ท้องฟ้ามืดแล้ว บนรถม้า เหยียนชิงถามถึงสถานการณ์ของทั้งคู่กับหมอ ตอนนั้นเองที่พวกเขาได้รู้ว่าหลินซิวถูกหานตงหลินซื้อมาจากหอนางโลมตกอับ ก็หมายความว่าก่อนที่หลินซิวจะแต่งงานกับหานตงหลินเขาเป็คณิกาชายมาก่อน เื่นี้ไม่ใช่ความลับอะไร เพราะเหตุนี้ทุกครั้งที่หลินซิวออกจากบ้านไปยืมเงินก็มักจะถูกคนอื่นเอาเปรียบเสมอ
หลินซิวมีค่ามากสำหรับหานตงหลิน ในวันธรรมดาใครก็ตามที่ออกมาพูดเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหลินซิว เขาจะต่อสู้เอาเป็เอาตาย แล้วจะยอมให้หลินซิวไปยืมเงินคนอื่นได้อย่างไร เขายอมนอนทนทุกข์ทรมานบนเตียงดีกว่าให้หลินซิวออกไปยืมเงินและถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีกลับมา
หานตงหลินมีค่ามากสำหรับหลินซิว
“เป็เช่นนี้นี่เอง...”
เว่ยซูหานถอนหายใจด้วยคำที่อธิบายไม่ถูก คนแบบนี้ถูกคนอื่นควบคุมง่ายกว่า แม้แต่ศักดิ์ศรีก็ยังถูกเหยียบย่ำ
หลังจากที่หมอลงจากรถ เหยียนชิงก็ไม่พูดอะไรเป็เวลานาน ขณะที่มือของเว่ยซูหานโอบรอบตัวเขา เขาก็มุดเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
เว่ยซูหานจูบคนในอ้อมกอด “เป็อะไรไป?”
เหยียนชิงหลับตาแล้วส่ายหน้า “เปล่า...”
เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ ชาติที่แล้วในเทศกาลโคมไฟ เขาได้ยินว่ามีคณิกาชายที่ะโน้ำฆ่าตัวตาย เหมือนจะแซ่หลินด้วย เขาสนใจเื่ภายนอกเป็ครั้งคราวก็ได้ยินเื่นี้ด้วย ตอนนี้... พวกเขานับว่าได้ช่วยเหลือหนึ่งชีวิตแล้ว
เว่ยซูหานไม่พูดอะไร ได้กอดคนไว้เช่นนี้ เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขานับว่าโชคดีมาก
วันส่งท้ายปีเก่า เพื่อต้อนรับวันแรกของปีใหม่ ปีใหม่นี้ใกล้จะจบแล้ว หลังจากวันที่สามของปีใหม่ ตระกูลเหยียนเริ่มยุ่งกับพิธีต้อนรับญาติคนใหม่ ฮูหยินเหยียนเชิญคนที่มีฐานะทั้งหมดในเมืองฝูซังมาด้วยตัวเอง ทำให้คนในเมืองฝูซังรู้ว่าตระกูลเหยียนให้ความสำคัญกับอิ้งหลี
อิ้งหลีเลือกลานบ้านแยกออกมาตากเรือนหลัก และเลือกสาวใช้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ฮูหยินเหยียนกลับขอให้เขาปฏิบัติตามกฎ
เหยียนชิงเขียนจดหมายให้เหยียนลั่ว เหยียนลั่วชื่นชมการกระทำของมารดาอย่างมาก จากนั้นก็บอกว่ามีพี่ชายเพิ่มขึ้นมาอีกคน เขาที่อยู่ข้างนอกจะได้สบายใจ
เหยียนชิงมองไปที่รอยยิ้มและความภาคภูมิใจในจดหมาย ซึ่งเป็การกระทำที่พี่ชายของเขาชอบทำ และยังเป็ข้ออ้างให้คนเสเพลคนนั้นเที่ยวเล่นได้อย่างอิสระ
