หานโม่มองภาพนั้นแล้วค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเ็าและเย้ยหยัน "ท่านผู้นำตระกูลหานเอ่ยเช่นนี้จะหมายความว่าข้าโกงอย่างนั้นหรือ? เป็ท่านที่บอกข้าเองไม่ใช่หรือว่าพัดเฉียนคุนนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน?"
“เ้า! เ้าคนอกตัญญู!"หานเฉินต้งะโด่าหานโม่ด้วยใบหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยว
เสียงหัวเราะของหานโม่ดั่งระฆังเงิน มันทรงพลังจนเสียดแทงเข้าไปในหูของทุกคนตรงนั้น "อะไร? เป็ท่านผู้นำตระกูลหานที่ตั้งข้อสงสัยถึงชัยชนะของข้าก่อนมิใช่หรือ? ข้าโต้แย้งท่านเพียงประโยคเดียวเท่านั้นเอง หรือว่าในสายตาท่านผู้นำตระกูลหานการประลองในครั้งนี้มีเพียงบุตรชายคนโตเท่านั้นที่ต้องเป็ผู้ชนะ หากเป็เช่นนั้นพวกท่านถึงจะดีอกดีใจกันได้หรือ? เหตุใดผู้นำตระกูลหานถึงไม่มอบพัดเฉียนคุนให้กับหานเทียนไปเลยเล่า ท่านจะจัดการประลองอันแสนยิ่งใหญ่นี้ขึ้นมาเพื่อสิ่งใด?"
“การประลองในครั้งนี้ มีผู้เข้ารอบมาสิบคนแต่บัดนี้เหลือเพียงห้าคน คนอีกครึ่งหนึ่งที่หายตัวไปในป่านั้นเป็เพราะท่านวางแผนปูทางให้แก่บุตรชายคนโตหรือ? ท่านทำเช่นนี้เป็เพราะกำลังหวาดกลัวตระกูลอื่นที่อยู่ใต้อาณัติของตระกูลหานใช่หรือไม่?”
หานโม่มักไม่ค่อยพูดอะไรยาวๆ แต่ในเวลานี้ความเกลียดชังของนางที่มีต่อตระกูลหานได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วเพราะหานเฉินต้ง การประลองได้จบลงแล้วดังนั้นนางก็ไม่คิดที่จะอยู่ในตระกูลหานอีกต่อไป จะมองหน้ากันไม่ติดอีกต่อไปนางก็ไม่กลัว
เมื่อสิ้นเสียงของหานโม่ ทุกคนต่างใ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหานเฉินต้ง ตอนนี้เขาราวกับพัดเล่มหนึ่งทุกครั้งที่หายใจล้วนเต็มไปด้วยความรุนแรงยิ่ง ฟังดูคล้ายกับว่าเขากำลังพยายามระงับโทสะของตนอย่างเต็มที่
"เ้าพูดว่าอะไรนะ? การประลองที่มีคนเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ข้าจะสามารถวางกลอุบายอะไรได้?" หานเฉินต้งกล่าว
หานโม่หัวเราะเย้ยหยัน "ข้าไม่ได้บอกว่าท่านวางแผนกลอุบายเสียหน่อย เพียงแค่สิ่งที่ท่านกล่าวมาเมื่อครู่นี้มันหมายความว่าเช่นนั้น ในเมื่อท่านคิดว่ามีเพียงหานเทียนเท่านั้นที่จะสามารถชนะการประลองได้ แล้วเหตุใดท่านจึงต้องจัดการประลองเล่า?"
ทุกคนที่ได้ฟังเช่นนี้ก็คล้ายกับว่ามีสิ่งที่ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน
สายตาเหยียดหยามจับจ้องไปยังหานเฉินต้ง เขาถือตัวเย่อหยิ่งเหนือผู้คนมานานหลายปีแล้ว เช่นนั้นจึงไม่อาจทนต่อการถูกดูิ่เช่นนี้ได้ ความรังเกียจและความโกรธแค้นที่เขามีต่อหานโม่ในขณะนี้จึงปะทุออกมาทั้งหมด
“เ้าคนอกตัญญู! ไม่ต้องพูดถึงโกงการประลอง แต่วันนี้เ้ายังกล้าขัดแย้งกับบิดาของเ้าอีก ข้าจะสั่งสอนเ้าเอง!”
