ข้าราชการยากจนโจวเฉิงคันหูเล็กน้อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ
วันนี้คือวันเกิดของเขา เขากลับไม่ได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยเสี่ยวหลานเลย โทรเลขก็ไม่มีสักฉบับ จดหมายก็เหมือนกัน
หรือเสี่ยวหลานยังไม่สบอารมณ์เพราะเื่ครั้งก่อนอยู่?
โจวเฉิงรู้สึกไม่สบายใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานทั้งสวยและมีเงิน เกาเฟยริษยาจนแทบทนไม่ไหว และตกตะลึงมากเช่นกัน เธอไร้ซึ่งความมั่นใจว่าจะสามารถแย่งผู้ชายกับเซี่ยเสี่ยวหลานได้ ข้ออ้างแนะนำลูกพี่ลูกน้องให้โจวเฉิงก็ใช้ไม่ได้แล้ว พอโจวเฉิงเห็นเธอ ใบหน้านั้นก็แผ่ลมหนาวออกมา
เมื่อก่อนโจวเฉิงเมินเฉยเกาเฟย ส่วนตอนนี้เห็นเธอราวกับเป็ศัตรูตัวฉกาจ
ไม่ใช่แค่เกาเฟย ยังมีต่งลี่ลี่อีก ผู้หญิงสองคนนี้ทำร้ายเขาเสียย่อยยับ!
ส่วนเกาเฟยนั้นหน้าไม่อายเอาเสียเลย ยิ่งเป็ชายที่ไม่มีสิทธิ์ได้มา ในใจยิ่งเฝ้าคิดถึง เมื่อรู้ว่าวันนี้คือวันเกิดของโจวเฉิงพอดี เธอก็ใช้ข้ออ้างมาเยี่ยมเหล่าฟางในการมาหน่วยงานอีกแล้ว ความใส่ใจที่เกาเฟยมีต่อ ‘เหล่าฟาง’ ทำให้ผู้บังคับบัญชาซักถามเหล่าฟางว่าจะได้ดื่มสุรามงคลเมื่อไร ถ้าพูดถึงตอนเหล่าฟางและเกาเฟยเพิ่งรู้จักกัน ทั้งสองคนต่างคาดหวังว่าจะได้แต่งงานในเร็ววัน
แต่เกาเฟยหลงใหลโจวเฉิงเข้าเสียแล้ว พอเหล่าฟางเกริ่นถึงการแต่งงานอีกที เธอก็กล่าวอ้างเหตุผลต่างๆ นานา
ข้ออ้างคือทางครอบครัวจะพิจารณาเหล่าฟางอีกสักหน่อย ขนาดเหล่าฟางใจแคบและหัวดื้อ ยังเชื่อคำโกหกพกลมของเกาเฟยได้ เกาเฟยมีฐานะทางครอบครัวที่ดี ครอบครัวจะจริงจังต่อการแต่งงานของเธอย่อมเป็สิ่งที่สมควร
นั่นมันคือความคิดก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานปรากฏตัว!
พอเซี่ยเสี่ยวหลานปรากฏตัว รูปลักษณ์ช่างน่ามองเพียงใด การกระทำใจช่างกว้างขนาดไหน ตอนนี้ทั้งหน่วยงานไม่มีใครไม่อิจฉาโจวเฉิง เมื่อเกิดการเปรียบเทียบย่อมต้องมีผู้แพ้ สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานสำแดงให้เห็น คือรูปงามและรวยทรัพย์ แถมยินยอมพร้อมใจจ่ายเงินให้โจวเฉิง เปรียบเทียบเช่นนี้แล้ว เหมือนคุณสมบัติของเกาเฟยจะไม่ได้โดดเด่นอีกต่อไป
เหล่าฟางเปลี่ยนแปลงจากความภาคภูมิใจเหลือล้นกลายเป็ฝืนยอมรับ
เขาหาคนดีเลิศกว่านี้ในทันทีทันใดไม่ได้ มิเช่นนั้นจะฝืนยอมรับเกาเฟยต่อไปได้อย่างไร?
ตอนถามเกาเฟยเื่แต่งงานอีกครั้ง น้ำเสียงของเหล่าฟางก็ไม่อ่อนโยนดั่งที่ผ่านมาแล้ว
“ถ้าพวกเราสองคนไม่มีทะเบียนสมรส เธอมาหน่วยงานบ่อยๆ มันดูไม่ดีนะ ฉันก็เป็คนแบบนี้ ครอบครัวเธอยังพิจารณาไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ!”