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับการกระทำของฮูหยินเหยียนที่รับอิ้งหลีเป็บุตรบุญธรรม แต่ฮูหยินถังก็มาเยี่ยมฮูหยินเหยียนด้วยตัวเอง ครั้งนี้ฮูหยินเหยียนก็เอาเื่ที่นายท่านฝากฝังไว้ก่อนตายออกมาพูด บอกถึงเจตนาของนายท่าน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากเกี่ยวกับเื่นี้แม้ว่าจะมีความไม่พอใจก็ตาม
พิธีต้อนรับญาติคนใหม่ถูกจัดขึ้นด้วยความเคร่งครัด จากนั้นก็จบลง
สถานะของอิ้งหลีในตระกูลเหยียนไม่ต่ำต้อยเหมือนเดิมแล้ว และมีหลายกิจการที่รับผิดชอบ ตอนนี้สูงขึ้นมาอีกหนึ่งขั้น ทุกคนย่อมไม่พลาดโอกาสหาคบค้าสมาคมด้วย
ดังนั้นั้แ่วันไหว้บรรพบุรุษวันที่สองจนถึงใกล้ถึงเทศกาลโคมไฟ คนที่้าผูกมิตรกับคุณชายรองก็มาเยี่ยมเยียนถึงประตูตระกูลเหยียนอย่างไม่ขาดสาย มีทั้งแสดงความยินดีและอวยพร แม้กระทั่งมีคนไม่น้อยที่เอ่ยถึงเื่แต่งงาน ชาในตระกูลเหยียนลดลงอย่างมาก อิ้งหลีตัดปัญหาด้วยการปิดประตูไม่ต้อนรับแขกและไม่ออกจากเรือน
ชั่วขณะนั้นเขาเหนื่อยแทบแย่
วันนี้เป็วันเทศกาลโคมไฟ แต่มีหิมะตกโปรยปราย เว่ยซูหานกำลังฝึกดาบกับเหยียนหานที่เรือนด้านหลัง อิ้งหลีและเหยียนชิงก็ดื่มชาและเล่นหมากรุกอยู่ในหอชิงเฟิง ขณะที่ฟังบ่าวรับใช้รายงานรายการของขวัญที่พวกเขาได้รับเมื่อวานนี้ ส่วนใหญ่จะเป็ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นถุงหอมที่ลูกสาวของพวกเขาทำเองกับมือ อิ้งหลีรู้สึกว่าในหัวของตัวเองมีแต่เสียงอื้ออึง หมดความสนใจกับหมากรุกตรงหน้าแม้จะแพ้ไปสองรอบ
เหยียนชิงเห็นว่าเขาหงุดหงิดจึงถือโอกาสหยอกล้อ
“ได้ยินว่าหญิงสาวที่จะแต่งงานกับพี่รองตอนนี้เข้าแถวกันไปครึ่งถนนแล้ว เรือนหลานถิงของท่านแม่ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นแป้งของแม่สื่อ...”
สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ความสามารถของอิ้งหลีเป็ที่รู้จักกันดี แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมสอบคัดเลือกขุนนาง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขา นอกจากนี้ เขายังดูสง่างามและอ่อนโยน และตอนนี้เขายังเป็คุณชายรองแห่งตระกูลเหยียน
อิ้งหลีถูขมับเพราะอาการปวดหัวและพูดอย่างจนใจ
“ข้าขอให้ท่านลุงฝูปล่อยข่าวออกไปว่าข้ากำลังสนใจใครสักคน จากนั้นก็เอาของที่แม่นางเ่าั้ส่งมาคืนกลับไป...”
