เมื่อรับประทานมื้อเช้าเรียบร้อย เวลาจึงผ่านไป ค่อยๆ ล่วงเลยมาจนสาย
แต่ภายในวังหลวงยังมีคนรอทั้งสองคนอยู่
หลังจากเตรียมตัวอยู่พักหนึ่ง อวี้ฉู่จาวก็ได้พาหลินหร่านขึ้นรถม้าเพื่อเข้าไปในวังหลวง
สำหรับเื่ของอวี้ฉู่เฉิงเมื่อคืนนี้ รอพวกเขากลับจากวังหลวงค่อยจัดการทีหลังแล้วกัน
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตำหนักเทพเ้าแห่งาเคยเป็ตำหนักของเหิงหวังมาก่อน
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของผู้เป็พระอนุชาอย่างอวี้หนานถัง ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงได้สร้างตำหนักของเหิงหวังให้อยู่ใกล้วังหลวง
ดังนั้น ตำหนักนี้จึงอยู่ห่างจากวังหลวงไม่ไกลนัก ใช้เวลาเพียงไม่กี่เค่อ1 ก็มาถึงแล้ว
หลังจากเข้ามาในวังหลวง แค่มองออกมาจากหน้าต่างของรถม้าก็เห็นได้ชัดถึงสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยอิฐกระเบื้องสีแดงและกำแพงสูงใหญ่
ในใจของหลินหร่านอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า เขารีบจัดแจงเสื้อผ้าที่ตนเองสวมอยู่ให้เรียบร้อย พร้อมจัดแจงท่าทีของตนให้เหมาะสม เกือบที่จะเตรียมถ้อยคำเอ่ยถวายความเคารพออกมาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นใครบางคนเริ่มนั่งไม่ติด อวี้ฉู่จาวก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกคนคงรู้สึกประหม่า
ก่อนหน้านี้เขาก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าหลินหร่านต้องรู้สึกกระวนกระวายใจเป็แน่
ฮ่องเต้กับฮองเฮาคือบุคคลที่ผู้คนให้ความเคารพสูงสุดในราชวงศ์อวี้ มีอำนาจควบคุมชีวิตหรือความเป็ความตายของผู้คน
ถึงจะบอกว่าเป็การเข้าไปทำความเคารพหลังพิธีอภิเษกธรรมดา ทว่า หลินหร่านก็ยังเป็แค่เด็กน้อยที่ยังไม่เคยพบเจอโลกกว้างนัก แล้วยิ่งเป็สถานที่ที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบกับพิธีรีตองอย่างในวังหลวงด้วยแล้ว หลินหร่านจึงคิดว่า หากทำอะไรผิดพลาดเพียงเล็กน้อยต้องกลายเป็ตราบาปอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่หลินหร่านกังวลใจเป็ที่สุดคือ หากตนเองทำได้ไม่ดีอาจทำให้ท่านอ๋องต้องขายหน้า กลายเป็ทำให้ท่านอ๋องเดือดร้อน
“อวิ๋นซี ไม่ต้องกังวล เ้ามีข้าอยู่ด้วยทั้งคน” อวี้ฉู่จาวดึงหลินหร่านเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อปลอบโยน
“อื้อ” หลินหร่านพยักหน้า “ท่านอ๋อง หากข้าแสดงกิริยามารยาทที่ไม่งามจะทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคืองพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หลินหร่านยังคงรู้สึกเป็กังวล มารยาทต่างๆ ที่ได้เรียนก่อนงานอภิเษกสมรสนั้นเป็เพียงการเรียนแบบเร่งรัด ไม่รู้ว่าเพียงพอสำหรับมารยาทสำหรับใช้ในราชวงศ์หรือไม่
