ในตอนที่หานโม่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็รู้สึกได้ว่ามีผู้อื่นกำลังเข้ามาใกล้ ร่างกายของนางตอบสนองรวดเร็วกว่าความคิด ดังนั้นเมื่อเขาเดินเข้ามาเกือบถึงตัว หานโม่ก็ขยับก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าว
เฉินเซวียนมองหานโม่ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ก็เกิดรอยยิ้มสุกสว่างจางๆ ขึ้นมาในแววตา
ส่วนหานโม่เองก็รู้สึกตัวและออกมาจากห้วงความคิดของตัวเอง นางหันไปมองเฉินเซวียน ทันใดนั้นข้อมือก็ถูกคนตรงหน้าคว้าไปโดยที่นางยังไม่ทันได้พูดอะไรแม้แต่ครึ่งคำ
ดวงตาของหานโม่เปลี่ยนเป็เ็าทันที นางดึงมือกลับมาอย่างแรงแล้วถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า "เ้ากำลังทำอะไร?"
เมื่อไตร่ตรองถึงฝีมือของเขาแล้ว หากต้องลงมือกันนางคงสู้เขาไม่ได้ หานโม่ข่มความอยากตีใครสักคนลงไปเหลือเพียงการเอ่ยถามด้วยความขุ่นเคืองเท่านั้น
เฉินเซวียนส่งยิ้มกลับมาให้หานโม่ เขาหยิบขวดกระเบื้องเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อของตนเอง
“คุณหนูหานโม่ มือของท่านได้รับาเ็ให้ข้าใส่ยาให้ท่านเถอะขอรับ”
หานโม่ "..."
จนกระทั่งนางถูกเฉินเซวียนดึงให้ไปนั่งลงที่ริมทะเลสาบแล้วค่อยๆ ใส่ยาที่าแ หานโม่ก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ
นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยระมัดระวังต่อหน้าคนผู้นี้เลย
เฉินเซวียนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็คนมีนิสัยใจคอที่ดี หานโม่ััถึงเจตนาร้ายจากตัวเขาไม่ได้เลย อีกทั้งเขายังมีรังสีความน่านับถือบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกมาด้วย อาจเป็เพราะเหตุนี้หานโม่จึงยินยอมให้เฉินเซวียนทำแผลให้นางต่อไป
หานโม่มองดูาแบนมือของตนเองที่เฉินเซวียนกำลังใส่ยาให้อย่างสนใจ
นั่นคือาแที่เกิดจากมีดสั้นของหานซินตอนนางจับแขนของหานซินบิดไขว้หลัง แต่เนื่องจากาแไม่ใหญ่มากนักและมีเืออกเพียงเล็กน้อย หานโม่จึงไม่ได้ใส่ใจ
ไม่คาดคิดว่าเฉินเซวียนจะสังเกตเห็นมันด้วย
อยู่ๆ ภายในใจของหานโม่ก็เกิดความซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
หานโม่เกลียดตระกูลหานมาตลอด ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่นางกลับมาได้เพียงสองสามวันก็พบสิ่งที่ทำให้รู้สึกแตกต่างไปจากเดิม
เสี่ยวเยว่ เฉินเซวียน ไหนจะหานเสี่ยวมู่ที่ไร้เดียงสาและยังฉลาดเฉลียวอีก คนเหล่านี้ไม่เหมาะกับตระกูลหานเลย
ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลหานที่เห็นแก่ตัว
หลังจากที่ใส่ยาเสร็จแล้ว เฉินเซวียนก็อาสาพาหานโม่กลับไปส่งยังเรือนเหอเซียง
ซึ่งหานโม่ไม่ได้ปฏิเสธและยอมให้เฉินเซวียนพานางกลับไปที่เรือน
ตลอดทางกลับเรือนเหอเซียงบ่าวรับใช้ที่เห็นเฉินเซวียนเดินเคียงข้างมากับหานโม่ พวกเขาต่างอิจฉาคิดว่าเฉินเซวียนผู้นี้คงจะถูกตาต้องใจคุณหนูเจ็ดเข้าแล้ว แต่ก็ทำได้แค่มองไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
