หลังฮ่องเต้ฉงเต๋อทรงตรัสเรียบร้อยแล้ว หลี่ิลู่จึงได้นำของกำนัลมาถวาย
ติงหร่วนที่อยู่ข้างกายหลินหร่านรีบเข้ามารับไปทันที หลินหร่านกับอวี้ฉู่จาวจึงโค้งคำนับซึ่งเป็กล่าวขอบพระทัย
จากนั้นฮองเฮาถึงได้ตรัสขึ้น
“เื่ที่ควรจะเตือน ฝ่าาทรงตรัสไปหมดแล้ว จาวเอ๋อร์เป็เด็กดีมาตลอด ไม่เคยทำให้ต้องรู้สึกลำบากใจ แต่พระชายา…”
ทันใดนั้น ฮองเฮากลับเล็งเป้ามาที่หลินหร่าน
แววตาของอวี้ฉู่จาวเปลี่ยนไปใน่เวลาอันสั้น เขาจ้องมองฮองเฮาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
เสด็จแม่ก็เป็คนที่หากไม่รนหาเื่อาจไม่มีความสุข
แต่เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ท่านอ๋องได้เตือนหลินหร่านแล้ว ทำให้เขาไม่รู้สึกแปลกใจนักเพราะเตรียมใจมาพอสมควร แต่ก็ยากเลี่ยงที่จะรู้สึกกังวลใจ อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็ฮองเฮา มีศักดิ์เป็พระมารดาของท่านอ๋อง
แม้แต่ท่านอ๋องเองก็แสดงท่าทีต่อต้านมากไม่ได้
“พ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านก้าวออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าวก่อนคำนับ
ฮองเฮามองหลินหร่านด้วยท่าทีสง่างามและใบหน้ายิ้มแย้ม แต่น้ำเสียงที่เอ่ยสั่งสอนเต็มไปด้วยความจริงจัง “ข้ารู้มาว่าเ้าไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในจวนแม่ทัพฮวาเวยเป็เวลาถึงเจ็ดปี คงไม่ได้เรียนรู้วิถีของขงจื๊อ เื่การทหารและศิลปะการต่อสู้อาจไม่ต้องพูดถึง ความรู้และการศึกษาคงด้อยกว่าทหารองครักษ์และนายทหารชั้นประทวน…”
หลินหร่านเข้าใจโดยพลัน ฮองเฮาคงไม่ชอบตนเองนัก
แต่พระองค์เป็คนเลือกเขาให้มาเป็พระชายาของท่านอ๋องไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดตัวพระองค์เองถึงมาแสดงออกว่าไม่ชอบใจเช่นนี้ล่ะ
“ถึงอย่างไรเ้าก็อภิเษกสมรสกับจาวเอ๋อร์แล้ว เข้ามาอยู่ในตำหนักจ้านหวังก็ถือเป็คนในราชวงศ์ เป็ภรรยาของจาวเอ๋อร์ แม้ว่าเ้าจะเป็ชาย แต่เ้าก็ต้องทำหน้าที่ดูแลเื่งานบ้านต่างๆ อย่าให้เขาต้องเป็กังวล”
“กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านคำนับด้วยท่าทีเชื่อฟัง
“ยังมีอีกเื่...เมื่อได้เป็พระอัครชายา ก็ไม่ควรแสดงท่าทีหึงหวง เ้าเป็ชาย มิอาจให้กำเนิดทายาทได้ หากต่อไปจาวเอ๋อร์มีพระสนม ฟูเหรินหรือเหล่านางบำเรอไม่น้อย หากเ้าหึงหวงจนเกิดเื่อื้อฉาวในวังหลวงแล้วล่ะก็ ราชสำนักคงไม่อาจปล่อยเ้าไปได้ รอให้ผ่าน่นี้ไปก่อน ข้าจะเลือกหญิงสาวที่เหมาะสมกับการ…”
ฮองเฮาจะเลือกหญิงงามให้ท่านอ๋องงั้นหรือ!