“เ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก คนที่เ้าควรกังวลมิใช่เสด็จพ่อ”
“เป็...ฮองเฮาหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านมั่นใจว่าคนที่อวี้ฉู่จาวหมายถึงต้องเป็ฮองเฮา
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้เื่ราวในราชวงศ์ดีนัก แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าบัลลังก์นี้คือเป้าหมายขององค์ชายทุกพระองค์
ฮองเฮามีโอรสของตนเอง นี่คงเป็สิ่งที่ท่านอ๋องต้องเตรียมรับมือ และเป็ไปได้มากว่าฮองเฮาอาจ้าโจมตีท่านอ๋องโดยการหาวิธีจัดการเขา ท่านพ่อก็เคยกล่าวถึงเื่นี้
“ใช่” อวี้ฉู่จาวเอ่ยต่อ “เ้าคือพระชายาที่พระองค์ช่วยแต่งตั้งให้ข้า ด้วยจุดประสงค์ที่้าขัดขวางไม่ให้ข้าสืบราชบัลลังก์และอับอายขายหน้า แต่วันนี้...พระองค์ก็คงได้ยินข่าวลือมาแล้ว พวกเราทั้งคู่แตกต่างจากสิ่งที่พระองค์คาดหวังเอาไว้อยู่มากโข หากเป็เช่นนั้นในใจของพระองค์คงไม่สงบ ข้าจึงกลัวว่านางจะทำให้เ้าลำบากใจ”
อวี้ฉู่จาวไม่ได้กังวลในสิ่งที่ฮองเฮาคิดกระทำ หากแต่กลัวว่าหลินหร่านจะได้รับาเ็จากการโจมตีครั้งนี้เสียมากกว่า
“ไม่เป็ไรพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ข้าคิดว่า...ข้าต้องรับมือได้อย่างแน่...นอน” ประโยคหลังหลินหร่านได้แต่หดคอลง ความกล้าหาญถดถอย เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมา
อวี้ฉู่จาวไม่คิดว่าหลินหร่านจะโต้ตอบกลับมาเพื่อปลอบใจเขา ถึงแม้ว่าประโยคหลังจะดูท้อแท้ไปสักหน่อย แต่มันก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญล่ะนะ
อวี้ฉู่จาวลูบผมยาวสลวยของหลินหร่าน พร้อมส่งยิ้มด้วยความเอ็นดู “ข้าเชื่อใจเ้า”
“ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” หยางซานเอ่ยจากด้านนอกของรถม้า
อวี้ฉู่จาวก้าวลงจากรถม้าไปก่อน หลังจากนั้นถึงหันมาอุ้มหลินหร่าน
รถม้าไม่ได้เข้าไปถึงตัวพระราชวัง แต่หยุดอยู่ที่หน้าประตูซวนกลางวังหลวง ต่อจากนั้นพวกเขาต้องเดินเท้าเข้าไปด้วยตนเอง
เนื่องจากต้องเข้าไปยังพระราชวังชั้นใน จึงไม่อาจพกอาวุธใดๆ เข้าไปได้ ยิ่งเป็รถม้ายิ่งไม่ควรเข้าไป
อวี้ฉู่จาวจูงมือหลินหร่าน ด้านหลังมีคนที่เดินตามมาด้วยอย่างหยางซานกับคนกลุ่มหนึ่งที่เตรียมเดินเข้าไปในพระราชวังเฟิงอี้ของฮองเฮา
ระหว่างทางพวกเขาเดินผ่านสวนดอกไม้ สำหรับสวนดอกไม้ของฮองเฮานั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างยิ่งนัก
แม้จะเป็่ปลายฤดูหนาว แต่ก็ยังมีดอกไม้อีกมากมายกำลังรอที่จะเบ่งบานราวกับพวกมันอยู่ในฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น