ขณะที่พูดเขาก็เดินตรงเข้าไปหาหานโม่
แต่เซวียอีเฉินกลับเดินขึ้นมายืนอยู่ด้านหน้าหานโม่
"ท่านผู้นำตระกูลหาน ในการประลองครั้งนี้ข้ากับหานโม่เป็เพื่อนร่วมกลุ่มกัน นางได้พัดเฉียนคุนมาได้อย่างไรนั้นข้าย่อมรู้ดีที่สุด ท่านผู้นำตระกูลหานจะบอกว่านางโกงได้อย่างไร? ร่างกายของนางเต็มไปด้วยร่องรอยาแเช่นนี้ท่านผู้นำตระกูลหานตาบอดหรือ? ข้านั้นได้ยินมาั้แ่ยังเล็กว่าคุณหนูเจ็ดตระกูลหานเป็ผู้ที่มีพร์ยอดเยี่ยมท่านหนึ่ง การที่คุณหนูเจ็ดชนะการประลองในครั้งนี้ มิใช่เื่ที่น่ายินดีหรอกหรือ?"
หานเฉินต้งจ้องมองเซวียอีเฉินด้วยสายตาน่ากลัว "การที่นางได้รับชัยชนะนั้นแน่นอนว่าข้ามีความสุขมาก แต่ในฐานะพ่อคนหนึ่งตอนนี้ข้า้าจะสั่งสอนบุตรสาวของตนเองที่ไม่มีความเคารพต่อผู้าุโ!"
เซวียอีเฉินยัง้าเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่หานโม่ก็เดินออกมาด้านหน้าของเขาก่อน
สายตาของนางที่มองหานเฉินต้งสงบนิ่งและพูดทีละคําว่า "หานเฉินต้ง นี่คือสิ่งที่ท่านเลือกงั้นหรือ?"
ดวงตาของหานเฉินต้งทอประกายอาฆาตรุนแรง "ใครให้เ้ากล้าเรียกข้าด้วยชื่อกัน?"
หานโม่มองเขาด้วยสีหน้าเ็า สายตาของนางค่อยๆ กวาดมองใบหน้าของทุกคนที่อยู่ตรงนี้ "หานเฉินต้ง ั้แ่ข้าเกิดมาในตระกูลหาน คราแรกที่มีพร์อันโดดเด่นตระกูลหานก็เชิดชูข้าขึ้นไปสูงสุด ต่อมาพบว่าข้าไม่สามารถฝึกฝนได้อีก ตระกูลหานก็มองว่าไร้ค่าแล้วขับไล่ข้าไปอยู่ในเรือนหลังเล็กที่แม้แต่คนอื่นก็ไม่กล้าอยู่ ข้าต้องเผชิญหน้ากับการกลั่นแกล้งรังแกจากพี่น้องคนอื่นๆ ทุกวัน..."
ในขณะที่หานโม่พูดอยู่ สายตาของนางก็จับจ้องไปยังหานซินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหานเฉินต้งนัก "ไม่นานมานี้ หานซินลงมือทําลายหน้าตาของข้าจนเสียโฉมแล้วยังวางแผนให้ข้าแต่งงานกับคุณชายสี่ตระกูลลู่ผู้ร่ำรวยแห่งเมืองหลิงหยวนอีกด้วย"
“ซี๊ด......”
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังหานซิน
แม้ว่าคนรอบข้างจะซุบซิบพูดคุยด้วยเสียงอันเบา แต่เสียงสนทนาพร้อมการสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ของหลายคนก็ยังคงดังเข้าไปในหูของหานซินและหานเฉินต้งอยู่ดี
“คุณหนูห้าเป็คนเช่นนั้นเองหรือ?”
"การเลี้ยงบุตรสาวที่มีพร์ให้ดีนั้นเป็เื่ที่สมควร แต่การปฏิบัติต่อบุตรของตัวเองเหมือนหมูและสุนัขนั้นมันมากเกินไปหรือไม่..."
ท้ายที่สุดผู้คนก็ยังต้องพึ่งพาอำนาจของตระกูลหานในการดำรงชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมากเกินไป
หานโม่ฟังสิ่งที่พวกเขาพูดแล้วก็มองไปยังใบหน้าอันซีดเซียวของหานเฉินต้ง ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา
ด้วยรูปโฉมที่งดงามของนาง รอยยิ้มนี้ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่ากำลังวิงเวียนศีรษะ
“ข้า หานโม่ นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ข้ามิใช่คนของตระกูลหานอีก สำหรับความเ็ปที่พวกท่านตระกูลหานเคยทำไว้กับข้านั้น หานโม่จะตอบแทนอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไปทันที
ตระกูลหานถูกหานโม่ฉีกหน้าในที่สาธารณะ หานเฉินต้งรู้สึกไม่ยินยอมที่หานโม่จะจากไปเช่นนี้ เขาพุ่งตรงเข้าไปเพื่อจะคว้าหานโม่เอาไว้ด้วยกรงเล็บทั้งห้า
เสี้ยววินาทีที่เกือบจะคว้าไว้ได้นั้น หานโม่ก็ถีบตัวะโหายไปด้วยพลังที่ยังเหลืออยู่การเคลื่อนไหวนี้จึงราวกับลมกรรโชกหอบหนึ่ง
"หานโม่!" หานเฉินต้งไล่ตามหานโม่ไม่ทัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงส่งเสียงคำรามออกมาเท่านั้น
หลังจากหานโม่จากไปแล้ว ด้านนอกของป่าไร้ิญญาก็เงียบสงบลง
คนอื่นๆ ต่างมองไปที่หานเฉินต้งที่ทำท่าทางคล้ายจะสามารถฆ่าใครสักคนได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
สิ่งที่หานโม่พูดน่าใมาก แต่หานเฉินต้งก็เป็ผู้ที่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินได้ ดังนั้นทุกคนจึงทำได้แค่ก้มหน้าโดยไม่พูดไม่จาอะไรกันเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน หานเฉินต้งก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในที่สุด เขาสะบัดแขนเสื้อแรงๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงเ็าว่า "แยกย้ายกันได้"
คนที่เหลือราวกับว่าได้ผ่อนคลายอีกครั้ง จากนั้นต่างคนต่างรีบไปขึ้นรถม้าของตนเองแล้วรีบจากไปทันที
ส่วนหานเฉินต้งก็พาหานซินและคนอื่นๆ กลับไปตั้งหลักที่ตระกูลหานเช่นกัน
ข่าวการเสียชีวิตของหานเทียนบุตรชายคนโตถูกแจ้งกลับไปยังตระกูลหานั้แ่หานโม่ออกมาจากป่าไร้ิญญา
ดังนั้นตอนที่หานเฉินต้งและคนอื่นๆ กลับมาถึง ภายในบ้านก็ถูกตกแต่งด้วยผ้าขาวไว้ทุกข์เรียบร้อยแล้ว
สีหน้าของหานเฉินต้งดูไม่ได้เลย เขาพาหานซินและเหล่าพี่น้องตรงไปยังห้องโถงใหญ่
หลังจากนั้นไม่นาน ฮูหยินอู๋ซื่อก็ตามมาสมทบ
เมื่อจินซื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของสามี นางก็ร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจบนใบหน้าของนางนองไปด้วยน้ำตา
หานเฉินต้งนั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุดภายในห้องโถง เขาขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของนาง ในที่สุดก็ตบโต๊ะด้านหน้าอย่างหมดความอดทน
“ปัง!!” เสียงโครมครามที่ดังขึ้น ทำให้จินซื่อใไปชั่วขณะหนึ่งและเงียบเสียงลงได้ในที่สุด
หานเฉินต้งตะคอกออกมาอย่างเ็า "ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้! เ้าก็รู้แต่วิธีร้องไห้ คนตายไปแล้วร้องไห้ไปจะมีประโยชน์อะไร!"
ดวงตาของจินซื่อเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ แต่นางไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกับพ่อตาของตนเองจึงทำได้เพียงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ
หานเฉินต้งไม่ได้สนใจจินซื่ออีก สายตาของเขาเบนไปยังหานซินและหานเยว่แทน
ก่อนหน้านี้ในป่าไร้ิญญา หานิออกมาก่อนเวลา หลังจากนั้นผู้ที่แข่งกับหานโม่เพื่อชิงพัดเฉียนคุนก็เหลือเพียงหานเทียน หานซินและหานเยว่เท่านั้น
ร่างกายของบุตรสาวทั้งคู่ค่อนข้างสะบักสะบอม มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก่อน
“ซินเอ๋อร์ เยว่เอ๋อร์พวกเ้าเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในป่าไร้ิญญาให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้!"
ในขณะนี้ จิตใจของหานเฉินต้งยังคงสะท้อนสิ่งที่หานโม่พูดซ้ำไปซ้ำมา หานโม่จะอาศัยอยู่ในตระกูลหานอย่างเช่นไรนั้นเขาไม่ได้สนใจ แต่นางกลับเอาไปเปิดเผยต่อหน้าทุกคน นั่นเป็สิ่งที่เขาไม่อาจทนได้
หานโม่ยังกล้าประกาศตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหานต่อหน้าคนอื่นอีกด้วย ถ้าเขาไปออกตามหาหานโม่ในเวลานี้จะต้องถูกหัวเราะเยาะเป็แน่
ดังนั้นหานเฉินต้งจึงทําได้เพียงแค่คิดหาเหตุผลที่ถูกต้องเท่านั้น
หานเยว่มองไปยังหานซินด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา
เมื่อครู่ระหว่างเดินทางกลับตระกูลหานนั้น หานเยว่กับหานซินนั่งรถม้าคันเดียวกัน
สิ่งที่นางพูดตอนอยู่บนรถม้ายังคงดังก้องอยู่ในหัวของหานเยว่
