วันคืนอันแสนสงบสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน ่ครึ่งเดือนที่ผ่านมาภายในจวนเงียบสงบไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้น อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเซ่นไหว้บรรพชน สกุลโม่เป็ตระกูลขุนนางเก่าแก่ของแคว้นฉินที่มีประวัติขาวสะอาด สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน แม้ว่าในตระกูลสายตรงจะไม่เคยมีผู้ใดได้เป็ขุนนางชั้นสูงที่มีความสามารถโดดเด่น แต่ก็มีชื่อเสียงในด้านคุณธรรมและความซื่อสัตย์ โม่ฮว่าเหวินเป็บุตรชายคนโตสายตรงสกุลโม่ ย่อมต้องเป็ประธานจัดพิธีเซ่นไหว้บรรพชน
ความแตกต่างของพิธีเซ่นไหว้บรรพชนสกุลโม่กับสกุลทั่วไปคือ ผู้นำตระกูลจะต้องเชิญบัณฑิตผู้ทรงเกียรติและมีชื่อเสียงดีงามมาเป็ประธาน และต้องเชิญแขกผู้มีคุณธรรมความสามารถคนอื่นๆ มาร่วมเป็สักขีพยานในพิธี บุตรธิดาสายตรงทั้งหมดจะต้องสวมชุดผ้าฝ้ายสำหรับเข้าพิธีเป็การเฉพาะ แล้วคุกเข่าในห้องบูชาบรรพชนเพื่อแสดงถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และเป็การแสดงความนับถือต่อแขกทุกท่านด้วยความจริงใจ
ธิดาสายตรงสกุลโม่รุ่นนี้มีเพียงโม่เสวี่ยถง เื่นี้จึงเป็ภาระหน้าที่ของตน ไม่อาจผลักไปให้ผู้อื่นได้
ดังนั้นวันนี้ฟางอี๋เหนียงจึงให้บ่าวนำอาภรณ์สำหรับใส่ร่วมพิธีมาให้โม่เสวี่ยถง เป็ชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีขาว ที่รอบคอเสื้อและรอบแขนเสื้อกุ๊นด้วยขนสัตว์บางๆ เพื่อป้องกันอากาศหนาว
“คุณหนู ฟางอี๋เหนียงนี่ช่างใจจืดยิ่งนัก ชุดแบบนี้ส่งมาให้คุณหนูได้อย่างไร” สวี่มามาพลิกเสื้อผ้าตรวจสอบแล้วกล่าวอย่างอดโมโหไม่ได้
“เสื้อผ้ามีสิ่งใดผิดปรกติหรือ” เสียงหัวเราะของโม่เสวี่ยถงพลันเงียบลง เหลือเพียงมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยขณะพลิกอ่านตำราแพทย์ในมือ
“ชุดที่ฟางอี๋เหนียงส่งมาไม่ผิดหรอกเ้าค่ะ รูปแบบการเย็บล้วนถูกต้อง ดูไปก็หนาใช้ได้ แต่บ่าวเห็นว่าฝีเย็บดูหยาบเกินไป เส้นด้ายบางจุดทั้งหยาบและแข็งบาดมือ ดูจากภายนอกเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าคุณหนูสวมเข้าไป จะต้องถูกบาดจนเป็แผลแน่นอน พิธีเซ่นไหว้บรรพชนก็ใช้เวลายาวนาน หากคุณหนูสวมเสื้อผ้าแบบนี้จะต้องเจ็บแสบไปทั้งตัวแน่เ้าค่ะ” สวี่มามาตามโม่เสวี่ยถงเข้าไปในห้อง บ่นพึมพำด้วยความโมโห “ไม่เจอกันปีกว่า ฟางอี๋เหนียงยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวัน นี่เป็การคิดทำร้ายคุณหนูถึงตายชัดๆ”
พูดถึงตรงนี้ นางก็มองโม่เสวี่ยถงอย่างวิตกกังวล แต่โม่เสวี่ยถงที่อยู่เบื้องหน้านางขณะนี้กลับวางเฉย ริมฝีปากทอยิ้มบางๆ
้าทำร้ายนางให้ตายหรือ แน่นอนว่าไม่ใช่!