“ว้าว ดอกไม้ดอกนี้คือดอกอะไรหรือขอรับท่านอ๋อง สวยงามเหลือเกิน” หลินหร่านจ้องมองดอกไม้สีขาวที่แต่งแต้มตรงใจกลางด้วยสีแดง รูปร่างแปลกประหลาดแต่งดงาม เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“นี่คือดอกไม้ที่นำมาจากทางเหนือ ดอกเหมยแดงยามเหมันต์ จะเบ่งบานเฉพาะฤดูหนาวและจะเหี่ยวเฉาเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ตรงนั้นก็เช่นกัน…”
อวี้ฉู่จาวอยากให้หลินหร่านลดความประหม่า จึงแนะนำดอกไม้ให้ฟัง ซึ่งหลินหร่านเองก็ได้รับความรู้ไปด้วย
และในศาลาที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก
“นั่นคือพระชายาองค์ใหม่หรือ?” หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามและยังเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์เหล่ตามองด้วยดวงตาแวววาวพร้อมเอ่ยขึ้นมา
“เมื่อวานนี้เป็งานอภิเษกสมรสของจ้านหวังเพคะ วันนี้จึงต้องเข้ามาในวังเพื่อมาถวายความเคารพฮองเต้กับฮองเฮา หากมาพร้อมกับท่านอ๋องเช่นนี้ เกรงว่าอาจใช่เพคะ” นางกำนัลข้างกายตอบ
“ถ้าเช่นนั้น...ตอนนี้ฮองเต้คงรอท่านอ๋องอยู่ที่พระราชวังเฟิงอี้พร้อมกับฮองเฮา อย่างนั้นสินะ”
“เพคะ เมื่อวานนี้ฮองเฮาก็ทรงใช้ข้ออ้างนี้ในการให้ฮองเต้อยู่ที่พระราชวังเฟิงอี้ต่อเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาอีก
เมื่อคืน ฮ่องเต้ตั้งใจจะมาหาพระสนมอย่างพวกนางแท้ๆ ไม่ทันไรกลับถูกฮองเฮาฉกตัวไปหน้าตาเฉย อีกทั้งยังอ้างว่าวันรุ่งขึ้น ท่านอ๋องผู้นี้จะพาพระชายาเข้ามาถวายความเคารพ เพื่อไม่ให้ยุ่งยากจึง้าให้ฮ่องเต้บรรทมอยู่ที่พระราชวังเฟิงอี้
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปที่พระราชวังเฟิงอี้กันเถิด วันนี้ข้าเองก็ยังไม่ได้เข้าไปถวายความเคารพฮองเฮา”
……
อีกด้านหนึ่ง อวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านมาถึงพระราชวังเฟิงอี้แล้ว
“ถวายบังคมเสด็จพ่อเสด็จแม่” หลินหร่านถวายความเคารพพร้อมกับอวี้ฉู่จาว
“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้ฉงเต๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หลินหร่านคิดในใจ ‘ที่แท้สง่าผ่าเผยเช่นนี้เอง’
อวี้ฉู่จาวลุกขึ้นก่อนประคองหลินหร่านให้ลุกขึ้นตาม
หลินหร่านมีรูปร่างที่ค่อนข้างเล็ก เสื้อผ้าสำหรับพระชายานั้นค่อนข้างหนักสำหรับเขา หากไม่มีตนเองคอยช่วยประคองขึ้น เกรงว่าอาจได้หน้าทิ่มลงไปถวายความเคารพอีกรอบ
เมื่อเห็นวอี้ฉู่จาวแสดงท่าทีห่วงใยต่อหลินหร่าน ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงทอดพระเนตรด้วยแววตาพึงพอใจ
ทว่าฮองเฮานั้นจ้องมองมาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
