เจียงเซิ่งหลิงคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักจื่อจี๋ ปีนี้เขาอายุ 20 ปีบริบูรณ์ เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ ทั้งยังอยู่อันดับที่ 5 ในรายนามเฟิงอวิ๋นแห่งอาณาจักรจ้าว ถือว่าเป็อัจฉริยะชั้นยอดจากทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว
การที่เขามาเยือนหอพันศัสตราย่อมทำให้ผู้คนใ แต่มีหลายคนมองเจียงเซิ่งหลิงด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา ผู้ที่สามารถเข้าไปอยู่หนึ่งใน 36 อันดับแรกในรายนามเฟิงอวิ๋นได้ถือว่าเป็เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ จึงยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเจียงเซิ่งหลิงผู้อยู่อันดับที่ 5 อีกอย่างอันดับของเขายังสูงกว่ามู่เยี่ยนอัจฉริยะแห่งตระกูลมู่ ตบะก็แกร่งกล้ากว่ามาก
ส่วนหลิวถิงถิงผู้เป็ศิษย์น้องของเจียงเซิ่งหลิงคือสาวงามอันดับหนึ่งแห่งสำนักจื่อจี๋ ทั้งสองคนยังมีสัญญาหมั้นหมายกัน จึงมีหลาย ๆ คนอิจฉาคู่รักคู่นี้
แน่นอนว่าเมื่อเถ้าแก่ได้ยินผู้คนชมเชยเจียงเซิ่งหลิง จึงให้ความสนใจขึ้นมาทันที ถึงอย่างไรสำนักจื่อจี๋ก็ให้ความสำคัญกับเจียงเซิ่งหลิงมากที่สุด จากนั้นเขาระบายยิ้มโดยไร้ซึ่งความดูถูกที่มีต่อเย่เฟิงเฉกเช่นก่อนหน้านี้ “ที่แท้ก็เป็เจียงเซิ่งหลิงผู้อยู่อันดับที่ 5 ในรายนามเฟิงอวิ๋น คุณชายเจียง วันนี้ได้พบพานนับว่าเป็เกียรติอย่างยิ่ง”
“เถ้าแก่พูดอะไรกัน ผู้แซ่เจียงเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปก็เท่านั้น ไม่ใช่คนใหญ่โตสักหน่อย” เจียงเซิ่งหลิงกล่าวพลางโบกมือไปมา
“ผู้แซ่เจียงอยากซื้อดาบหงส์แดงเล่มนี้ เดี๋ยวข้าจะให้คนนำหนึ่งแสนหินหยวนระดับล่างมาส่งให้ท่าน ส่วนดาบเล่มนี้ ศิษย์น้องของผู้แซ่เจียงชื่นชอบมาก เช่นนั้นจะขอรับไปก่อน” เจียงเซิ่งหลิงกล่าว โดยยังคงไม่สนใจเย่เฟิงและฉินเยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ เขาคือใคร? แล้วจะสนใจผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ไปไย?
เมื่อเถ้าแก่ได้ยินเช่นนั้นกลับหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย หอพันศัสตราถือคติที่ว่าเงินมาของไป แต่ราคานี้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับคำพูดของเจียงเซิ่งหลิง
“ย่อมได้แน่นอน ด้วยชื่อเสียงของคุณชายเจียง หอพันศัสตรายินดีขายดาบหงส์แดงให้คุณชาย นอกจากนี้คุณชายจะได้ส่วนลดไปอีกด้วย ตอนคุณชายเจียงให้คนนำเงินมาส่งแค่เก้าหมื่นหินหยวนระดับล่างก็พอแล้ว”
เถ้าแก่ยิ้มแย้ม สำหรับเขาแล้ว การได้เชื่อมสัมพันธ์กับเจียงเซิ่งหลิงย่อมสำคัญกว่าส่วนลดหินหยวนระดับล่างหนึ่งหมื่นก้อนนั่นเสียอีก
“เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก!” เจียงเซิ่งหลิงกล่าวพร้อมโค้งคำนับให้เถ้าแก่ จากนั้นหันไปกล่าวกับหลิวถิงถิงว่า “ศิษย์น้อง เราไปกันเถอะ!”
หลิวถิงถิงมองเจียงเซิ่งหลิงด้วยท่าทีเลื่อมใสศรัทธา พร้อมเผยรอยยิ้มเบิกบานใจ ศิษย์พี่ของนางร้ายกาจที่สุด ไม่ว่าไปไหนก็ต้องมีคนให้เกียรติเขาอยู่ร่ำไป
เมื่อกล่าวจบ เจียงเซิ่งหลิงจับมือหลิวถิงถิงแล้วเดินออกจากหอพันศัสตรา
“ช้าก่อน!”
