"โฮก......"
เสียงะโด้วยความอัดอั้นของหานเยว่ราวกับน้ำที่กระเด็นใส่น้ำมันร้อนๆ ในกระทะ เหล่าสัตว์อสูรเดือดดาลขึ้นมาทันที
สัตว์อสูรพวกนี้ไม่ได้ล้อมรอบพวกเขาแล้ว แต่พวกมันพุ่งเข้าหาทุกคนพร้อมเขี้ยวอันแหลมคมและเสียงคำรามดังลั่นป่า
"กรี๊ด......" เสียงกรีดร้องของหานเยว่ดังขึ้น หานเทียนกับหานิซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของนางนั้นหลบออกไปอีกด้านข้างั้แ่ตอนไหน ทำให้หานเยว่เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรตรงๆ โดยไร้เกราะกำบัง
พวกสัตว์อสูรมีนิสัยโเี้เป็ทุนเดิม ทันทีที่มันเห็นเหยื่อก็พุ่งเข้ามาฝังเขี้ยวลงไปทันที หานเยว่ใจนลืมใช้พลังลมปราณโจมตีกลับ นางถูกสัตว์อสูรตัวหนึ่งเหวี่ยงลงกับพื้น เมื่อคนที่เหลือเห็นว่าสัตว์อสูรตัวนั้นกำลังจะก้มลงมากัดคอของหานเยว่ หานเทียนก็ได้สติเขาพุ่งเข้ามาใช้กระบี่ฟันไปที่คอของสัตว์อสูรตัวนั้นและช่วยหานเยว่เอาไว้ได้
สัตว์อสูรโเี้ก็จริง แต่ระดับวรยุทธ์ของพวกเขาทุกคนตรงนี้ไม่ได้แย่ หลังจากที่ตื่นตระหนกกันไปในคราแรก ไม่นานทุกคนก็สามารถตั้งสติจัดการสัตว์อสูรหลายตัวตรงหน้าได้อย่างราบรื่น
ส่วนหานโม่นั้นหลบหลีกไปมาท่ามกลางสัตว์อสูรได้อย่างกับคมดาบมากเหลือ [1] นางใช้ประโยชน์ใน่เวลานี้ลอบสังเกตฝีมือของทุกคนไปด้วย
ฝีมือของหานเทียนและหานิไม่จำเป็ต้องพูดถึง ในฐานะดาวเด่นของตระกูลหานทั้งสองคนผ่านเข้าสู่ระดับเสวียนซือไปแล้วเรียบร้อย ส่วนหานเยว่เองก็อยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเสวียนเจ่อและกำลังจะก้าวข้ามไปสู่ระดับเสวียนซือเช่นกัน
ชายหนุ่มจากตระกูลอื่นที่คู่กับหานิมีระดับพลังวรยุทธ์อยู่ประมาณระดับเสวียนซือและฝีมือการต่อสู้ของเขายังแข็งแกร่ง
แต่หานซินกลับแตกต่างออกไป หานโม่ขมวดคิ้วแน่น
พลังปราณในร่างกายของหานซินนั้นแปลกมากมันผันผวนไปมาจนหานโม่มองไม่ออกไปครู่หนึ่ง แต่สัญชาตญาณของนางบอกว่าหานซินในเวลานี้อันตรายมาก
"เป็เช่นนี้ไม่ดีแน่ พวกเราต้องแยกกัน!" เมื่อหานเทียนเห็นว่ามีพวกเขาบางคนถูกสัตว์อสูรโจมตีจนเพลี่ยงพล้ำแทบจะเอาตัวเองไม่รอดแล้ว เขาจึงกัดฟันะโออกมา
หานิและชายหนุ่มจากตระกูลอื่นแยกตัวออกไปทันที
หลังจากที่พวกเขาแยกออกไป หานเทียนและหานเยว่ก็วิ่งหนีไปในทิศทางตรงกันข้ามทันที
หานโม่และเซวียอีเฉินก็เลือกที่จะแยกตัวไปอีกทางเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรไม่ได้คาดว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวไปคนละทิศคนละทางเช่นนี้ หลังจากที่พวกมันมึนงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งตามพวกเขาไปทันที
ตอนที่พวกมันหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก็ถือว่าได้ให้เวลาหลบหนีแก่หานโม่และคนอื่นมากมายแล้ว
หานโม่และเซวียอีเฉินหยุดฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าด้านหลังไม่มีสัตว์อสูรวิ่งตามมา
"เกือบไปแล้ว"
เซวียอีเฉินหายใจเหนื่อยหอบพลางเอนกายพิงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
หานโม่เหลือบมองมาทางเขาและกำลังจะเอ่ยพูด แต่รูม่านตาของนางหดตัวลงเล็กน้อย