นี่กลับทำให้หลินหร่านเริ่มร้อนใจ
“กระหม่อม...กระหม่อมให้กำเนิดได้...ไม่ต้องให้…” คนพวกนั้น
คำพูดด้านหลังยังไม่ทันได้เอ่ยออกไป หลังเงยหน้ามองฮองเฮา เขาพลันเห็นว่าสีหน้าของพระองค์เปลี่ยนไปจึงทำให้เขาหยุดพูดทันที
เื่เกี่ยวกับตัวเขา ท่านอ๋องเคยบอกแล้วว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง เพราะความร้อนใจทำให้เมื่อครู่นี้เขาหลุดปากบอกไป
หลินหร่านรู้ดีว่าตนเองไม่ควรกล่าวตามอำเภอใจ แต่เขาไม่พอใจที่ฮองเฮาจะหาสนมมาให้ท่านอ๋องนี่นา
แม้ว่าน้ำเสียงของหลินหร่านที่เอ่ยออกมาไม่ชัดเจนนัก แต่ฮองเต้กับฮองเฮากลับได้ยินชัดเจน
“เ้าว่าอย่างไรนะ” ฮองเฮาตรัสออกมาด้วยโทนเสียงสูง พระองค์มีความรู้สึกไม่อยากเชื่อ “เ้าให้กำเนิดได้? เ้าคงบ้าไปแล้ว ฮ่องเต้แต่งตั้งพระชายาที่เป็ชาย แล้วเ้าจะให้กำเนิดทายาทได้อย่างไรกัน”
ฮ่องเต้ฉงเต๋อขมวดคิ้ว พระองค์จ้องมองด้วยสายตาครุ่นคิด
นี่พระองค์เลือกบุตรสะใภ้แสนโง่เขลาให้เป็พระชายาของราชโอรสอย่างนั้นหรือ
หลินหร่านไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ภายใต้แขนเสื้อกว้างนั้น ฝ่ามือเล็กยื่นไปดึงชายเสื้อของอวี้ฉู่จาวเอาไว้แน่น
ทั้งคู่ยืนใกล้กัน แต่เพราะเสื้อผ้าที่สวมอยู่หลายชั้นทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นฝ่ามือของหลินหร่าน แต่อวี้ฉู่จาวมองเห็นการกระทำทั้งหมด และเขารู้สึกดีที่หลินหร่านเลือกที่จะพึ่งพาเขา
“กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกค้นพบว่าพระชายามีเชื้อสายของชาวเผ่าจือเม่ย เขามีหลอดเืดำคู่พ่ะย่ะค่ะ” อวี้ฉู่จาวกล่าวอย่างใจเย็น ไม่มีท่าทีที่แสดงถึงความ้าหลอกลวงฮ่องเต้แม้แต่น้อย
ฮ่องเต้ฉงเต๋อประหลาดใจยิ่งนัก “เผ่าจือเม่ย?”
