล่าวออกมา?”
ซูเจินไม่โกรธที่อวิ๋นจื่อพูดเช่นนั้น เขากล่าวต่อว่า “บางทีข้าอาจช่วยแม่นางได้ คำว่าช่วยของข้าย่อมหมายถึงไถ่ตัวแม่นางออกไป”
คำกล่าวของซูเจินราวกับสายฟ้าฟาด จิตใจของหญิงสาวที่แต่เดิมสงบนิ่งเหมือนแม่น้ำกลับปั่นป่วนอย่างมากในขณะนี้ ความวิตกกังวลทำให้อวิ๋นจื่อเกิดความรู้สึกเหมือนมีมีดแหลมจี้อยู่ที่ลำคอ
นางอยากกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เมื่ออ้าปากกลับไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา
“เหตุใดคุณชายถึง้าทำเช่นนั้น?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงแ่เบา
แต่ซูเจินกล่าวเพียงว่า
“แม่นางลองเก็บไปไตร่ตรองดู”
หลังจากนั้นร่างของชายหนุ่มก็หายไป
อวิ๋นจื่อนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อหงจินเดินเข้ามาในห้องและพบว่าอวิ๋นจื่อกำลังเหม่อลอย นางก็อุทานด้วยความใ “คุณหนูเป็อะไรไปเ้าคะ?”
เสียงของหงจินดึงดูดความสนใจของเหล่าหญิงสาวที่อยู่ด้านนอกทันที
ไม่ว่าจะเพราะอยากรู้อยากเห็นหรือหวังดี พวกนางต่างรีบมารวมตัวกันที่ห้องของอวิ๋นจื่ออย่างรวดเร็ว
แต่อวิ๋นจื่อยังคงเพิกเฉยต่อการมาของพวกนางและตกอยู่ในภวังค์โดยสมบูรณ์
หงจินเพิ่งเดินเข้ามา นางจึงไม่รู้ว่าคุณชายซูพูดอะไรกับอวิ๋นจื่อ
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นจื่อยังตกอยู่ในภวังค์และไม่สนใจใคร ทุกคนก็จากไปด้วยความโกรธเคือง
หลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นจื่อก็จับมือหงจินและกล่าวว่า
“คุณชายซูบอกว่าเขา้าไถ่ตัวข้า”
เมื่อหงจินได้ยินเช่นนั้นนางก็อุทานออกมาด้วยความดีใจ “คุณหนู นี่เป็เื่ที่ดีมาก!”
แต่อวิ๋นจื่อรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย!
ใครจะไปรู้ว่าซูเจินคิดอะไรอยู่จึง้าไถ่ตัวนาง
เหตุการณ์กลับพลิกผันเป็เช่นนี้ได้!
ชายหนุ่มรูปงามที่ได้ฟังนางเล่นกู่ฉินเพียงไม่กี่ครั้ง จะไถ่ตัวนางเพื่ออะไร?
อวิ๋นจื่อไม่ได้คาดคิดมาก่อน
นางควรปฏิเสธหรือไม่?
หรือนางต้องไปจากที่นี่จริงๆ?
‘แต่ถ้าออกไปแล้วข้าจะยังมีโอกาสได้พบเย่เช่ออีกหรือไม่? แล้วข้าควรทำอย่างไร?’
อวิ๋นจื่อรู้สึกสับสนเป็อย่างมาก
ทั้งนายและบ่าวต่างตกอยู่ในภวังค์ จึงไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนแอบฟังอยู่ด้านนอก ชิงเกอที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามาบังเอิญได้ยินคำพูดของทั้งสองพอดี
‘เป็ไปได้อย่างไร? ทำไมคุณชายซูถึง้าไถ่ตัวผู้หญิงคนนี้?’
‘เพราะเหตุใด?’
‘ปี้เหยียนกำลังจะแต่งเข้าจวนผู้ว่าการ นางจะกลายเป็คนของคุณชายซู เหตุใดถึงเป็เช่นนี้ได้?’
‘ข้าต่ำต้อยกว่านางตรงไหน?’
ความหึงหวงทำให้สตรีเหล่านี้เกลียดชังกันโดยไร้เหตุผล
ชิงเกอหันหลังกลับด้วยความขุ่นเคือง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
‘เ้าจะได้แต่งเข้าจวนผู้ว่าการหรือ? ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางเ้า!’
‘รอดูเถอะ!’
ชิงเกอจะยอมหลีกทางให้หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในหอจุ้ยฮวนไม่กี่วันได้อย่างไร?
ชิงเกอกลับไปที่ห้องของตนเองด้วยความเคียดแค้น ทันทีที่นางโบกมือ สาวใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความหวาดกลัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้