แม้ว่าเขาจะจัดการกับปัญหาได้ดี แต่เขาก็ไม่ค่อยถนัดกับเื่ส่วนตัวของตัวเอง และเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ครอบครัวของเด็กผู้หญิงเ่าั้ควรสงวนลูกสาวของตัวเองไว้มากกว่านี้
เหยียนชิงเหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้ม “พี่รอง ท่านมีดอกไม้ตั้งมากมาย หากชอบเหตุใดไม่ลองเด็ดมาเชยชม”
อิ้งหลีทำหน้าจริงจังและส่ายหัว “ไม่ดีกว่า ตอนนี้ข้ายังไม่อยากมีจิตใจว่อกแว่ก”
เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับเื่แบบนี้มาก่อน
“ก็ได้” เหยียนชิงพยักหน้า “แค่พี่น้องมีความสุขก็พอแล้ว เื่ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้”
อิ้งหลี “อือ”
“คุณชายรอง มีแขกรออยู่ข้างนอกประตู บอกว่าคุณชายหวังส่งของขวัญมาแสดงความยินดีขอรับ”
คนเฝ้าประตูเดินเข้ามารายงาน
“คุณชายหวัง?” เหยียนชิงและอิ้งหลีเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน “คุณชายคนไหน?”
ผู้ดูแลประตูว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่เขาบอกว่าไม่ได้มาแสดงความยินดีกับคุณชายรองในงานต้อนรับญาติ วันนี้จึงนำของขวัญแสดงความยินดีตามมาให้”
“อ้อ”
อิ้งหลีและเหยียนชิงมองหน้ากัน และในที่สุดก็ลุกขึ้นมาก่อนจะเดินออกไป ชายร่างใหญ่ห้าคนเดินเข้ามาทางประตู สี่คนถือของ สองคนถือขวดเหล้า อีกสองคนถือหีบสีทอง และอีกคนหนึ่งถือกล่องสี่เหลี่ยมห่อด้วยผ้าไหมสีทอง เหตุการณ์นี้ช่างดูค่อนข้างจะคุ้นเคย
“ดูท่าแล้วเป็เขาไม่ผิดแน่”
เหยียนชิงพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนอิ้งหลีก็ให้คนนำสิ่งของเหล่านี้ไปวางไว้ในห้องอ่านหนังสือของเหยียนชิง จากนั้นก็ให้รางวัลแก่พวกที่นำของมาส่ง
“ฮ่องเต้นี่ช่างรู้ข่าวเร็วจริงๆ”
อิ้งหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และเปิดกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีลวดลายัเหนือเมฆแกะสลักอยู่ด้านนอก มีจดหมายและพัดด้ามที่มีรูปทรงสง่างามและฝีมือประณีต เขาหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านพร้อมเหยียนชิงและบอกเขาเป็พิเศษว่าเหล้าไหนี้คือดอกท้อที่หมักกว่าสิบปีเป็เหล้าหมักดอกท้อสิบปีจากหอเหยียนจือ เหล้าชั้นยอดของเมืองเทียนซู
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว เหยียนชิงหยิบพัดขึ้นมาแล้วเปิดออก โครงร่างของพัดทำจากไม้ไผ่ และภาพวาดบนหน้าของใบพัดก็เป็ไม้ไผ่สีเขียวด้วย เข้ากับลักษณะบุคลิกของอิ้งหลี เมื่อเห็นใบหน้าของอิ้งหลีเต็มไปด้วยความเขินอาย เหยียนชิงก็ยัดพัดใส่มือของเขาด้วยรอยยิ้ม
“พัดคู่ควรกับสุรา…เงินทองของล้ำค่า ช่างเข้ากับนิสัยคุณธรรมของคุณชายเ้าสำราญจริงๆ...ฮ่า ๆๆๆ ฮ่องเต้เข้าใจพี่รอง เหล้าหมักสิบปีของหอเหยียนจือ นี่เป็ของดีชัดๆ ข้าได้ยินว่าเหล้าดอกท้อหมักนี้ เป็แม่นางรูปร่างเพรียวบางอยู่ในวัยปักปั่นเก็บดอกท้อมาหมักเอง...”
คนไม่ออกจากเรือนอย่างเ้ารู้เยอะขนาดนี้ได้อย่างไร...