ทว่าเจียงเซิ่งหลิงและหลิวถิงถิงที่เพิ่งเดินไปได้หนึ่งก้าวก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงนี้ จากนั้นพวกเขาหมุนตัวไปและมองตามต้นเสียงนั้น ก่อนจะเห็นเย่เฟิงกำลังมองพวกเขา
“มีธุระอันใด?” เจียงเซิ่งหลิงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว
“ข้าเลือกดาบหงส์แดงเล่มนี้ก่อน เถ้าแก่เองก็ตกลงขายให้ข้าแล้วด้วย แต่จู่ ๆ เ้าก็มาชิงตัดหน้าข้าไปเช่นนี้ มันหมายความเช่นไร? หรือแม้แต่ใครมาก่อนมาหลังที่เป็เื่พื้นฐานที่สุด เ้าก็ไม่รู้งั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ
“ใครมาก่อนมาหลังงั้นหรือ ข้าเจียงเซิ่งหลิงไม่จำเป็ต้องปฏิบัติตาม อีกอย่างเ้าอยู่แค่ขั้นรวมชี่ที่ 7 แล้วมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้า?” เจียงเซิ่งหลิงกล่าว
“ไม่จำเป็ต้องปฏิบัติงั้นหรือ!” เย่เฟิงยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขาหันไปมองเถ้าแก่ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วกล่าวว่า “เถ้าแก่ ข้าขอถามท่าน หอพันศัสตราท่านเปิดธุรกิจทำการค้าขาย แต่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่? ท่านกำลังทำการขาย แต่กลับเปลี่ยนใจขายให้คนอื่นได้หรือ? นี่น่ะหรือคือการทำธุรกิจของหอพันศัสตราท่าน ช่างปราดเปรื่องนัก!”
เถ้าแก่ได้ยินเช่นนั้นก็เผยหน้าซีดเผือด กระทั่งเขาทำตัวไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง
“ของที่ตกลงทำการขายแล้วย่อมไม่มีเหตุผลให้เปลี่ยนใจ แต่คุณชายเจียงเซิ่งหลิงจ่ายให้ข้าได้ ส่วนเ้า ข้าไม่แน่ใจว่าเ้าจะจ่ายให้ข้าได้หรือไม่” เถ้าแก่กล่าว โดยยังคงดูถูกเย่เฟิง
“เขาก็ยังไม่ได้จ่ายเหมือนกัน” น้ำเสียงที่เย่เฟิงคุยกับเถ้าแก่เริ่มเย็นะเืลงเรื่อย ๆ
“เ้าจะเทียบกับคุณชายเจียงได้อย่างไร? ข้าว่าเ้าจงใจก่อความวุ่นวายในหอพันศัสตราของข้ามากกว่า!” เถ้าแก่แสยะยิ้ม ส่วนลูกค้าคนอื่น ๆ ต่างก็คิดเช่นเดียวกับเขา เจียงเซิ่งหลิงคือใคร คนรุ่นเยาว์ทั่วทั้งอาณาจักรจ้าวจะมีสักกี่คนที่ทัดเทียมกับเจียงเซิ่งหลิงได้? แล้วชายผู้นี้จะมาเทียบกับเจียงเซิ่งหลิงอย่างนั้นหรือ ช่างไม่รู้จักประมาณตน
“ฮ่า ๆ ๆ!” เจียงเซิ่งหลิงได้ยินเช่นนั้นก็ะเิหัวเราะ ก่อนจะหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูิ่ “เทียบกับข้า? เอาอะไรมาวัด?”