ฟางอี๋เหนียงไม่ขวัญกล้าถึงขนาดทำร้ายตนเองอย่างออกนอกหน้าเป็แน่ นางพลิกดูอาภรณ์ที่วางอยู่ด้านข้าง ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีขาวเดิมทีก็เตรียมเพื่อใช้ในพิธีเซ่นไหว้บรรพชน เพื่อให้สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบง่าย ต่อให้มีตะเข็บทั้งตัวก็ไม่อาจอุทธรณ์ใดๆ ได้ หากตนเองยกเื่นี้ขึ้นมาพูดก็มีแต่จะทำให้คนรู้สึกว่าเป็เพราะนางเปราะบางอ่อนแอและชอบหาเื่โดยไม่มีเหตุผล
นิ้วบอบบางไล้ลงไปบนเนื้อผ้า รู้สึกว่ามีเส้นด้ายเส้นหนึ่งบาดมือเป็พิเศษ หากคนที่ไม่ได้ใส่ใจอาจนึกว่าเป็เพียงด้ายหยาบธรรมดาเท่านั้น แต่โม่เสวี่ยถงกลับรู้ว่าในด้ายหยาบเหล่านี้มีเส้นด้ายที่ทำมาจาก ‘เข็มหนอนไหม์’ ผสมอยู่ด้วย เส้นด้ายชนิดนี้มิใช่วัตถุดิบของแคว้นฉิน น้อยคนนักที่จะรู้จัก ได้ยินมาว่าในเขตชายแดนของแคว้นเยี่ยนมีหนอนไหมลึกลับชนิดหนึ่งสามารถให้กำเนิดเส้นไหมชนิดนี้ได้ โม่เสวี่ยถงเคยอ่านจากบันทึกเื่แปลกพิสดารเล่มหนึ่ง
เส้นด้ายที่มีชื่อว่า ‘เข็มหนอนไหม์’ ชนิดนี้ ภายนอกดูเหมือนด้ายหยาบทั่วๆ ไปทุกประการ แต่เมื่อสวมใส่เข้าไปแล้วได้รับความร้อนจากร่างกายมนุษย์เป็เวลานาน ก็จะเปลี่ยนเป็เข็มทิ่มแทงคนได้ เริ่มแรกจะรู้สึกถึงเข็มเพียงเล่มเดียว ต่อมาก็จะเพิ่มขึ้นเป็สิบเข็ม ในที่สุดก็เพิ่มขึ้นเป็หมื่นเข็มทิ่มแทงคน ถามหน่อยเถิดว่าใครจะสามารถสวมใส่อาภรณ์แบบนี้ได้
แต่ยามถอดออก อาภรณ์ตัวนี้ก็จะกลายเป็เสื้อผ้าเนื้อหยาบธรรมดาไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ แม้จะตรวจสอบก็ไม่พบสิ่งใด ฟางอี๋เหนียงช่างแผนสูงยิ่งนัก หากคนเองสวมชุดนี้ยามที่ถูกหมื่นเข็มทิ่มแทง จะนั่งอย่างสงบได้อย่างไร หากขยับเพราะสิ่งนี้ ก็จะถูกคนที่อยู่ในพิธีตำหนิว่าขาดความกตัญญู ไม่เคารพต่อบรรพชน ทำตัวยโสโอหังไร้มารยาทต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติทั้งหมด
การถูกตราหน้าเช่นนี้เพียงพอที่จะทำลายชีวิตสตรีผู้หนึ่งทั้งชีวิตเลยทีเดียว
“เสื้อผ้าแบบนี้จะใส่เข้าไปได้อย่างไรเ้าคะคุณหนู ฟางอี๋เหนียงทำเกินไปแล้วจริงๆ จะให้บ่าวไปแจ้งให้นายท่านรับทราบหรือไม่” สวี่มามากล่าวด้วยความโมโห ที่ฟางอี๋เหนียงไม่ให้คนจัดการกับเส้นด้ายตะปุ่มตะป่ำเหล่านี้ให้เรียบร้อย
โม่เสวี่ยถงยิ้มน้อยๆ โคลงศีรษะไปมา “ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะแม่นม ใส่แค่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
“แต่คุณหนู...” สวี่มามาไม่สบายใจ
“ถึงเวลาแม่นมก็เตรียมชุดหรูฉวิน[1] ที่หนาหน่อยให้ข้าก็พอ ด้ายชนิดนี้ต่อให้แข็งอย่างไรก็ไม่อาจแทงทะลุเข้าไปในชุดหรูฉวินได้หรอก”
เข็มธรรมดาอาจไม่ได้ แต่ ‘เข็มไหม์’ กลับมิใช่
สวี่มามาตรึกตรองดูก็รู้สึกว่าจริง จึงไม่ประวิงเวลา ลากตัวโม่หลันซึ่งอยู่ด้านข้าง และโม่อวี้ออกไปด้านนอกเพื่อช่วยกันทำชุดหรูฉวินให้หนาเป็พิเศษ