น้ำเสียงของอิ้งหลีฟังดูจนใจ “เพียะ” พัดถูกเปิดออก และมองดูก่อนจะก้มหน้าถอนหายใจ
“ข้าว่าข้าไม่อยากเข้าเมืองหลวงแล้ว...”
พอเข้าเมืองหลวงเขามักจะรู้สึกว่าแปลกๆ ฮ่องเต้มักจะขอให้เขาพาไปที่หอนางโลมบ่อยๆ
เหยียนชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเ้าสัญญาแล้วแต่ไม่ไป นี่เป็ความผิดอย่างหนึ่งฐานหลอกลวงฮ่องเต้ คุณชายรองเหยียนควรคิดเื่นี้ให้ดี”
"... " อิ้งหลีขมวดคิ้วเบาๆ เมื่อมองไปที่สิ่งที่ฮ่องเต้ส่งมา “หมวกใบนี้ช่างหนักจริงๆ”
พูดจบเขาก็เริ่มแกะขวดเหล้าออก และกลิ่นหอมของเหล้าก็กระจายไปทั่วทันที เพียงแค่ดมกลิ่นเท่านั้น เขาก็รู้ว่ามันเป็เหล้าที่ดี เมื่อถอนหายใจสองครั้งแล้ว ก็หยิบแก้วออกมาสองใบและเทเหล้าลงไป
เหยียนชิงหยิบถ้วยขึ้นมาและจิบไปพลางเอ่ยชื่นชม
“แน่นอนว่าเป็เหล้าชั้นดี แต่คนธรรมดาคงยากจะซื้อดื่มได้… ฮ่องเต้คง้าแสดงว่าเขาก็ชอบอะไรเหมือนกับเ้า อาจไม่ใช่รางวัลแสดงความยินดีก็ได้”
อิ้งหลีจิบมันอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มุ่ยริมฝีปากแล้วพูดว่า
“ถ้าการไปหอนางโลมนี่นับว่ามีความคิดเหมือนกัน เช่นนั้นบุรุษเก้าในสิบส่วนทั่วหล้านี้ก็อาจมีความคิดเหมือนกันก็ได้”
“คนทั้งโลกบอกว่าบุรุษในโลกนี้ก็เหมือนฝูงอีกา แล้วมันไม่ใช่เช่นนั้นหรือ?”
เหยียนชิงไม่ได้เอ่ยตอบ และจากนั้นก็เสียงของหญิงสาวที่ใสกังวานและร่าเริงก็ดังขึ้น เหยียนหานเดินมาในชุดฝึกยุทธ์สีขาวอย่างรวดเร็ว นางไม่สวมชุดสตรีที่เคยใส่ตามปกติเพื่อให้ดูกล้าหาญขึ้น ตามหลังมานั้นก็คือเว่ยซูหาน เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้นก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“ฮ่า ๆ...”
“เ้ากำลังพูดเื่อะไร สาวน้อย เ้าเปรียบเทียบพี่ชายของตัวเองกับอีกาหรือ ช่างไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่จริงๆ”
อิ้งหลีอดหัวเราะไม่ได้ เหยียนชิงตำหนินางเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเล็กน้อย สาวน้อยคนนี้ช่างกล้าเอาพวกเขาเปรียบเปรยเช่นนั้น
เหยียนหานแลบลิ้นของนาง และนั่งลงรินชาให้ตัวเอง พวกพี่ชายของนางกำลังดื่มเหล้า นางก็ทำได้แค่ดื่มชาเท่านั้น
เหยียนชิงคุ้นเคยกับวิธีการเลี้ยงดูเหยียนหานแบบปล่อยให้เป็อิสระของเว่ยซูหานไปแล้ว เด็กสาวที่กระโดกกระเดกแต่ฉลาดและมีไหวพริบ ตอนนี้พวกเขาคร้านจะหลบเลี่ยงนิสัยช่างคุยของนางแล้ว
เมื่อได้ยินเหล่าพี่ชายและพี่สะใภ้กำลังวิเคราะห์ความหมายของของขวัญเหล่านี้ที่ฮ่องเต้ส่งมาให้ จู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมา
“ความคิดของข้า พี่รอง ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับพี่ที่เป็สหายร่วมดื่มเหล้าใจคด”
เหยียนชิงและเว่ยซูหาน สหายดื่มเหล้าใจคด? นี่หมายความว่า...