จากนั้นเจียงเซิ่งหลิงพูดต่อไปว่า “งั้นข้าจะให้โอกาสเ้าเทียบเคียง ข้าก็อยากรู้นักว่าเ้ามีหินหยวนระดับล่างหนึ่งแสนก้อนหรือไม่ หากเ้ามีจริง ๆ ผู้แซ่เจียงจะยกดาบหงส์แดงให้เ้า”
ขณะกล่าว เจียงเซิ่งหลิงก็เหลือบไปมองถุงเงินที่อยู่ในมือของเย่เฟิงพร้อมกับแสดงท่าทีดูิ่ ในความคิดเขา ถุงเล็ก ๆ เช่นนี้ไม่มีทางบรรจุหินหยวนเป็หมื่น ๆ ก้อนได้ แต่ขณะนั้นเถ้าแก่มองตามสายตาของเจียงเซิ่งหลิงไปที่ถุงเงินในมือเย่เฟิง เมื่อครู่เพราะการปรากฏตัวของเจียงเซิ่งหลิง จึงรบกวนการแลกเปลี่ยนของเขาและเย่เฟิง ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้รับถุงเงินนั้นของเย่เฟิง
“ใช่ คุณชายเจียงพูดถูก หากเ้ามีหินหยวนจำนวนนั้นจริง ๆ ข้าจะขายดาบหงส์แดงเล่มนี้ให้เ้า” เถ้าแก่กล่าวเสริม ในความคิดเขา มีเพียงวิธีนี้จึงจะไล่เย่เฟิงออกไปได้ หากเื่การค้าขายกับเย่เฟิงถูกยกเลิกโดยไม่มีเหตุผลแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหอพันศัสตรา
“ข้าไม่เชื่อว่าหมอนี่จะมีหินหยวนระดับล่างแสนก้อน” มีคนผู้หนึ่งกล่าว ซึ่งทุกคนต่างก็ไม่มีใครคิดว่าเย่เฟิงจะมีหินหยวนจำนวนมากขนาดนั้น
“ดี!”
แต่ขณะที่ทุกคนคิดว่าเย่เฟิงไม่สามารถนำหินหยวนจำนวนมากขนาดนั้นออกมาได้ เย่เฟิงกลับตอบตกลงด้วยท่าทีเฉยชา จากนั้นเขาส่งถุงเงินใบนั้นไปให้เถ้าแก่อีกครั้ง พร้อมกล่าวต่อว่า “รับไป คราวนี้อย่ากลับคำอีกละ!”
เถ้าแก่ชำเลืองมองเย่เฟิงแบบลึกซึ้งแวบหนึ่ง เขาไม่เข้าใจว่าเย่เฟิงหมายถึงอะไร ถุงเงินเล็กเพียงนี้หรือจะบรรจุหินหยวนจำนวนแสนก้อนได้จริง ๆ ? แต่เขาก็รับถุงเงินใบนั้นมา
“ไม่เจียมตัว เห็นชัด ๆ ว่าซื้อไม่ได้ ทำคนอื่นอารมณ์เสียหมด!” หลิวถิงถิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ ดาบหงส์แดงเล่มนี้เหมาะกับนาง แล้วนางก็ชอบมากด้วย แต่เย่เฟิงผู้นี้กลับทำลายความสุขของนาง
ขณะนั้นเถ้าแก่เปิดถุงเงิน แล้วเทของที่อยู่ในนั้นลงบนตู้สินค้า พลางในใจยังคงเหยียดหยามและคิดวางแผนว่าจะจัดการเย่เฟิงอย่างไรดี นาทีต่อมาสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เถ้าแก่ แม้แต่โยวเฟิ่งและพนักงานคนอื่น ๆ ที่รับผิดชอบแขกของหอพันศัสตราอยู่ก็ยังให้ความสนใจ
“หินหยวนระดับล่างแสนก้อนอะไรกัน นี่มันสิบก้อนชัด ๆ หมอนี่กล้ามากที่เล่นตลกเช่นนี้กับหอพันศัสตราและเจียงเซิ่งหลิง เขาคงต้องตายอย่างน่าอนาถแน่” มีคนผู้หนึ่งพูดดูถูกเมื่อเห็นหินหยวนสิบก้อนที่ถูกเทออกมาจากถุงเงินใบนั้น
“ใช่ มีแค่สิบก้อนเอง เขาคิดว่าตัวเองเป็ใคร สิบก้อนจะใช้แทนแสนก้อนได้อย่างไร? โง่เง่าสิ้นดี” ความคิดเช่นเดียวกันนี้ผุดขึ้นในหัวของใครหลาย ๆ คน ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม แม้แต่เจียงเซิ่งหลิงและหลิวถิงถิงยังแสยะยิ้ม หินหยวนระดับล่าง 10 ก้อน หมอนี่บ้าไปแล้วหรือ
“ศิษย์พี่ ดาบหงส์แดงเป็ของพวกเราแล้ว ไปกันเถอะ ข้าเหม็นขี้หน้าคนโง่เขลาจะตายอยู่แล้ว” หลิวถิงถิงกล่าว
“ได้ ศิษย์น้องไม่อยากอยู่ต่อ เช่นนั้นศิษย์พี่จะพาเ้าออกไปจากที่นี่” เจียงเซิ่งหลิงกล่าวพลางยิ้มให้หลิวถิงถิง แต่ก็ไม่ลืมหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน “เื่ในวันนี้ ข้าจะทำเป็ไม่รู้จักเ้า หวังว่าต่อไปเ้าจะไม่ทำเื่โง่เง่าแบบนี้อีก!”