ไม่ไกลจากพวกเขา หานซินกับหลินเฟยกำลังวิ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว
"บ้าจริง วิ่งไปทางไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น!" เซวียอีเฉินมองเห็นพวกนางสองคนเช่นกัน แถมยังมีสัตว์อสูรหลายตัววิ่งตามหลังพวกนางมาด้วย ไม่ทันได้พักเขาก็ต้องวิ่งไปพร้อมหานโม่อีกครั้ง
ทั้งสี่คนมารวมตัวกันโดยที่ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรและสัตว์อสูรที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็วิ่งตามมาอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่รู้ว่าวิ่งมานานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็เข้ามาสู่พื้นที่ป่าที่มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่นเบื้องหน้า
บริเวณนี้ช่องว่างระหว่างต้นไม้แคบมาก เพียงพอให้คนผ่านไปได้แค่คนเดียว
ดวงตาของหานโม่เป็ประกายทันที นางพุ่งตัวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วราวกับดาวตก
ด้วยความเร็วของพวกเขาที่มากเป็ทุนเดิมประกอบกับมีพื้นที่ว่างน้อยเกินไป พวกสัตว์อสูรจึงไม่สามารถแทรกตัวตามเข้ามาได้ ไม่ช้าพวกมันก็ถูกทิ้งไว้เื้ั
รอจนไม่มีเสียงของสัตว์อสูรข้างหลังแล้ว ทั้งสี่คนก็ลดความเร็วและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"ระวัง!" ทันทีที่หานโม่หยุดนิ่ง เซวียอีเฉินก็ดึงแขนนางออกมาจากตำแหน่งที่ยืนอยู่
เมื่อหานโม่เอาแขนออกมาจากมือของเซวียอีเฉิน นางก็หันหน้ากลับไปมองทันที
ปรากฏว่าข้างหลังของนางเป็หลุมกับดัก
ภายในหลุมมีความลึกกว่าสิบจั้ง [2] ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังส่องประกายอยู่ก้นหลุมเป็มีดหรือว่าหัวลูกศรกันแน่
"ขอบคุณ" หานโม่ชำเลืองมองเซวียอีเฉินพลางพยักหน้าเอ่ยขอบคุณ
เซวียอีเฉินโบกมือคล้ายไม่ใส่ใจ "เื่เล็กน้อย"
หลินเฟยและหานซินยืนอยู่ตรงข้ามคนทั้งสอง การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วทำให้พวกเขากระหายน้ำมาก หลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จแล้วหลินเฟยก็จึงเอ่ยทักทายหานโม่ นางเป็ศิษย์ของถังชิงจง
หานโม่ไม่ได้รู้สึกดีกับคนที่เกี่ยวข้องกับถังชิงยุ่นนัก นางจึงทำเพียงพยักหน้ารับรู้เบาๆ
หลินเฟยไม่ได้รู้สึกเขินอายเลยที่โดนเมิน นางพูดถึงเื่ที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
หานโม่ไม่ได้สนใจที่จะฟัง นางหันไปสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ตอนที่หานโม่หันกลับมา หานซินที่เงียบมาตลอดอยู่ๆ ก็หงุดหงิดขึ้นมา......
หานโม่ััได้ถึงความเย็นะเืสายหนึ่งจากทางด้านหลัง นางระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว พอหมุนตัวกลับไปจึงเผชิญหน้ากับหานซินที่มีใบหน้าบึ้งตึงและหงุดหงิดราวกับว่าถูกครอบงำด้วยพลังงานชั่วร้ายบางอย่าง ความใปรากฏขึ้นในดวงตาของหานโม่
นี่ไม่ใช่พลังของหานซิน!
“เ้าเป็อะไรหรือไม่?” หานโม่เอ่ยถามอย่างเ็า
ทว่าหานซินกลับทำเพียงแสยะยิ้มและไม่สนใจคำถามของหานโม่ นางพุ่งตัวเข้าหาหานโม่ด้วยความเร็วสูง
"เ้าคิดจะทำอะไร?"
"ระวัง......"