เช้าวันต่อมา โม่เสวี่ยถงตื่นแต่เช้าตรู่ โม่หลันยกสำรับเช้าเข้ามาส่ง มีเพียงแตงกวาจืดๆ หนึ่งถ้วย ข้าวต้มหนึ่งถ้วย วันนี้เป็วันเซ่นไหว้บรรพชน ของกินมีไม่มาก แต่เท่านี้ก็น้อยเกินไปจริงๆ โม่เหอวางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโห “คุณหนู ในครัวจัดสำรับให้พวกเรามาแค่นี้เองเ้าค่ะ บอกว่าวันนี้ให้กินได้แต่ของพวกนี้”
ข้าวต้มถ้วยเล็กแค่นี้ คุณหนูจะอิ่มได้อย่างไร และที่สำคัญก็คือมื้อต่อไปต้องรอจนถึงหัวค่ำจึงจะอนุญาตให้กินได้ แค่ข้าวต้มใสถ้วยเล็กแล้วต้องหิ้วท้องอยู่ทั้งวัน ด้วยสุขภาพที่อ่อนแอของคุณหนูจะทนรับไหวได้อย่างไร
“ไม่ต้อง แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่เลวนักหรอก!” โม่เสวี่ยถงยิ้มน้อยๆ หยิบตะเกียบขึ้น แล้วกินอย่างสง่างามโดยไม่เกี่ยงงอนแม้แต่น้อย
ข้าวต้มถ้วยหนึ่งไม่มากมาย กินประเดี๋ยวเดียวก็หมด โม่เสวี่ยถงวางชามในมือลงอย่างเงียบเชียบ โม่หลันเข้ามาปรนนิบัติสวมอาภรณ์ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีขาวบริสุทธิ์ชุดนั้น เรือนผมมิได้เกล้ามวยสูงปักปิ่นงดงาม เพียงแค่ปล่อยสยายลงมาแล้วใช้สายรัดสีอ่อนรวบไว้หลวมๆ ที่ด้านหลัง นี่เป็การแต่งกายของสตรีสมัยราชวงศ์จิ้น ซึ่งสอดคล้องกับธรรมเนียมที่สืบทอดมานับพันปีของสกุลโม่
โม่เสวี่ยถงสวมชุดผ้าฝ้ายสีขาวมาถึงห้องรับแขกด้านหน้า จวนโม่ไม่มีบุตรชายลูกภรรยาเอก นางผู้เป็บุตรสาวจึงต้องรับหน้าที่สำคัญนี้แทน ดังนั้นอาภรณ์ที่สวมใส่ในวันนี้จึงแตกต่างจากชุดกระโปรงในยามปรกติ ชุดคลุมตัวยาวแขนกว้างมีความงดงามระดับปานกลาง เรือนผมสีดำสนิทยาวถึงบั้นเอวถูกรวบไว้หลวมๆ ที่ด้านหลัง อาภรณ์ตัวยาวหลวมกว้าง คาดด้วยสายคาดเอวเส้นเล็กที่ประณีตงดงาม เสื้อผ้าเนื้อหยาบสีขาวมิได้ลดทอนความงามของนางลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับแต่งแต้มให้ยิ่งดูมีเสน่ห์เป็ธรรมชาติประหนึ่งดอกฝูหรงที่โผล่พ้นน้ำ
เมื่อมาถึงเรือนรับแขกด้านหน้า ก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกมิได้เข้าไปด้านใน เนื่องจากโม่ฮว่าเหวินไม่มีบุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอก นางผู้เป็บุตรสาวจึงต้องรับหน้าที่ต้อนรับแขกที่หน้าประตูแทน โม่หลันปูเสื่อให้นางนั่งคุกเข่าตามธรรมเนียมโบราณ โม่อวี้ช่วยจัดอาภรณ์ของนางให้เรียบร้อย ทั้งสองต่างคุกเข่าด้วยความนอบน้อมอยู่ด้านหลังของโม่เสวี่ยถง
่เช้าเป็่เวลาที่โม่ฮว่าเหวินออกมาพบปะต้อนรับแขก ตอนเที่ยงไม่มีการเตรียมอาหาร ่บ่ายจึงเป็่พิธีเซ่นไหว้บรรพชนอย่างแท้จริง สิ่งที่นางต้องทำคือคุกเข่าต้อนรับแขกที่หน้าประตูตลอด่เช้า ่บ่ายก็เข้าไปด้านในเพื่อช่วยบิดาทำพิธีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เนื่องจากนางเป็สตรี บางเื่ก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเพียงแค่เดินตามหลังของโม่ฮว่าเหวินก็พอ