“จาวเอ๋อร์ ดูท่าเ้ากับพระชายาจะเข้ากันได้ดี เช่นนี้ผู้เป็พ่อก็ปลื้มใจ ในที่สุดเ้าก็ได้มีครอบครัวจริงๆ เสียที ต่อจากนี้ เ้าคงช่วยเหลืองานของข้าได้อย่างสบายใจแล้วสินะ เื่ราวของาในแถบชายแดน อย่างไรคงต้องให้จ้านหวังอย่างเ้าเป็ผู้จัดการกระมัง”
หลังจากนึกถึงพระชายาทั้งสองคนเมื่อไม่กี่ปีก่อนของอวี้ฉู่จาว ฮองเต้ฉงเต๋อคิดว่า ไม่ว่าจะเป็พระราชโองการครั้งก่อนๆ หรือพระราชโองการแต่งตั้งพระชายาในครั้งนี้ ช่างไม่ใช่เื่ง่ายเอาเสียเลยสำหรับบุตรชายคนนี้
อวี้ฉู่จาวประสานมือถวายคำนับพลางเอ่ยขึ้น “ลูกจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”
แต่คนที่อยู่เบื้องหน้าของอวี้ฉู่จาวนั้น ยังคงมองมาที่เขาด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่เอ่ยพูด ท่าทีไม่เปลี่ยนแปลง
“พระชายาจ้านหวัง” ฮ่องเต้ฉงเต๋อตรัสขึ้น ราวกับ้าถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของหลินหร่าน
หลินหร่านรีบโค้งตัวลงถวายคำนับ “พ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
อวี้ฉู่จาวหันไปมองหลินหร่านด้วยความสนใจ ตั้งใจฟังถ้อยคำของฮ่องเต้ฉงเต๋อ หากมีปัญหาอะไรเขาจะได้คอยสนับสนุน
“ข้ารู้มาว่าก่อนหน้านี้ เ้าเป็คนที่มีชื่อเสียงในเมืองอวี้อัน…”
หลินหร่านใจเต้นรัว เพราะเื่เ่าั้นับเป็เื่ราวที่เลวร้ายสำหรับเขา
แต่ฮ่องเต้ฉงเต๋อก็มิได้แสดงท่าทีสนใจเื่เหล่านี้มากนัก เพราะพระองค์เป็คนเลือกคนผู้นี้มาเอง อีกทั้งพระราชโองการนั้นก็มีพระองค์เป็ผู้ทำหน้าที่แต่งตั้ง
“แต่หลังจากวันนี้เ้าอยู่ในสถานะพระชายา เ้าไม่ได้เป็เพียงหลินหร่านจากจวนแม่ทัพฮวาเวยอีกต่อไป การกระทำและคำพูดของเ้าถือเป็หน้าเป็ตาของราชวงศ์และตำหนักจ้านหวัง ต่อไปในอนาคตเ้าต้องระวังตัวและเข้มงวดมากขึ้น”
ฮ่องเต้ฉงเต๋อได้ทำการเตือนหลินหร่านให้คำนึงถึงราชวงศ์และราชสำนักอยู่เสมอ พระองค์เลือกหยิบยกสิ่งเหล่านี้ออกมาพูด ซึ่งเป็เื่ที่ทุกคนต้องคำนึงถึง
แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาต่างก็มีส่วนสมรู้ร่วมคิดในการวางแผนงานอภิเษกสมรสครั้งนี้ของอวี้ฉู่จาว ถึงแม้จะรู้ว่ามันจะเป็เช่นนี้ แต่ก็ต้องปกปิดเอาไว้
พระองค์เป็ถึงฮ่องเต้ จะยอมให้ตนมีความรู้สึกผิดและจะทำให้ผู้อื่นรับรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์มีความคิดบางอย่างที่คนอื่นไม่ควรรับรู้อยู่
ไม่ว่าเื่ที่ปกปิดนั้นคืออะไร หากเื่นี้ถูกเปิดเผยออกมาก็สามารถเปลี่ยนให้มันกลายเป็เื่ที่ดีได้
สำหรับคนที่ยืนอยู่ในตำแหน่งและอำนาจอย่างพระองค์แล้ว การจะเปลี่ยนแปลงเื่ราวให้เป็ดั่งใจนั้น พระองค์กระทำได้อย่างง่ายดายเลยเชียว
-------------------------------
1 เค่อ หมายถึง เวลาของจีน โดย 1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที