คิดถึงตรงนี้แววตาของอวี้เสวียนดูมืดมนไปหลายส่วน
มองแล้วในใจซูเฟยซื่อก็ตื่นตระหนกทันทีคิดว่าอวี้เสวียนจีจะกลายร่างไปอีกแล้ว รีบเอ่ยปากประจบ “ใครบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋องเก้าพันปีข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่านอ๋องเก้าพันปีต่างหากเ้าค่ะ”
“อ้อ?” อวี้เสวียนจีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจนังหนูนี่มักจะทำให้เขาตื่นเต้นยินดีในแบบที่ต่างออกไป
“ท่านอ๋องเก้าพันปียังจำหลี่ฉีได้หรือไม่เ้าคะ?วันนั้นต้องขอบคุณที่ท่านอ๋องเก้าพันปีลงมือช่วยเหลือมิฉะนั้นข้าน้อยได้กลายเป็ผีพยาบาทดวงหนึ่งไปแล้วเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อกล่าวจบ จู่ๆหัวใจสั่นอย่างแรง
ที่แท้นางใกล้ความตายขนาดนั้น
ไม่ได้ครั้งนี้ต้องโจมตีหลี่ฉีกับนางแซ่โหยวให้ถึงที่สุด สังหารให้สิ้น มิทิ้งไว้ให้เป็เภทภัยภายหลัง
“มานี่สิ”อวี้เสวียนจีกระดิกนิ้วเรียกซูเฟยซื่อ ยิ้มอย่างสง่างาม
แต่ยิ่งเขายิ้มแบบนี้ซูเฟยซื่อก็ยิ่งไม่สบายใจ
นางไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าในทางกลับกันได้ถอยหลังก้าวหนึ่งแล้ว มองดูอวี้เสวียนจีอย่างตื่นตัวบ้าง “ถ้าท่านอ๋องเก้าพันปีจำไม่ได้ก็ไม่เป็ไรข้าน้อยจะค่อยๆ ช่วยท่าน...”
ก่อนที่จะพูดจบทันใดนั้นตาลายทันที ข้างหูมีเสียงพายุอันรุนแรงคมกริบกรีดผ่าน
ไม่รอให้นางตอบโต้ขากรรไกรล่างก็ถูกคนจับตรึงไว้อย่างรุนแรงแล้ว
ส่วนอวี้เสวียนจีที่เมื่อครู่พิงบนเตียงนุ่มตอนนี้ได้ลงมาอยู่ตรงหน้านางแล้ว
สองคนจมูกแทบชนกันใกล้กันมาก เกือบได้ยินเสียงหายใจและการเต้นของหัวใจของกันและกัน
สบเข้ากับดวงตาหงส์คู่นั้นของอวี้เสวียนจีที่งามคล้ายหลุดมาจากภาพวาดแต่ทว่าดูชั่วร้ายราวกับอยู่ท่ามกลางขุมนรกซูเฟยซื่อเพียงรู้สึกว่าสันหลังเย็นวาบพักหนึ่ง กระทั่งหายใจก็ไม่ราบรื่น
“ท่านอ๋อง...ท่านอ๋องเก้าพันปี”ซูเฟยซื่อเอ่ยปากฝืนทำท่าสงบมั่นคง ยังไม่สามารถซ่อนความสั่นเทิ้มในเสียงของนางได้
แม้ว่าอวี้เสวียนจีจะได้ช่วยนางไว้หลายครั้งไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นางคิดไว้ตอนแรก แต่ความกลัวที่นางมีต่ออวี้เสวียนจีดูเหมือนจะฝังรากลึกไว้ในก้นบึ้งของจิตใจนางแล้วไม่สามารถควบคุมหรือหลีกเลี่ยงได้
“วันนั้นถ้าข้าอุปราชไม่ได้เร่งรุดไปให้ทันเวลาเ้าคิดจะทำอย่างไร?”อวี้เสวียนจียิ้มอย่างไร้เดียงสา แต่รังสีสังหารกลับรุนแรงมาก
เขาโทษว่าเื่ในวันนั้นนางไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย?
ซูเฟยซื่อสะบัดศีรษะออกโดยไม่รู้ตัวหลบสายตาที่ชวนให้ผู้คนหลงใหลของเขา แล้วจึงเอ่ยปาก “เป็ความสะเพร่าของข้าเองไม่ได้พบว่าคนที่ขับรถเป็หลี่ฉีเ้าค่ะ”
“ข้าอุปราชกำลังถามว่าเ้าคิดจะทำอย่างไร?” อวี้เสวียนจีย้ำวาจาเมื่อครู่อีกครั้งสิบนิ้วรวบกระชับแน่น เกราะป้องกันบนนิ้วหัวแม่มือคมเหมือนมีดเกือบแทงบาดใส่ใบหน้าของซูเฟยซื่อ
ความเ็ปจากขากรรไกรล่างแพร่มาเป็พักๆซูเฟยซื่อขมวดคิ้วแล้วค่อยๆ พูดออกมา “สู้ตายสักตั้ง”
ดวงตาของอวี้เสวียนจีลึกลงไปอีกแล้วผ่านไปนานในที่สุดก็เอ่ยปาก “สำหรับข้าอุปราชไม่มีการสู้ตายในที่นี้ ไม่ว่าตายหรือชัยชนะมีแต่คนที่กุมชะตากรรมชีวิตไว้ในมืออย่างแ่าเท่านั้นจึงคู่ควรกับคำว่าแข็งแกร่ง”
ในที่ของอวี้เสวียนจีไม่มีการสู้ตาย
ในใจของซูเฟยซื่อสั่นอย่างรุนแรงไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็ครั่นคร้าม
แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อนเลยว่าทำไมอวี้เสวียนจีจึงสงบได้ทุกครั้งราวกับว่าโลกทั้งใบอยู่ในมือของเขา
เพราะเขาเป็ผู้แข็งแกร่งที่ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้คนนั้น
เขาได้คำนวณความเป็ไปได้ของจิตใจผู้คนและกับทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่งย่อมสามารถป้องกันปัญหาได้ทุกอย่าง
นางอ่อนแอจริงเมื่อเทียบกับเขา
เพียงแต่คนเช่นใดกันที่สามารถเลี้ยงดูฟูมฟักความคิดอันแยบคายเช่นนี้ออกมาได้อวี้เสวียนจี... ที่แท้เขามีอดีตอย่างไร
ไม่รู้ว่าทำไมความหวาดกลัวที่ซูเฟยซื่อมีต่ออวี้เสวียนจีก็หายไป แทนที่ด้วยความสงสาร“อวี้เสวียนจี...”
สังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในสายตาของนางอวี้เสวียนจีขมวดคิ้วแน่น ถึงกับปล่อยมือออกอย่างตื่นตระหนกไปบ้างถอยกลับไปที่เตียง “ข้าอุปราชกล่าวไปแล้ว ถ้าเ้าไม่สามารถกุมชะตาชีวิตของตนได้ข้าอุปราชจะช่วยเ้าควบคุม ถ้ามีครั้งหน้าอีก จะไม่ละเว้นเด็ดขาด”
รออวี้เสวียนจีช่วยกุมชะตาชีวิตให้นางนั่นก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือตาย!
ซูเฟยซื่อสูดหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายเื “ข้ารู้แล้ว แต่จะไม่มีครั้งหน้าอีกคราวนี้จะให้หลี่ฉีตกนรก”
“อ้อ?” มาหาเขาเพื่อพูดคุยเื่ของหลี่ฉีจริงๆแต่หลี่ฉีไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเขา ทำไมซูเฟยซื่อบอกว่ามาช่วยเขา?
ราวกับดูออกถึงความสงสัยของอวี้เสวียนจีซูเฟยซื่อหัวเราะคิกออกมาทันที “ยมทูตให้ใครตายตอนยามห้า ผู้นั้นก็มีชีวิตอยู่ไม่เกินยามเจ็ดท่านอ๋องเก้าพันปีไม่ใช่เป็ยมทูตนั่นหรอกหรือ? แต่น่าเสียดายที่นางแซ่โหยวไปหานางแซ่หลี่ขอความช่วยเหลือเชิญหมอให้หลี่ฉีช่วยหลี่ฉีเก็บชีวิตดวงหนึ่งกลับมา หรือว่าไม่นับว่าขัดใจท่าน? แต่ตอนนี้ข้ากำลังไปช่วยท่านเอาชีวิตของหลี่ฉีหรือไม่นับว่าช่วยท่าน?”
ตาหงส์ของอวี้เสวียนจีค่อยๆตวัดขึ้น “เถียงข้างๆ คูๆ”
แต่ฟังแล้วดูเหมือนมีเหตุผลอยู่บ้าง
ซูเฟยซื่อนังหนูนี่สามารถโต้แย้งได้จริงๆ
“นี่ท่านอ๋องเก้าพันปีตกลงแล้ว?” ซูเฟยซื่อถามอย่างหยั่งเชิง
“คิดว่าอย่างไร?” อวี้เสวียนจีเงยหน้าขึ้นไม่ตอบวาจาของนางโดยตรง
“วันนั้นเห็นชัดๆว่าหลี่ฉีไม่ไหวแล้ว หลังจากจั๋วจื่ออัดโอสถเม็ดแล้ว ไม่เพียงสามารถร้องไห้ อาละวาดยังสามารถขอความเมตตาได้ ข้าเพียงอยากรู้ว่าถ้ากินอีกหลายเม็ดจะได้ผลอย่างไรเ้าคะ?”