หลังจากส่งหานโม่กลับเรือนเรียบร้อยเฉินเซวียนก็จากไป หานโม่จึงมีโอกาสถามเสี่ยวเยว่เกี่ยวกับตัวตนของเฉินเซวียน แต่เสี่ยวเยว่นั้นไม่มีความประทับใจใดๆ ต่อชายหนุ่มที่มีนามว่าเฉินเซวียนนัก ดังนั้นหานโม่จึงโยนเื่ของเฉินเซวียนทิ้งไปก่อนชั่วคราว
งานเลี้ยงเมื่อวานนี้ไม่ได้น่าประทับใจนัก ดังนั้นหานเฉินต้งและคนอื่นจึงทำเพียงแค่รับมื้อเย็นและอยู่ภายในเรือนของตนเองอย่างเงียบๆ เพียงเท่านั้น
หานโม่ให้เสี่ยวเยว่คอยปรนนิบัติรับใช้หลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงปล่อยให้เสี่ยวเยว่ไปพักผ่อน
เสี่ยวเยว่รู้ว่าคุณหนูของนางนั้นเป็ผู้ที่คิดหรือกระทำสิ่งใดล้วนเต็มไปด้วยเหตุผล ดังนั้นจึงไปพักผ่อนอย่างสบายใจ
ท้องฟ้าเริ่มเข้าสู่ยามราตรีแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วหานโม่กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับทวีปเสวียนเทียนที่หยิบมาจากชั้นหนังสืออยู่ในห้อง
ส่วนโตวโตวก็กำลังกินขนมด้วยความเบิกบานใจเป็อย่างยิ่ง
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นด้านนอกเรือน โตวโตวหันไปมองที่หานโม่โดยไม่พูดอะไร "นายท่าน คนในตระกูลหานเหตุใดถึงจงเกลียดจงชังท่านมากมายอะไรเช่นนี้หรือ?"
หานโม่เหลือบตาขึ้นมามองที่โตวโตว ถึงแม้ว่าจิตใจของนางกำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือ แต่ก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อเสียงที่ดังอยู่ด้านนอกหน้าต่างเช่นกัน
“อืม ดูท่าแล้วทุกคนในตระกูลหานล้วนแล้วแต่เกลียดชังข้า” หานโม่พูดออกมาอย่างสบายๆ
หานโม่ไม่ได้ให้ความสนใจต่อเสียงที่อยู่ด้านนอกประตูนัก จากเสียงนั้น หานโม่คาดเดาว่าคงเป็คนจากเรือนไหนสักเรือนที่ถูกสั่งให้มาสืบข่าวหรืออะไรสักอย่าง คงไม่ได้เลวร้ายไปกว่านักฆ่าเมื่อคืนนักหรอก
โตวโตวกำลังใช้จะงอยปากเล็กๆ สีเหลืองสดใสของมันสางขนของตัวเองและพูดออกมาอย่างจนใจ "เมื่อคืนนี้เพิ่งมีคนมา วันนี้ก็ยังมีคนมาอีก ข้ารู้สึกว่าเรือนของนายท่านช่างเนื้อหอมจริงๆ"
หานโม่ยิ้มออกมาอย่างเ็าโดยที่ไม่พูดอะไร
เมื่อโตวโตวเห็นว่าหานโม่ไม่อยากพูดอะไรมากมาย จึงหันไปตั้งใจฟังเสียงข้างนอกหน้าต่างด้วยตัวเอง
ในคราแรกเสียงนั้นช่างแ่เบานัก แต่ต่อมาไม่รู้ว่าคนผู้นั้นกำลังนึกสนุกอะไรอยู่ จึงเพิ่มน้ำหนักฝีเท้าให้มากขึ้น จนในที่สุดคนๆ นั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตู
โตวโตวเบิกตากว้าง
ให้ตายเถอะ นักฆ่าทุกคนกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้เลยหรือ?
โตวโตวโยนความคิดนั้นทิ้งไป เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
โตวโตวรีบหันหน้าไปมองหานโม่ มันสื่อสารกับหานโม่ผ่านทางความคิด "เป็เพราะข้าแก่ลงหรือว่านักฆ่าที่มีฝีมือหายกันไปหมดแล้วหรือ? ขนาดมาเพื่อฆ่าคนก็ยังเคาะประตูก่อนงั้นหรือ?”
