หญิงงามผู้ที่แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนเลือกใช้ในการจัดการม่ออวิ๋นเฉิน มีนามว่า เซี่ยเหม่ยหลิน นางคือบุปผายอดขวัญแห่งย่านโคมแดง หากบุรุษใดเคยเหยียบย่างสู่แหล่งรื่นรมย์ของเมืองหลวง ย่อมต้องเคยได้ยินชื่อของนาง และหากได้พบเห็นด้วยตาตนเองเพียงคราหนึ่ง ย่อมไม่อาจลืมเลือนความงดงามราวต้องมนตร์นั้นได้ตลอดชีวิต
เซี่ยเหม่ยหลิน งามดั่งเทพธิดาจุติลงบนดิน รูปโฉมนั้นงามระยับจับตา แต่ที่ตราตรึงยิ่งกว่า กลับเป็แววตาอันชวนหลงใหล และจริตที่มากด้วยเสน่ห์ ทั้งนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่แฝงความคมคายเกินหญิงทั่วไป นางไม่ใช่เพียงหญิงที่ชวนให้ถวิลหา หากยังรู้เท่าทันใจบุรุษ และอ่านอารมณ์ผู้คนได้อย่างแยบยล
ทว่าเื้ัความเปล่งปลั่งของดอกไม้ นางเคยเป็เพียงลูกสาวของสองสามีภรรยาที่ถูกจับไปเป็ทาสในเรือนของขุนนางชั้นต่ำ ถูกใช้งานเยี่ยงสัตว์ไร้เสียง แต่แล้วเมื่อโชคชะตาพลิกผัน แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนคือผู้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ นำพาครอบครัวของนางหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความต่ำต้อย
นับแต่วันนั้น หนี้บุญคุณที่ติดอยู่ในหัวใจของเซี่ยเหม่ยหลินจึงแน่นหนักเกินจะลบเลือนและในยามนี้ เมื่อแม่ทัพเรียกหานางไม่มีแม้แต่คำลังเลหรือรีรอ
ในเรือนลับที่เงียบสงบห่างจากสายตาผู้คน แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนจ้องมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาหนักแน่น ใบหน้าของเขาแม้จะเข้มดุดันดั่งผู้นำกองทัพ แต่ในยามนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างหายาก
"ที่เหลือ...ข้าฝากเ้าด้วยนะ เหม่ยหลิน" น้ำเสียงของแม่ทัพเอ่ยแ่เบา แต่หนักแน่นทุกถ้อยคำ มันไม่ใช่เพียงคำสั่ง หากคือความไว้วางใจอันสุดท้ายของเขาในยามที่ต้องวางเดิมพันชีวิตทั้งตระกูลลงบนแผนการเสี่ยงตาย
เซี่ยเหม่ยหลินรับฟังโดยไม่ขัดจังหวะ นางประสานมือค้อมศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่งดงามดั่งบุปผาแรกแย้ม ทว่าภายในแววตาคู่นั้นกลับซ่อนความเด็ดเดี่ยวไว้แแ่
"เ้าค่ะ นายท่าน…โปรดวางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง"ถ้อยคำของนางเปี่ยมด้วยความมั่นคง ราวกับว่าความกลัวไม่อาจมีอยู่ในหัวใจของนางอีกแล้ว
แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนส่งกล่องไม้ขนาดเล็กให้นางอย่างเงียบงัน นั่นคือของสำคัญซึ่งจะเป็กุญแจเบิกทางสู่ความพินาศของม่ออวิ๋นเฉิน นางรับมันไว้แนบอกด้วยความเคารพ
เซี่ยเหม่ยหลิน ไม่ได้เป็เพียงหญิงงามผู้เลื่องชื่อในย่านโคมแดง หากใครได้ชื่นชมโฉมนางเพียงครั้งย่อมยากจะลืมเลือน แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่ารอยยิ้มของนาง...คือมือของนาง
มือคู่นั้นเรียวงาม ราวกับไม่เคยต้องััหยาบกร้านของโลกมนุษย์ แต่แท้จริงแล้วมันเปี่ยมด้วยทักษะเฉพาะทางที่ถูกหล่อหลอมมาจากความยากไร้ในวัยเยาว์
ในวันที่นางยังเป็เพียงเด็กหญิงตัวน้อยผู้หิวโหย นางต้องใช้สองมือนั้นแอบขโมยของจากร้านอาหารริมทางเพื่อประทังชีวิต มือของนางจึงต้องไว ละเอียดอ่อนกว่าเงา และเบาราวขนนก แม้แต่ขุนนางมากเล่ห์ก็ยังไม่อาจรู้ตัวว่าของรักได้หลุดลอยจากอกตนไปแล้ว นางจึงหาได้มีเพียงเสน่ห์ที่ฉาบหน้า หากแต่แฝงไว้ด้วยพิษร้ายที่อ่อนละมุน แม่ทัพเว่ยซ่างเทียนไม่ได้เลือกนางเพียงเพราะความงาม...แต่เพราะความสามารถ
ยามสายลมพัดผ่าน เงาร่างของเซี่ยเหม่ยหลินปรากฏขึ้น ณ หน้าจวนราวกับภาพฝันที่หลุดออกมาจากม่านหมอกในบทกวีโบราณ นางสวมอาภรณ์สีอ่อนบางเบาแนบเนื้อเผยเรือนร่างระหงที่อ่อนช้อยดุจหยาดน้ำค้างเกาะกลีบบุปผาในยามรุ่งอรุณ ความงามในยามนี้มิได้เป็เพียงเสน่ห์หากแต่เป็อาวุธ