หากเป็ผู้ที่ศึกษาตำรามามากหรือรอบรู้ประวัติศาสตร์ก็จะรู้เื่นี้เป็อย่างดี
ชายแดนทางใต้มีชนเผ่าเก่าแก่ลึกลับเพียบพร้อมไปด้วยอำนาจ เผ่าของพวกเขามีความลับที่เกี่ยวข้องกับบัญชาจากสรวง์ พวกเขาสามารถรับเจตจำนงจากสรวง์แล้วสื่อสารกับเทพเ้าได้
เกี่ยวกับชายที่เกิดในเผ่าจือเม่ย
ถ้าเกิดชายผู้นั้นมีหลอดเืดำคู่ แล้วได้มีการเปิดผนึกก็จะสามารถให้กำเนิดบุตรได้เหมือนกับเพศหญิงทุกประการ
ชายที่ให้กำเนิดได้นั้น สำหรับพวกเขาแล้วคือเจตจำนงของ์ นับเป็สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็มงคล
ทว่า ชาวเผ่าจือเม่ยค่อนข้างรักสันโดษ หากไม่ได้เกิดเื่ใหญ่อะไร พวกเขาจะไม่มีทางออกมาจากแหล่งซ่อนตัวของเผ่าโดยเด็ดขาด
เมื่อราวสองร้อยกว่าปีก่อน ตอนที่ต้าอวี้เพิ่งเริ่มสถาปนา เผ่าจือเม่ยถือเป็เผ่าที่ดุร้ายและมีอำนาจในขณะนั้น
่เวลานั้น ราชสำนักได้มีความเห็นว่า้าส่งคนเข้าไปทำลาย แต่ก็ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะทุกครั้งที่เข้าไปมักพบเจอเื่ราวที่อันตรายและน่ากลัวอยู่เสมอ ส่งผลถึงขั้นได้รับาเ็รุนแรงไปจนถึงเสียชีวิต
หลังจากนั้น ราชสำนักได้เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์โดยการยอมจำนนต่อเผ่าจือเม่ย
ฮ่องเต้ของต้าอวี้ในตอนนั้นได้ยื่นข้อเสนอ แต่งตั้งให้ผู้นำของเผ่าจือเม่ยเป็มหาปุโรหิตประจำราชสำนัก พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะมอบอำนาจยิ่งใหญ่และมั่งคั่งให้ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ
ต่อมาจึงได้มีการเจรจาของทั้งของฝ่ายเกิดขึ้น เผ่าจือเม่ยเป็ฝ่ายที่ยอมจำนน และต้าอวี่ก็ให้สัญญาว่าต่อจากนี้เป็ต้นไป จะไม่เข้าไปรุกรานและรบกวนการใช้ชีวิตของเผ่าจือเม่ยอีก
พวกเขาเองจึงได้ให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติกับพวกเราเฉกเช่นเดียวกับเหล่าลูกหลานของต้าอวี้
ฮ่องเต่ฉงเต๋อไม่คิดเลยว่าสองร้อยกว่าปีผ่านไปแล้ว พระองค์จะยังได้พบลูกหลานของเผ่าจือเม่ยที่มีเส้นเืดำคู่หลงเหลืออยู่อีก
อีกทั้งคนผู้นั้นคือหลินหร่าน พระชายาของพระราชโอรสของพระองค์เอง
แต่ว่า...เหตุใดถึงได้มีเผ่าจือเม่ยอยู่ทางภาคกลางได้
“เป็ไปได้อย่างไร” ฮ่องเต้ตรัสถามอีกครั้ง
“พระมารดาของพระชายาเป็คนของเผ่าจือเม่ย แม่ทัพฮวาเวยมักจะออกรบไปยังชายแดนทางใต้บ่อยครั้ง จึงได้หลงเข้าไปในหมู่บ้านของเผ่าจือเม่ย ก่อนจะสู่ขอภรรยากลับมาอยู่ที่ภาคกลางนี้ และให้กำเนิดพระชายาที่มีหลอดเืดำคู่พ่ะย่ะค่ะ”
“เป็เช่นนี้เอง” และแล้วฮ่องเต้ฉงเต๋อก็รู้ถึงต้นสายปลายเหตุ
ขณะเดียวกัน ในใจของฮ่องเต้ฉงเต๋อทรงมีความคิดด้านมืดผุดขึ้นมา
‘เผ่าจือเม่ย นี่์ให้โอกาสเขาอย่างนั้นหรือ บัญชาจากสรวง์ หลอดเืที่เป็ดั่งชีพจรของเทพเ้า’
นี่คือสิ่งที่ฮ่องเต้ทุกพระองค์อยากได้มา
ในราชวงศ์ที่ด้อยวัฒนธรรมเช่นนี้ เหล่าผู้คนมักมีความเชื่อมั่นในเทพเ้า เผ่าจือเม่ยก็เปรียบเสมือนบันไดแห่งความเชื่อและแรงบันดาลใจที่มาจากก้นบึ้งของความหวาดกลัว มีอิทธิผลต่อผู้คนยิ่งนัก
ฮ่องเต้ฉงเต๋อหวนนึกถึงเหตุที่ได้มาซึ่งอำนาจของตนเอง ทางด้านฮองเฮาไม่พอใจเป็อย่างสูง
ตอนแรกคิดว่าจะกำจัดการให้กำเนิดทายาทของอวี้ฉู่จาวเพื่อลดทอนคุณสมบัติของเขา แต่เวลานี้...พระชายาผู้เป็ชายกลับสามารถให้กำเนิดทายาทได้ นี่มันเื่อะไรกัน?