แเื่ไม่มากมายนัก ทว่ากลับมีแต่คนมีชื่อเสียง โม่เสวี่ยถงนั่งคุกเข่าหลุบตาก้มหน้าลงอยู่ที่นั่น เมื่อแขกแต่ละท่านมาถึง นางก็นำโม่หลันและโม่อวี้ค้อมกายลงกราบคารวะในท่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม รอจนกระทั่งแขกเข้าไปในห้องรับแขกแล้วจึงหยัดกายขึ้น ภายในเสื้อผ้าเนื้อหยาบที่สวมอยู่เริ่มเปลี่ยนแปลงจากเนื้อผ้าปรกติธรรมดากลายสภาพเป็ของมีคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่นางหยัดกายขึ้น ‘ด้ายหยาบ’ ที่สั่งทำมาเป็พิเศษเ่าั้ก็ทิ่มแทงเข้าไปบนผิวเนื้ออ่อนนุ่มของนางราวกับเข็มแหลม
ความเ็ปทิ่มแทงทำให้เริ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลออกมาจากศีรษะ ใบหน้าถอดสีเป็ขาวซีด ปลายนิ้วที่พับซ่อนอยู่ใต้ฝ่ามือกระตุกสองครา เส้นเืสีเขียวที่หลังมือปรากฏให้เห็นอยู่รางๆ
โม่อวี้ที่เฝ้าจับตามองคุณหนูของตนอยู่ตลอดเวลาเริ่มพบความผิดปรกติ ร่างที่ค้อมกายคุกเข่าอยู่ยกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่คิดจะเอ่ยปากก็ถูกโม่หลันดึงลงมาอีกครั้ง ทั้งสองคนคุกเข่าลงตามโม่เสวี่ยถง มีคนมาอีกแล้ว!
อาภรณ์ตัวยาวสีขาวปรากฏอยู่เบื้องหน้าสายตาของโม่เสวี่ยถง ร่างบอบบางค่อยๆ โน้มลงคารวะต้อนรับผู้มาอย่างแช่มช้อย นี่เป็สิ่งที่บุตรภรรยาเอกพึงกระทำ เพื่อเป็การแสดงความเคารพต่อแขกผู้มาเยือนด้วยความจริงใจ
ผู้สวมอาภรณ์สีขาวมิได้รีบเดินเข้าไปด้านในเช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆ แต่กลับหยุดตรงหน้านาง มีเสียงคนร้องรายงาน “คุณชายไป๋มาถึงแล้ว”
ไป๋อี้เฮ่ามาจริงๆ ด้วย!
ร่างกายของโม่เสวี่ยถงที่โน้มตัวลงกับพื้นตึงเครียดโดยไม่รู้ตัว แม้จะรู้ว่าไป๋อี้เฮ่ามาเพื่อช่วยเหลือนาง แต่กลับยังรู้สึกตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกหวาดกลัวในตัวไป๋อี้เฮ่าของนางติดมาแต่ชีวิตก่อน นางมักจะรู้สึกว่าภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาดูบริสุทธิ์สูงส่งมีความมืดดำอยู่มากมายนัก นั่นไม่ใช่ส่วนที่นางจะเข้าไปััได้ แม้ว่านางได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่กลับไม่ปรารถนาจะเป็หมากให้ผู้ใด ไม่้าประสบกับโศกนาฏกรรมแบบอื่นอีก
นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพฤติกรรมของไป๋อี้เฮ่ายามที่อยู่แคว้นฉินจึงแตกต่างกับยามอยู่แคว้นเยี่ยนและไม่อยากรู้ด้วย ดังนั้นครั้งแรกที่พบกับไป๋อี้เฮ่า นางจึงได้ใช้วิธีแลกเปลี่ยนของมีค่าที่คู่ควรกับการช่วยเหลือครั้งนี้ เพื่อแสดงอย่างชัดเจนว่าระหว่างนางกับเขามีความสัมพันธ์แบบได้ผลต่างตอบแทน นางเป็เพียงสตรีอ่อนแอในห้องหอ ไม่อาจแบกรับภาระปณิธานยิ่งใหญ่ของเขาได้
ไป๋อี้เฮ่ายืนนิ่งอยู่หน้านาง มองดูมือขาวกระจ่างที่มีเส้นเืโผล่ออกมาตุบเต้นอยู่เป็ระยะคู่นั้น สีตาพลันสว่างวาบเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “บุตรสาวภรรยาเอกไยจึงดูเหน็ดเหนื่อยปานนี้ หรือว่าร่างกายรู้สึกไม่สบาย”