เมื่อกล่าวจบ เจียงเซิ่งหลิงก็จูงมือหลิวถิงถิงเดินออกไป
“หิน... หินหยวนระดับสูง นี่คือหินหยวนระดับสูง!”
แต่ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เจียงเซิ่งหลิงและหลิวถิงถิงหยุดชะงัก ก่อนจะหันหลังไปอีกครั้ง พบว่าเถ้าแก่ที่ถือหินหยวนกำลังตัวสั่นระริก
“เถ้าแก่เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อหลายคนเห็นการกระทำของเถ้าแก่ต่างก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเหตุใดเถ้าแก่ถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ แม้แต่โยวเฟิ่งและพนักงานหญิงคนอื่น ๆ ก็ยังไม่เข้าใจ พวกนางทำงานที่หอพันศัสตรามาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่น้อยครั้งนักที่จะเห็นเถ้าแก่มีท่าทีเช่นนี้
“เถ้าแก่ หินหยวนระดับสูงคืออะไร?” เจียงเซิ่งหลิงซักถาม เขาแปลกใจนักที่เถ้าแก่มีปฏิกิริยาเช่นนี้
“นี่... นี่คือหินหยวนระดับสูง เป็หินหยวนที่หายากมาก ๆ หนึ่งก้อนสามารถแลกเปลี่ยนเป็หินหยวนระดับล่างได้หมื่นก้อน!” เถ้าแก่กล่าวด้วยเสียงสั่นระริก
“ท่านจะบอกว่า สิ่งที่ท่านได้มาคือหินหยวนระดับสูงอย่างนั้นหรือ?” เจียงเซิ่งหลิงได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี ก่อนจะเอ่ยถามเช่นนั้น
“ใช่แล้ว คุณชายเจียง ต้องขออภัยด้วย ข้าขายดาบหงส์แดงเล่มนั้นให้แขกผู้มีเกียรติท่านนั้นแล้ว!” เถ้าแก่พยักหน้า จากนั้นปรี่เข้าไปหาหลิวถิงถิง ก่อนจะชิงดาบหงส์แดงที่อยู่ในมือของนางมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
จากนั้นเถ้าแก่เดินมาหาเย่เฟิงด้วยท่าทีนอบน้อม ภายใต้ความประหลาดใจของผู้คนรอบข้าง จู่ ๆ เขาก็โค้งคำนับให้เย่เฟิงพร้อมส่งดาบหงส์แดงไปให้ทันที “ท่านแขกผู้มีเกียรติ เมื่อครู่ข้ามีตาหามีแววไม่ อภัยให้ข้าที่ล่วงเกินท่าน ตอนนี้ดาบหงส์แดงเป็ของท่านแล้ว”
เย่เฟิงยิ้มจาง ๆ ก่อนจะรับดาบหงส์แดงมา จากนั้นส่งให้ฉินเยียนหรานที่กำลังตะลึงค้างอยู่เล็กน้อย
“หินหยวนระดับสูง สิ่งที่ชายผู้นี้นำออกมาคือหินหยวนระดับสูง!” ทุกคนต่างต้องใสุดขีด ช่างน่าขันนักที่พวกเขาดูถูกเย่เฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าสิ่งที่เย่เฟิงนำออกมาคือหินหยวนระดับล่าง 10 ก้อน กลับกันหินหยวน 10 ก้อนนั้นคือหินหยวนระดับสูง
ซึ่งหินหยวนระดับสูงเป็ของล้ำค่าและหาได้ยากยิ่ง แต่กระนั้นหินหยวนระดับสูงก็ถือได้ว่าเป็ของในตำนาน แม้แต่ราชวงศ์จ้าวปัจจุบันก็มีหินหยวนระดับสูงอยู่เพียงไม่กี่ก้อน
ด้วยเหตุนี้ทุกคนรวมถึงเจียงเซิ่งหลิงจึงไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่เย่เฟิงนำออกมาจะเป็หินหยวนระดับสูงอันล้ำค่า
มีเพียงเถ้าแก่ผู้ดูแลหอพันศัสตรามานานหลายปีที่เคยพบเห็นหินหยวนระดับสูงหนึ่งครั้ง แต่หนึ่งครั้งนั้นก็ได้ทิ้งความประทับใจไว้ให้เขาไม่รู้ลืม แม้ผ่านมาหลายปีเขาก็ยังคงจำได้เสมอ