หานโม่หลุดยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าที่รับไม่ได้ของโตวโตว
โตวโตวที่ตัวเพียงนี้ ยังพูดเื่ความแก่ชราของตัวเองได้อย่างจริงจังยิ่งนักช่างน่าตลกจริงๆ
หานโม่วางหนังสือในมือลง แล้วเดินไปเปิดประตูห้องออกทันที
โตวโตวรู้สึกว่าต่อไปนี้อาจจะเป็ฉากการต่อสู้อันดุเดือดของครอบครัวนายท่าน มันจึงยกปีกเล็กๆ ทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาปิดตาไว้ทันที ด้วยเพราะไม่อยากเห็นภาพการนองเืที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่พอมันปิดตาเสร็จ หูก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจของนายท่านดังขึ้น "หานเสี่ยวมู่? เหตุใดถึงเป็เ้าล่ะ"
ไอ้เ้าเด็กคนนี้เองหรือ?
โตวโตวเงยหน้ามองไปยังประตูทันที
ที่หน้าประตูมีเด็กน้อยผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มโง่ๆ ไม่ใช่ว่านี่คือหานเสี่ยวมู่ เ้าเด็กน้อยที่เพิ่งได้พบกันในวันนี้หรอกหรือ
"..." โตวโตวเงียบไป
ถึงว่านักฆ่าที่ไหนจะโง่และลงมือแบบมีช่องโหว่มากมายเช่นนี้ แถมยังเคาะประตูก่อนจะลงมืออีกด้วย
ที่ด้านนอกประตู หานเสี่ยวมู่กำลังมองมาที่หานโม่พร้อมกับรอยยิ้มหวาน "ท่านป้าเล็ก เสี่ยวมู่มาเล่นกับท่านขอรับ!"
หานโม่มองไปยังหานเสี่ยวมู่ที่กำลังทำท่าทางเช่นนี้ ฉับพลันก็นึกถึงสายตาระแวดระวังของจินซื่อ ทันใดนั้นความประหลาดใจและความอ่อนโยนในดวงตาหานโม่ก็จางหายไป นางหันหน้าไปหาหานเสี่ยวมู่พลางใช้มือจับกรอบประตูเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้หานเสี่ยวมู่เข้ามาได้ และเอ่ยถามกับเด็กชายว่า "เ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ?"
น้ำเสียงของนางเ็ากว่าเมื่อตอนบ่ายมากนัก หานเสี่ยวมู่เม้มริมฝีปากเข้าหากันทันทีที่ได้ยิน "ท่านป้าเล็ก เป็อะไรไปหรือขอรับ?"
หานโม่มองดูท่าทางน่าสงสารของหานเสี่ยวมู่แล้วภายในใจก็อ่อนยวบลงทันที ริมฝีปากของนางขยับยุกยิกไปมาด้วย้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่ลังเลอยู่พักหนึ่งนางก็พูดออกมาว่า "เ้าออกมาด้านนอกตอนค่ำมืดเช่นนี้ ท่านแม่ของเ้าต้องกำลังเป็ห่วงอยู่แน่ กลับเรือนเถิด.....ข้าจะไปส่งเ้าเอง"
เดิมทีหานโม่้าให้หานเสี่ยวมู่กลับไปเองเพียงคนเดียว แต่กลัวว่าอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทางได้ ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนใจและเอ่ยปากบอกว่าจะไปส่งเขาด้วยตัวเอง
ดวงตาของหานเสี่ยวมู่มีสีแดงจางๆ "ท่านป้าเล็ก เป็อะไรไปหรือขอรับ? ท่านไม่เอ็นดูเสี่ยวมู่แล้วงั้นหรือ? เป็เพราะวันนี้ท่านแม่ของเสี่ยวมู่ตีท่านป้าเล็กหรือขอรับ? ท่านแม่นางไม่ได้ตั้งใจ นางแค่เป็ห่วงเสี่ยวมู่มากเกินไป ตอนนี้นางรู้ตัวว่านางผิดแล้วขอรับ”