เมื่อคำพูดของเขาหลุดจากริมฝีปาก ทุกคนที่กำลังสนทนากันอยู่ภายในห้องรับแขกต่างหันศีรษะมองไปไป๋อี้เฮ่ากันเป็ทิวแถว ด้วยสถานะของเขาแล้วไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งสิ้น
สถานะบุตรชายหรือบุตรสาวของภรรยาเอกซึ่งทำหน้าที่ต้อนรับแขกที่หน้าประตูย่อมแตกต่างจากปรกติ ในเมื่อบุตรสาวภรรยาเอกจะทำหน้าที่แทนบุตรชาย ดังนั้นสถานะของโม่เสวี่ยถงในวันนี้จึงเทียบได้กับบุตรชายภรรยาเอกของสกุลโม่ หากแขกผู้มาเยือนอยากจะทักทายประโยคสองประโยคก็เป็เื่ปรกติธรรมดามาก เพียงแต่เพราะโม่เสวี่ยถงเพิ่งกลับมาอยู่จวนโม่ ไม่เคยสนิทสนมคุ้นเคยกับผู้ใดทั้งสิ้น ดังนั้นแขกที่มาเยือนจึงไม่มีใครพูดทักทายกับนาง
“ร่างกายข้ามิได้เป็อันใด เชิญคุณชายด้านในเถิด” โม่เสวี่ยถงคุกเข่าสงบนิ่งกล่าวเสียงเรียบ ยังคงโน้มกายลงแนบพื้นไม่ขยับ หางตายังคงจับอยู่ที่อาภรณ์สีขาวเบื้องหน้า ขาวจนแสบตา ร่างบางหมอบอยู่ตรงหน้า บั้นเอวคอดกิ่วดูบอบบางราวกับดอกบัวขาวที่เบ่งบาน ภายใต้อาภรณ์หยาบกระด้างกลับเผยให้เห็นเสน่ห์เย้ายวน
“หากมิได้ไม่สบาย ไฉนนิ้วมือจึงกระตุก หลังมือมีเหงื่อออก เนื้อตัวจึงสั่นเทาเช่นนั้นเล่า” เขาเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล หัวเราะเสียงต่ำ ต่อหน้าคนมากมายเพียงนั้น เขาใช้เสียงทุ้มต่ำเช่นนี้ ยิ่งฟังรื่นหูราวกับเสียงน้ำพุกลางหุบเขา คำพูดที่ดูเอาใจใส่ในยามนี้ช่างจับใจคนยิ่งนัก
โม่ฮว่าเหวินซึ่งอยู่ภายในห้องได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินออกมา คารวะต่อไป๋อี้เฮ่า ดวงตาของเขาเลื่อนไปตามสายตาของไป๋อี้เฮ่าซึ่งจับอยู่บนมือของโม่เสวี่ยถงที่หมอบอยู่ที่พื้น เส้นเืบนมือเล็กบอบบางปูดโปนขึ้นมา ยามนี้กระตุกสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามอดทนมากเพียงใด จึงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “ถงเอ๋อร์ สุขภาพของเ้าไม่แข็งแรง หากไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ิ่เอ๋อร์มาทำหน้าที่แทน ส่วนเ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิด”
“ท่านพ่อ ถงเอ๋อร์ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ” โม่เสวี่ยถงก้มศีรษะหมอบติดกับพื้น น้ำเสียงยังคงนุ่มนวลอ่อนโยน หากไม่ใช่ว่าเห็นนิ้วมือที่กระตุกอยู่เป็ระยะ เป็ใครก็ไม่รู้ว่าความอดทนของนางถึงขีดสุดแล้ว
โม่อวี้ซึ่งอยู่ด้านหลังอดใจไม่ไหวจะหยัดกายขึ้นอ้าปากพูด แต่โม่หลันซึ่งอยู่ข้างกายรีบกระตุกเสื้อของนางโดยพลัน ให้นางหมอบลงมา
แม้ว่าความเคลื่อนไหวนี้จะดูเล็กน้อย แต่กลับอยู่ในสายตาของโม่ฮว่าเหวินทั้งหมด
..............................................................................................................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] หรูฉวิน เป็ชุดกระโปรงสตรีสมัยโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้