เกาเฟยรู้สึกละอายใจขึ้นมา
อันที่จริงเกาเฟยพึงพอใจในตัวเหล่าฟางไม่น้อย ข้าราชการอายุน้อยและมีความสามารถ เพิ่งอายุ 30 ปีก็ได้เป็ผู้บังคับการแล้ว หากไม่เปรียบเทียบกับโจวเฉิงผู้สุดยอดผิดมนุษย์เช่นนั้น ก็ถือว่าอนาคตไกลไร้ขีดจำกัดแล้ว แต่เป็เกาเฟยที่คิดเล็กคิดน้อยเอง ตัวเธอกำลังประวิงเวลาเหล่าฟาง ถ้าบอกเหล่าฟางอย่างชัดเจน เกาเฟยจะไม่มีข้ออ้างให้เข้าหน่วยงาน และมิอาจได้เจอโจวเฉิงอีก... นอกจากนี้ หากเื่ระหว่างเธอกับโจวเฉิงเป็ไปไม่ได้ ยังมีเหล่าฟางเป็ตัวเลือกอื่นไม่ใช่หรือ?
เหล่าฟางไม่รู้ว่าตนเองกลายเป็ ‘ยางอะไหล่ [1]’ ที่พบได้บ่อยในอนาคต เขาคาดหวังกับคำตอบที่เกาเฟยจะมอบให้
เกาเฟยแววตาวูบไหว ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณว่าคนรักของหัวหน้าโจวเขาทำงานอะไรกันแน่ ถึงได้มีเงินมากมายขนาดนั้น?”
เหล่าฟางถูกเกาเฟยเบี่ยงเบนความคิด นั่นน่ะสิ โจวเฉิงหาคนรักได้จากที่ไหนกัน ช่างมีเงินเหลือเฟือเสียจริงๆ !
ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันอยู่นาน ประจวบเหมาะกับคนประสานงานของโจวเฉิงเดินที่ผ่านมาจากข้างนอก ใบหน้าของเขายิ้มแย้มร่าเริง หอบข้าวของมาเป็กอง
“ครอบครัวหัวหน้าโจวส่งของมาให้อีกแล้วหรือ?”
เ้าหน้าที่ประสานงานมอง นี่ไม่ใช่เหล่าฟางประจำกอง 3 หรือ จิตใจคับแคบ ชอบเปรียบเทียบกับหัวหน้าโจวของพวกเขากอง 1 อยู่เรื่อย คนประสานงานจงใจจะยั่วโมโหเหล่าฟาง “วันนี้ไม่รู้มีอะไร พัสดุของหัวหน้าโจวเยอะแยะเหลือเกิน”
เหล่าฟางไม่ใส่ใจ แต่เกาเฟยรู้แน่นอน!
เธอไปหน่วยงานเพื่อช่วยเหล่าฟางรับเอกสารเมื่อครั้งก่อน เห็นเอกสารพื้นฐานของโจวเฉิงโดยไม่ได้ตั้งใจ วันที่ 18 เดือนเมษายนคือวันเกิดของโจวเฉิง
เกาเฟยเองก็เตรียมของขวัญวันเกิดหนึ่งชิ้นเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าจะมอบให้อย่างไร
มอบของขวัญแด่โจวเฉิงต่อหน้าเหล่าฟางหรือ? เหล่าฟางแค่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงเท่าไรนัก แต่เขาไม่ได้มีปัญหาทางสติปัญญา ถ้าแบบนี้ยังดูไม่ออกว่าเกาเฟยชอบโจวเฉิง เหล่าฟางผู้เคยร่วมแนวหน้ายังจะเป็หัวหน้าอะไรได้อีกเล่า รนหาที่ตายเสียเปล่าแล้ว!
“อาจเป็คนรักของโจวเฉิงที่ส่งให้ก็ได้นะ”
ของขวัญของเกาเฟยมอบให้ไม่ได้ จึงสงสัยใคร่รู้ยิ่งนักว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะให้ของขวัญอะไร บางคนช่างเงินทองเหลือใช้ไม่หมดเสียจริงๆ คราวก่อนที่ซื้อแพะให้หน่วยงาน ยังจ่ายเงินไปไม่เท่าไรสินะ? นี่เพิ่งผ่านมาไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็พบกับวันเกิดโจวเฉิงอีก เกาเฟยไม่เชื่อว่าจะมีใครที่มีเงินมากมายขนาดนั้น!
คราวก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้เธอหวาดหวั่นครั่นคร้าม ถึงกระนั้นก็เป็เื่ยากมากที่ผู้หญิงจะยอมสยบต่อเพศเดียวกันอย่างสุดใจ เกาเฟยจึงลองคิดดู ถ้าของที่เซี่ยเสี่ยวหลานให้ไม่ดี เธอจะััถึงชัยชนะทางใจว่า ‘ได้แค่นี้ตามที่คาดไว้’
พอเกาเฟยพูด เหล่าฟางก็รู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจ
ทั้งสองคนสมกับเป็แฟนกันยิ่งนัก ความคิดแทบไม่ต่างกัน จากนั้นก็เดินตามคนประสานงานไปตลอดทางจริงๆ อยากยลว่าคนอื่นส่งของขวัญอะไรให้โจวเฉิงบ้าง เ้าหน้าที่ประสานงานไม่เปิดเผย พวกคุณอยากดูก็ดูเถอะ พอเห็นแล้วนอกจากจะริษยาหัวหน้าของพวกเราจนทำอะไรไม่ได้อีก ทางที่ดีที่สุดคืออดกลั้นไว้จนกลางคืนพวกคุณนอนไม่หลับเสีย!
โจวเฉิงไม่ได้รับ ‘คำอวยพร’ ของเซี่ยเสี่ยวหลาน ในใจรู้สึกผิดหวังมาก อยู่อย่างไม่สดชื่นเบิกบานจนกระทั่งหัวค่ำ เ้าหน้าที่ประสานงานหอบของหนึ่งกองมา
“หัวหน้า นี่คือพัสดุของคุณทั้งหมด”
โจวเฉิงตั้งตาคอยพอสมควร “มีของจากอวี้หนานหรือไม่?”
คนประสานงานส่ายหน้า
โจวเฉิงแอบคิดในใจ ภรรยาเขาช่างใจร้ายเหลือเกิน น่าจะยังโกรธอยู่ สุภาพบุรุษอย่างเขาจะคิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงไม่ได้ หนุ่มสาวมีรักแรกต่างอ่อนประสบการณ์ แค่นึกถึงคนจัดซื้อจากเมืองซางตูนั่น หรือหัวหน้าอันธพาลที่หยางเฉิง ขนาดเซี่ยเสี่ยวหลานไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย โจวเฉิงยังขุ่นเคืองเลย
เอาใจเขามาใส่ใจเรา ดังนั้นการที่เซี่ยเสี่ยวหลานเจอเกาเฟยกับต่งลี่ลี่แล้วจะโกรธก็ค่อนข้างปกติ
เมื่อเผชิญหน้ากับเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงไม่เคยสนใจหลักการอะไรทั้งนั้น ผู้ชายจะยึดหลักการอะไรกับภรรยาตนเองนักหนา ต่อให้ภรรยาผิด เขาเป็ผู้ชายก็ต้องยกโทษ! ถ้าภรรยาเขาไม่ได้ผิด และเป็เขาที่ผิด ก็ต้องขอภรรยาอภัยให้น่ะสิ
โจวเฉิงกำลังคิดอยู่ ต่อไปนี้กระทั่งยุงเพศเมียตัวเดียวก็บินเข้าใกล้เขาไม่ได้ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเกาเฟยและเหล่าฟาง
ที่ภรรยาไม่ใยดีเขา มีต้นเหตุมาจากผู้หญิงคนนี้ ทำไมไม่เข้าใจสถานการณ์นะ ั้แ่ศีรษะจรดเท้าเทียบเทียมภรรยาของเขาได้ที่ไหน! ลักษณะอย่างเกาเฟยนี้ เดินบนถนนหนทางโจวเฉิงยังี้เีจะมอง หลงคิดว่าตนเองฐานะดี กล้าใช้วิธี ‘จ้องในหม้อขณะกินในถ้วย [2]’ ที่หน่วยงานเสียได้
โจวเฉิงไม่เคยอยากสนใจเหล่าฟาง เวลานี้กลับเอ่ยปากขึ้นมาเสียดื้อๆ
“เหล่าฟาง เมื่อไรจะได้ดื่มเหล้ามงคลของคุณกันล่ะ? ผมอิจฉาคุณยิ่งนัก!”
หากว่าด้วยสิ่งเดียวที่โจวเฉิงอิจฉาเหล่าฟาง นั่นก็คืออายุถึงเกณฑ์สมรสนั่นเอง อยากแต่งงานเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่เหมือนโจวเฉิง ตัวเขาอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ อายุของเซี่ยเสี่ยวหลานเองก็เหมือนกัน
เหล่าฟางคิดว่าโจวเฉิงปากเสียเกินไปแล้ว!
เื่ที่ติดอยู่ในใจเขามากที่สุดก็คือการอายุมากกว่าโจวเฉิง 10 ปี ทว่าทำงานตำแหน่งเดียวกับโจวเฉิง
โจวเฉิงทิ่มแทงหัวใจของทั้งสองคนในใบมีดเดียว
เกาเฟยมีสีหน้าขัดเคือง หัวหน้าโจวซื่อบื้อโดยแท้ ดูไม่ออกแม้แต่นิดเดียวว่าเธอชอบเขาอย่างนั้นหรือ? ทั้งคบหากันไม่ได้ แถมยังตักเตือนเกาเฟยอีกว่าเธอเป็คนรักของเหล่าฟาง ตอนเธอดูตัวไม่รู้ว่าโจวเฉิงโสดหรือเปล่า แต่เมื่อคนจับคู่แนะนำเหล่าฟางให้เธอได้ ทำไมไม่แนะนำโจวเฉิงให้เธอกัน?
“หัวหน้าโจว ทำไมคนรักนายไม่ส่งของให้นายเล่า?”
โจวเฉิงอยากทราบเช่นกันน่ะสิ
แต่ปากโจวเฉิงยังไม่ยอมแพ้ เขากำลังจะตอบโต้เหล่าฟางเสียหน่อย คนประสานงานหาโอกาสแทรกจนได้ “หัวหน้า ไม่มีพัสดุของอวี้หนาน แต่พี่สะใภ้วานคนให้วางของบางอย่างไว้ที่ป้อมยาม...”
อารมณ์ของโจวเฉิงราวกับนั่งรถไฟเหาะ
ช่างโง่เง่าเสียจริง เื่แบบนี้ทำไมไม่รีบบอก?
เ้าหน้าที่ประสานงานซื่อบื้อกุลีกุจอหยิบกล่องเล็กที่สุดออกมา “นี่คือของที่พี่สะใภ้ให้ครับ”
เกาเฟยและเหล่าฟางคิดไปในทางเดียวกันอย่างไม่รู้ตัว กล่องเล็กเพียงนี้ จะใส่ของขวัญอะไรได้? เหล่าฟางหัวเราะชอบใจ “น้องสะใภ้ส่งของอะไรมาอีกแล้ว ให้ฉันกับเกาเฟยเปิดหูเปิดตาหน่อยเถอะ เกาเฟยเธอก็เรียนรู้ไว้เสีย ดูสิว่าน้องสะใภ้ดีต่อหัวหน้าโจวขนาดไหน”
ทั้งสองรอหัวเราะเยาะโจวเฉิง
อันที่จริงโจวเฉิงเองรู้สึกว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
อย่างไรเสียตัวเขาก็หาเงินได้มากมายอยู่แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานส่งของอะไรให้เขาไม่ได้สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือความตั้งใจนั่น แม้ในกล่องจะใส่แค่กระดุมข้อมือเสื้อ ใส่เข็มหนึ่งเล่มหรือเส้นด้ายหนึ่งม้วน โจวเฉิงก็ดีใจทั้งสิ้น เพราะภรรยาของเขาห่วงใยเขา ความห่วงใยเช่นนี้ไม่ต้องใช้มูลค่าของของขวัญมาวัด ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานเก็บใบไม้จากข้างทางและรู้สึกว่าสวยดี อยากแบ่งปันอารมณ์ในเวลานั้นให้แก่เขา โจวเฉิงผู้ได้รับใบไม้ย่อมดีใจเหมือนกัน!
เขาไม่ถือสาเอาความกับคนหยาบกระด้างอย่างเหล่าฟาง
เหล่าฟางเพิ่งไปดูตัวเอาตอนอายุปูนนี้ ได้เกาเฟยที่ใจโลเลก็ยังเห็นเป็ที่รัก โจวเฉิงคิดว่าควรใจกว้างกับเหล่าฟางผู้น่าสงสารบ้าง ขณะอยู่ต่อหน้าเหล่าฟางและเกาเฟย โจวเฉิงจึงแกะกล่องออกทันที สองคนนั้นรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับของในกล่อง อาการหนักกว่าโจวเฉิงเองเสียอีก
เมื่อกล่องถูกเปิด นาฬิกาข้อมือบุรุษสีเงินสลับทองเรือนหนึ่งก็เผยออกมา หัวใจของเกาเฟยเต้นตึกตัก เธออยากให้นาฬิกาแก่โจวเฉิงเช่นกัน แต่กลัวว่าโจวเฉิงจะไม่ยอมรับไว้ นาฬิกาก็อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอนี่เอง เป็ของที่เธอจ้างคนนำกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ สิ่งที่จำกัดเกาเฟยมิใช่ราคาของนาฬิกา แต่เป็สถานะของเธอต่างหาก
เธอริษยาที่เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถส่งของขวัญวันเกิดให้โจวเฉิงได้อย่างเปิดเผย
ความบังเอิญคือเซี่ยเสี่ยวหลานให้นาฬิกาข้อมือเหมือนกัน เธอจะดูเสียหน่อยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานให้นาฬิกาอะไร!