ตอนที่หลินเฟยกับเซวียอีเฉินตั้งใจจะเข้าไปหยุดหานซิน หานโม่ก็ถูกฝ่ามือของหานซินซัดเข้าใส่อย่างแรงและตกลงไปในหลุมกับดักราวกับว่าวที่เชือกขาด
"หานโม่!" เซวียอีเฉินสะกิดเท้ากับพื้นแล้วพุ่งเข้าไปหาหานโม่ เขาคว้าแขนของหานโม่ไว้ได้ ทว่าก็พ่ายแพ้ต่อแรงโน้มถ่วงอยู่ดีทั้งสองคนจึงตกลงไปในหลุมกับดักด้วยกัน
เมื่อหานซินเห็นว่าทั้งคู่ตกลงไปในหลุมกับดักแล้วนางก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“นางสารเลว นี่คือหลุมศพของเ้า!”
นางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้หลินเฟยตกตะลึงจนพูดไม่ออก
นางมองไปยังใบหน้าด้านข้างของหานซิน พริบตาเดียวก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
คุณหนูห้าของตระกูลหานเป็คนเช่นนี้เองหรือ?
ก่อนที่ความคิดในหัวของหลินเฟยจะประกอบกันเป็รูปเป็ร่าง ภาพตรงหน้าก็ทำให้นางใขึ้นมาอีกครั้ง
หานซินล้วงหยิบถุงสีดำใบหนึ่งออกมาจากในสาบเสื้อ
หลินเฟยที่ยืนอยู่ห่างๆ มองเห็นเพียงว่าภายในถุงสีดำนั้นมีบางสิ่งกำลังขยับ แต่นางดูไม่ออกว่ามันคือสิ่งใด
จนกระทั่งหานซินเปิดปากถุงออก หลินเฟยก็แทบจะเป็ลมด้วยความใ
แมงป่องดำ!
ที่ปลายหางของพวกมันนั้นเป็ส่วนของเหล็กในที่โปร่งใส มองเพียงครู่เดียวก็รู้ว่าเต็มไปด้วยพิษร้ายแรง!
“หานโม่ คราวนี้เ้าตายแน่!”
หานซินหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ นางโยนถุงที่ใส่แมงป่องดำลงไปในหลุมกับดัก
หลินเฟยมองหานซินที่กลายเป็เช่นนี้แล้วภายในใจก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นางขยับตัวไปมาเพราะ้าหนีจากหานซิน แต่มันก็สายเกินไป
ในตอนนั้นเองที่หานซินเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ มองหลินเฟยอย่างน่ากลัว จากนั้นจึงโยนแมงป่องดำที่เหลืออยู่ใส่นางทันที
"กรี๊ด......"
……
ภายในกับดัก
แม้ว่าหานโม่จะได้รับาเ็จากฝ่ามือของหานซินก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้สาหัสมากนัก ระหว่างที่หล่นลงมาในกับดักนางก็หมุนตัวกลางอากาศในท่าเตรียมจู่โจม เมื่ออยู่เหนือหนามแหลมราวสามชุ่น [3] นางใช้มีดสั้นกำจัดความแหลมคมออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อมีพื้นที่ให้ยืนได้อย่างปลอดภัยแล้ว ทั้งสองคนก็รีบหาที่ปลอดภัยนั่งหลบมุมอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทั้งสองคนหลบในพื้นที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว แมงป่องดำจำนวนหนึ่งก็ตกลงมาจาก้า มีดสั้นของหานโม่ถูกดึงออกจากฝักอีกครั้งแล้วฟันแมงป่องพวกนั้นจนขาดเป็ท่อนอย่างรวดเร็ว
เซวียอีเฉินที่อยู่ข้างๆ มองดูด้วยความประหลาดใจ
หลังจากทุกอย่างสงบลง เซวียอีเฉินก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าเป็ตัวถ่วงของเ้าใช่หรือไม่? เ้าแข็งแกร่งเช่นนี้ มิใช่ว่าการที่ตกลงมาในนี้เป็เพราะเ้าจงใจถูกหานซินผลักลงมาหรอกหรือ?"
หานโม่ชำเลืองมองไปยังเซวียอีเฉินอย่างเฉยเมย เมื่อควบคุมลมหายใจให้คงที่แล้วแต่ภายในทรวงอกยังคงรู้สึกร้อนผ่าวและเจ็บแปลบอยู่ นางพูดเสียงเย็นว่า "ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] คมดาบมากเหลือ หมายถึง มีฝีมือชำนาญ จัดการได้อย่างสบาย
[2] จั้ง เป็หน่วยวัดระยะทาง โดย 1 จั้ง = 3.3 เมตร / 10 จั้ง = 30 เมตร
[3] ชุ่น เป็หน่วยวัดระยะทาง โดย 1 ชุ่น = 3.3 เิเ / 3 ชุ่น = 10 เิเ