ขมับของอิ้งหลีเต้นตุบๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ยอมรับคำพูดของนาง เอ่ยเสียงเบา “น่าจะเป็เช่นนั้น”
คนอื่น “...”
บนท้องถนนในค่ำคืนของเทศกาลโคมไฟ แสงไฟจากโคมไฟสว่างไสวดูครึกครื้นยิ่งนัก สว่างไสวราวกับห้วงความฝันในหิมะ เหยียนชิงเป็ฝ่ายขอให้เว่ยซูหานออกไปเดินเล่นชมและทายปริศนาบนโคมไฟด้วยกัน เว่ยซูหานย่อมดีใจไม่น้อย สองสามีภรรยาทายปริศนาตะเกียงบนถนนและเดินไปตามริมฝั่งแม่น้ำด้วยตะเกียงที่พวกเขาทายชนะ บรรยากาศรื่นรมย์ยิ่งนัก
พวกเขาไม่เคยทำสิ่งเหล่านี้ด้วยกันมาก่อนในชาติที่แล้ว ที่แท้มันก็สนุกขนาดนี้นี่เอง ทั้งยังได้ทำกับคนที่ตนชอบยิ่งน่าสนุกมากขึ้น แม้ว่าจะมีปมในใจราวกับเด็กผู้หญิง แต่เหยียนชิงก็ต้องยอมรับว่าเขามีความสุขจริงๆ เมื่อได้อยู่กับเว่ยซูหาน ความรู้สึกของการจับมือกัน แสงสลัวข้างต้นหลิวบนริมฝั่งแม่น้ำ ผิวแม่น้ำที่ส่องประกาย ลมเย็นที่ทำให้สดชื่น และหิมะที่โปรยปรายไม่อาจบดบังความอบอุ่นจากนิ้วมือนี้ได้
“ชิงเอ๋อร์ เ้าดูสิ...”
ในขณะสนทนา เว่ยซูหานก็ยกนิ้วขึ้นและชี้ไปที่ขั้นบันไดริมแม่น้ำ เหยียนชิงมองตามมือของเขา ก็พบว่ามีคนสองคนที่กำลังจุดโคมริมแม่น้ำด้วยความรัก
เหยียนชิงมองไปที่สองคนนั้นอย่างจริงจัง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นหลินซิวกับหานตงหลินนี่”
ในเวลานี้ ทั้งสองคนสวมกวานแต่งตัวเรียบร้อยและสง่างาม ขณะเดียวกันนั้นหลินซิวก็อ่อนโยนเหมือนหยก แม้ว่าพวกเขาจะเป็คนที่มีนิสัยแตกต่างกันมาก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันกลับเหมาะสมกันยิ่งนัก
“แบบนี้ดีมาก”
หลังจากมองอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยซูหานก็พูดอะไรบางอย่างเสียงเบา แต่นั่นคือสิ่งที่เหยียนชิงกำลังคิดในใจ เขาจับมือเว่ยซูหานแล้วกล่าวว่า
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน พวกเขาเป็แบบนี้ย่อมดีมาก”
หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยซูหานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จับมือเหยียนชิงไว้แน่นและพูดเบา ๆ “ไปกันเถอะ ค่ำแล้ว พวกเราควรกลับบ้านได้แล้ว”
ในคืนเทศกาลโคมไฟของปีนี้ ไม่มีใคระโน้ำฆ่าตัวตาย และแม่น้ำก็เต็มไปด้วยโคมไฟที่เต็มไปด้วยคำอธิษฐานและขอพร