แสงจากไฟทางไม่ได้สว่างไสวนัก ทว่าความเงาวาวของนาฬิกาชั้นสูงกลับทำให้มิอาจละสายตาไปได้ เมื่อเห็นแวบแรก นาฬิกาของโจวเฉิงเรือนนี้คุณภาพดีเหลือเกิน เกาเฟยยังไม่ถอดใจ เดินเข้าไปอีกหนึ่งก้าวเพื่อจะดูให้ชัดเจน เธอคือนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างเป็เื่เป็ราว อีกทั้งยังศึกษาด้านการแพทย์ ตำราส่วนมากล้วนเป็ฉบับภาษาอังกฤษ พื้นฐานภาษาอังกฤษของเกาเฟยจึงถือว่าใช้ได้
“Rolex?”
เหล่าฟางผู้เซ่อซ่าฉงนงงงวย เกาเฟยกำลังพูดอะไร ทำไมเขาฟังไม่รู้เื่เลยสักนิด
เกาเฟยมีกะจิตกะใจอธิบายต่อเหล่าฟางเสียที่ไหน
เซี่ยเสี่ยวหลานให้นาฬิกาข้อมือโรเล็กซ์แก่โจวเฉิง!
นาฬิกาข้อมือหนึ่งเรือน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องราคาราวหนึ่งพันหยวน ถ้าให้เกาเฟยซื้อเอง เนื่องจากเธอทำงานได้ไม่นาน ยังซื้อไม่ไหวจริงๆ เกาเฟยตะลึงเป็อย่างยิ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานดูถูกกันเกินไปแล้ว บ้านมีเงินแล้วสุดยอดมากหรือไร
เกาเฟยลากเหล่าฟางให้เดินจากไป ของขวัญอื่นเป็อะไร เกาเฟยถูกตอกหน้าจนไม่อยากดูโดยสิ้นเชิง
คนประสานงานกลืนน้ำลาย นาฬิกาที่พี่สะใภ้ให้เรือนนี้ ดูท่าทางจะแพงระยับเลยสินะ
ทำไมเสี่ยวหลานให้นาฬิกาข้อมือแก่เขากัน?
โจวเฉิงค่อนข้างชื่นชอบนาฬิกาข้อมือ ทว่าสวมนาฬิการาคาสูงในหน่วยงานไม่เหมาะสมเท่าไรนัก คาดไม่ถึงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะให้โรเล็กซ์หนึ่งเรือนแก่เขาด้วย โจวเฉิงนึกขึ้นได้ ตอนเขาและเสี่ยวหลานเพิ่งรู้จักกัน เขาสวมโรเล็กซ์นี่นะ ภรรยาใส่ใจเขา กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยนี้ก็สังเกตเห็น
โจวเฉิงสวมนาฬิกาลงบนข้อมือ “นายขนของอย่างอื่นกลับไปที่ห้องฉันเถอะ”
เขาจะทำอะไร จะแสดงความขอบคุณต่อภรรยาของเขาน่ะสิ
ในเมื่อให้ของขวัญเขา เช่นนั้นก็ไม่โกรธแล้วใช่หรือไม่?
โจวเฉิงวิ่งไปโทรศัพท์ ่เวลานี้ ภรรยาเขาน่าจะไม่ได้ยุ่งกับงานในร้านแล้ว โทรศัพท์ผ่านการโอนสายหลายหน ในที่สุดก็ต่อสายติด
“สวัสดีค่ะ โจวเฉิงหรือ? ได้รับนาฬิกาหรือยัง ชอบหรือไม่...”
เชิงอรรถ
[1]备胎 ยางอะไหล่ หมายถึง คนที่ถูกคบไว้เป็ตัวสำรอง ไม่ได้อยู่สถานะเปิดเผย
[2]吃着碗里,看着锅里 จ้องในหม้อขณะกินในถ้วย ปกติคนจีนจะรับประทานอาหารในถ้วยของตนเอง โดยตักอาหารใส่ถ้วยให้พอ การรับประทานอาหารพลางมองอาหารในหม้อจึงมีความหมายเดิมว่า ชายที่แต่งงานแล้วแต่ยังก้อร่อก้อติกกับผู้หญิงคนอื่น ต่อมามีความหมายว่า ไม่พึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้