“ตะวันรอนกลับสาดแสงสุรีย์อาการดีขึ้นก่อนตาย ต้องตายในเจ็ดวันแน่นอน”
“ที่แท้เป็เช่นนี้”ซูเฟยซื่อหรี่ตาลง ประกายเ้าเล่ห์กะพริบผ่านปราดหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ถ้าเช่นนั้นขอท่านอ๋องเก้าพันปีประทานแก่เฟยซื่อสักหลายเม็ดไปเล่นบ้างสิเ้าค่ะ”
คลื่นประกายในดวงตาของอวี้เสวียนจีไหววูบทันทีมุมปากกระดกขึ้นเบาๆ “นังหนูนับว่าเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก จั๋วจื่อ”
“ขอรับ”จั๋วจื่อขานรับ หยิบขวดกระเบื้องเคลือบอันประณีตใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อสองมือก็ประคองหันไปส่งให้ซูเฟยซื่อ
ซูเฟยซื่อรับเอาขวดกระเบื้องเคลือบมายิ้มจนเห็นฟันทันที “ขอบคุณท่านอ๋องเก้าพันปี ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่รบกวนแล้วเ้าค่ะ”
ได้ของแล้วก็คิดไป?
อวี้เสวียนจีโบกมืออย่างเกียจคร้าน
“เฟยซื่อฉลาดหลักแหลมจริงๆหลังจากหลี่ฉีกินยานั้นลงไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เหมือนคนที่ไม่เป็อะไรเดิมกระทั่งเตียงยังลงไม่ไหว ตอนนี้สามารถวิ่งะโโลดเต้นได้แล้วว่าไปประหลาดนัก เห็นชัดๆ ว่าอาการาเ็บนร่างเขายังไม่ดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้รู้สึกยากที่จะทนได้หรือเ็ปทั้งสิ้น โอสถนี้ของท่านอ๋องเก้าพันปีร้ายกาจจริงๆถ้ายามสู้ศึกประจัญบานให้ทหารทุกคนกินเม็ดหนึ่งกันหมด ไยมิใช่ทั่วใต้หล้ารบชนะได้?”กลับมาจากสอดแนมข่าวคราวที่บ้านตระกูลหลี่ เซ่าชิงก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น
ซูเฟยซื่อสั่นศีรษะหัวเราะพลางกล่าวว่า “ทั่วหล้าไหนจะมีเื่แบบนี้ทุกอย่างล้วนต้องจ่ายราคาค่างวดทั้งสิ้น”
เซ่าชิงฟังจบหันไปดูซูเฟยซื่ออย่างอดไม่ได้ที่จะสงสัย “เ้าบอกว่าจ่ายราคาค่างวด หมายความว่า?”
ขณะที่ซูเฟยซื่อให้เขาไปส่งยาให้หลี่ฉีเขาก็รู้สึกแปลกมากแล้ว ตามเหตุผลซูเฟยซื่อควรหวังให้หลี่ฉีตายเร็วขึ้นทำไมยังส่งยาไปช่วยเขาเป็พิเศษ
เมื่อครู่ถูกประสิทธิผลของยานั้นทำให้ครั่นคร้ามจนลืมถามไปชั่วขณะ
ตอนนี้ในเมื่อพูดกันมาถึงหัวข้อนี้แล้วเขาต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนแน่นอน
“เมื่อสักพักเ้ากล่าวว่าอาการาเ็บนร่างเขายังไม่หายดี ยานี้ไม่สามารถรักษาอาการป่วยได้ แต่ฝืนกระตุ้นร่างของเขาให้เขารู้สึกว่าตนได้ดีขึ้นแล้วได้ ก็เหมือนตะวันรอนกลับสาดแสงสุรีย์อาการดีขึ้นก่อนตาย อย่างมากที่สุดเขาสามารถมีชีวิตเพียงเจ็ดวันแล้วความเร็วเราต้องรีบเร่งขึ้น” มุมปากซูเฟยซื่อยกขึ้นเบาๆ
“คุณหนูคิดวางแผนล่อหลี่ฉีมาจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างไรเ้าคะ?” ซางจื่อรู้เื่แผนการของซูเฟยซื่อดังนั้นจึงรับเื่ต่อไป
“จือฉีเอากุญแจคล้องใจไปแล้วต้องคิดหาวิธีไปพบหลี่ฉี เพื่อไม่ให้จือฉีเกิดความสงสัย นางแซ่โหยวต้องให้พวกเขาได้พบหน้ากันครั้งหนึ่งขอเพียงพวกเขาสองคนได้พบหน้ากัน เื่นี้ก็นับว่าสำเร็จแล้ว มาจวนอัครมหาเสนาบดีหรือไม่ก็เหมือนกันหมด”ในดวงตาซูเฟยซื่อแฝงรอยยิ้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้