“ฮ่องเต้เพคะ หลินหร่านผู้สามารถให้กำเนิดทายาทได้ ก่อนหน้านี้พวกเรามิเคยรับรู้เื่นี้มาก่อน ถือมีความผิดฐานหลอกลวงพระจักรพรรดิ!”
ฮองเฮามิใช่ผู้โง่เขลา แค่มองแววตาของฮ่องเต้ฉงเต๋อก็รับรู้ได้ทันทีว่าพระองค์รู้เื่ของเผ่าจือเม่ย หากจะโทษคงต้องโทษนางที่ไม่เคยรู้มาก่อน และคิดว่าการที่ชายสามารถตั้งครรภ์ให้กำเนิดทายาทได้นั้นเปรียบดั่งลางร้าย
นางไม่อาจลงมือได้ตอนนี้ จึงทำได้เพียงยัดเยียดความผิดโทษฐานหลอกลวงพระจักรพรรดิ เป็การชดเชยความผิดพลาดของตนเอง
“หลอกลวง?” ฮ่องเต้ฉงเต๋อถูกฮองเฮาดึงสติกลับคืนมา ฉับพลันก็รู้สึกราวกับตนเองกำลังถูกปิดหูปิดตาอยู่
“ไม่เป็ความจริงพ่ะย่ะค่ะ” อวี้ฉู่จาวที่กำลังตั้งใจจะพูดกลับถูกหลินหร่านแย่งพูดขึ้นมาเสียก่อน
อวี้ฉู่จาวจึงได้มอบโอกาสให้หลินหร่าน เขาอยากเห็นว่าอวิ๋นซีของเขาจะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
หลินหร่านลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขามีท่าทีแข็งกระด้างเล็กน้อย แต่น้ำเสียงยังคงนิ่ง “เื่เหล่านี้กระหม่อมไม่ได้หลอกลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร เื่นี้ข้ากับฝ่าาถูกปิดบังมาตลอด พระราชโองการมีการแต่งตั้งแล้วว่าเป็ชายาผู้เป็ชาย จู่ๆ กลับกลายเป็ผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิงอย่างนั้นหรือ” อีกนิดเดียวฮองเฮาเกือบจะทำลายภาพลักษณ์อันสง่างามของตนเองไปแล้ว
“เสด็จแม่”
ทันใดนั้น อวี้ฉู่จาวกล่าวออกมาเสียงดัง ราวกับเขากำลังคำรามด้วยความไม่พอใจ
ฮองเฮาใกับท่าทีของเขาจึงหยุดเอ่ยโดยพลัน
“...ให้เขาพูด” อวี้ฉู่จาวจ้องมองฮองเฮา สายตาเต็มไปด้วยท่าทีแข็งกร้าวและเ็า เสมือนคมมีดเล่มนี้เตรียมปักเข้าไปกลางใจ บดขยี้จนพระองค์ไม่กล้าแม้แต่ปริปาก
ฮ่องเต้ฉงเต๋อก็ค่อนข้างใกับท่าทีของอวี้ฉู่จาวอยู่ไม่น้อย หากเป็ไปได้ก็ไม่อยากที่จะยุ่งเื่ของเขาอีก พระองค์จึงได้แต่กล่าวตำหนิฮองเฮาไป “ฮองเฮา...ฟังพระชายาพูดให้จบก่อน”
-------------------------------