ฝีเท้าของนางแ่เบาราวกับไร้น้ำหนัก ท่วงท่าเยาว์ยวนดึงดูดสายตาทุกคู่ที่จับจ้อง บ่าวรับใช้ซึ่งยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าห้องพักของม่ออวิ๋นเฉินต่างพากันเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตน
“ไม่ผิดแน่…นั่นแม่นางเซี่ยเหม่ยหลินใช่หรือไม่…” หนึ่งในบ่าวรับใช้พูดออกมาด้วยเสียงแ่พร่า แววตาเต็มไปด้วยไฟปรารถนาอันมิอาจดับลงได้
เสียงพูดคุยของบ่าวรับใช้ลอดเข้าไปถึงภายในเรือน ม่ออวิ๋นเฉินที่กำลังเบื่อหน่ายกับบรรยากาศจำเจถึงกับสะดุ้ง รีบสาวเท้าก้าวออกมาด้วยความกระหาย เขาเบิกตากว้างทันทีที่เห็นเรือนร่างคุ้นเคยของหญิงงามตรงหน้า
ชุดที่เซี่ยเหม่ยหลินสวมใส่นั้น ล้วนแล้วแต่เป็เสื้อผ้าที่เขาเคยเห็นเมื่อนางอยู่ในอ้อมแขนของเขานางดูราวกับตั้งใจแต่งองค์เพื่อเขาโดยเฉพาะ
“แม่นางเซี่ยเหม่ยหลิน…เ้ามาทำอะไรที่นี่?” ม่ออวิ๋นเฉินถามออกไปด้วยน้ำเสียงแฝงความตื่นเต้น ระคนด้วยแรงปรารถนาอันมิอาจปกปิด นางเงยหน้ามองเขา รอยยิ้มแ่เบาประดับที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ
"ข้า... ข้าหลงทางมาน่ะเ้าคะ ท่านแม่ทัพเว่ยซ่างเทียนเรียกใช้ข้า"
น้ำเสียงของนางแ่เบา อ่อนหวานเกินห้ามใจ ลมหายใจที่ขาดห้วงไปครู่หนึ่งของม่ออวิ๋นเฉินเป็หลักฐานชัดเจนถึงแรงสั่นะเืภายในใจ
"เช่นนั้นเ้าก็อยู่พูดคุยกับข้าก่อนเถิด... ข้ายังมีเวลาอีกมาก" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าเต็มไปด้วยนัยแฝงไม่มีความตั้งใจจะปล่อยให้นางไปไหนเขาจำได้ดีถึงค่ำคืนมากมายในอดีต ที่ได้ประสบกับเสน่ห์ต้องมนต์ของนาง เหมือนฝัน... และวันนี้ ฝันนั้นดูจะหวนกลับมาอีกครั้ง
เซี่ยเหม่ยหลินก้าวเท้าเข้าสู่เรือนรับรองอย่างเชื่องช้า ราวกับหญิงสาวผู้ไร้พิษภัย ั์ตาคู่นั้นมีประกายระยิบคล้ายเด็กสาวหลงทาง หากแต่แววตาอันเจนจัดในเกมชีวิตกลับแฝงอยู่ในเงามุมของรอยยิ้ม
ม่ออวิ๋นเฉินแทบไม่อาจละสายตาจากนางได้แม้ชั่วพริบตา เขาก้าวเข้ามาปิดประตูเรือนด้วยมือมั่นคง ก่อนหันไปสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้ง
“ห้ามผู้ใดเข้ามารบกวน ข้า้าสนทนาเป็การส่วนตัวกับแม่นางเซี่ยเหม่ยหลิน”
คำพูดนั้นไม่ต่างจากคำสั่งประกาศศึก บ่าวรับใช้แต่ละคนต่างรู้ดีว่าความหมายที่แท้จริงเื้ัถ้อยคำสุภาพนั้นคือสิ่งใด สายตาของชายหนุ่มทั้งหลายล้วนเปี่ยมด้วยความอิจฉา แม้แต่บางคนยังเผลอขบกรามแน่นด้วยความริษยา หากแต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง
เมื่อประตูเรือนถูกปิดลง โลกทั้งใบก็หลงเหลือเพียงชายหญิงสองคน ความเงียบงันระหว่างพวกเขาถูกแทนที่ด้วยเสียงฝีเท้ากระชั้นและลมหายใจหนักของผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักคำว่าพอ
ม่ออวิ๋นเฉินโผเข้าอุ้มร่างบางของนางด้วยแรงปรารถนาที่ปะทุขึ้นอย่างเกินหักห้าม ทั้งเรือนรับรองราวกับอบอวลไปด้วยไอร้อนแห่งไฟราคะ
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของนาง คล้ายสายลมเย็นที่พัดผ่านเปลวเพลิง ยิ่งเพิ่มความคลุ้มคลั่งในจิตใจของเขา ขณะที่เขากำลังหลงวนอยู่ในบ่วงเสน่หา เซี่ยเหม่ยหลินกลับมีสติสัมปชัญญะแจ่มชัดกว่าครั้งใด
มือเรียวขาวนวลของนางขยับเบาเสียจนไม่ทันให้รู้สึกตัว ล้วงหาของบางสิ่งจากแขนเสื้อแล้วค่อย ๆ สอดมันเข้าไปในสาบเสื้อของม่ออวิ๋นเฉิน อย่างแเี…แหวนหยกลายั สิ่งสำคัญที่สุดในแผนการครั้งนี้ ได้ถูกซ่อนอยู่กับตัวของเขาเรียบร้อย
ม่ออวิ๋นเฉินยังคงมัวเมาอยู่ในโลกแห่งความลุ่มหลง ไม่มีแม้สักเสี้ยวของความระแวง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้