เฉินชุ่ยอวิ๋นเชื่อบุตรสาวของตนเอง เจิ้งเจวียนบอกว่าไม่เคยพูด ย่อมต้องไม่เคยพูดอย่างแน่นอน เธอเลยมองเจิ้งหยวนด้วยความสงสัยและถาม “งั้นป้าสะใภ้ใหญ่แกรู้ได้ยังไง? คงไม่ใช่ว่ามีใครเห็นแกกับหลินเสี่ยวหยางในเมืองเข้าหรอกนะ?”
“ฉันกับหลินเสี่ยวหยางเคยไปดูหนังด้วยกันแค่ครั้งเดียว ต่อให้เห็นฉันกับหลินเสี่ยวหยางจริงๆ ก็ไม่มีทางแน่ใจหรอกว่าฉันกับเขากำลังคบหากันอยู่ แถมป้าสะใภ้ใหญ่ยังบอกด้วยว่าคนรักของฉันทำงานที่โรงงานเครื่องจักร…”
“งั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เจิ้งหยวนเลียริมฝีปากแห้งผาก พลันนึกถึงความรู้สึกแปลกๆ คลับคล้ายกับถูกใครบางคนจ้องมองเมื่อครั้งเข้าอำเภอเมือง เวลานั้นเธอนึกว่าคิดมากไปเอง ดูท่าคงไม่ใช่เสียแล้ว เธอหรี่ั์ตาลงพลางเอ่ยเสียงเบา “น่าสนใจ”
เฉินชุ่ยอวิ๋นทนท่าทางลึกลับของเธอไม่ไหว จึงเงื้อมือฟาดเข้าที่ไหล่ทีหนึ่ง “แกนึกอะไรได้อีก?”
เจิ้งเจวียนก็จ้องเจิ้งหยวนเหมือนกัน
เจิ้งหยวนดึงสติกลับมา ยกยิ้มพลางเอ่ยกับเจิ้งเจวียน “เจวียนจื่อ แกไม่ต้องไปหาชุนเหมยแล้ว เธอไม่น่าใช่คนปล่อยข่าวเื่นี้ แล้วเธอยังเคยเตือนแกว่าอย่าพูดส่งเดชด้วย” หากเตือนเจิ้งเจวียนตอนนั้นได้ แสดงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ต้องเป็คนปากแข็งและนิสัยดี ไม่ใช่คนพูดจาซี้ซั้ว
เจิ้งเจวียนพยักหน้า ไม่โต้แย้งอันใด เธอเชื่อฟังพี่สาวั้แ่เล็ก เจิ้งหยวนพูดอย่างไรเธอย่อมว่าไปตามนั้น และชุนเหมยก็ไม่ใช่เพิ่งมาดีกันด้วย เธอกับชุนเหมยสนิทสนมกันอยู่แล้ว เลยไม่อยากเอะอะจนหมางเมินเพราะเหตุการณ์นี้
“แม่” เจิ้งหยวนเอ่ยกับเฉินชุ่ยอวิ๋น “อย่ากังวลเื่นี้เลย วางใจเถอะ ฉันจะจัดการให้เรียบร้อยเองค่ะ”
“แกคิดจะจัดการยังไง?” เฉินชุ่ยอวิ๋นย่อมไม่ไว้ใจ
เธอไม่รู้เสียหน่อยว่าลูกสาวเป็คนเจนโลกที่กลับชาติมาเกิดใหม่
คิดเพียงว่าลูกยังหัวรั้น มีเื่ใดก็เอาแต่หลับหูหลับตาพุ่งไปข้างหน้า
ไม่หัวร้างข้างแตกก็ไม่ยอมหันหลังกลับ
เจิ้งหยวนเอนตัวไปข้างหลังพิงเข้ากับโต๊ะ ก่อนกอดอกแล้วเอ่ยยิ้มๆ “ฉันเดาว่าตอนไปหาหลินเสี่ยวหยางในอำเภอคราวก่อนคงโดนป้าสะใภ้ใหญ่หรือใครบางคนเห็นเข้า และป้าสะใภ้ใหญ่น่าจะเพิ่งรู้เื่นี้ มิอย่างนั้นครั้งแรกที่เธอเสนอของานแต่งไปคงใช้มันขู่บ้านเราแล้ว”
เฉินชุ่ยอวิ๋นครุ่นคิดตาม มันเป็ไปได้จริงๆ
เจิ้งหยวนบอก “ฉันจะไปหาหลินเสี่ยวหยางอีกรอบ ให้เขาปฏิเสธความสัมพันธ์ของเราสองคนกับคนที่มาถาม ขอเพียงเราสองคนไม่ยอมรับ ต่อให้ป้าสะใภ้ใหญ่รู้ว่าเขาเป็ใครจะมีประโยชน์อะไร”
เฉินชุ่ยอวิ๋นคาดไม่ถึงว่าวิธีการของเจิ้งหยวนจะเรียบง่ายและตื้นเขินเช่นนี้ เป็ความคิดที่ฟังอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย? เฉินชุ่ยอวิ๋นยังไม่ทันเอ่ย
เจิ้งเจวียนก็ถามอย่างอดรนทนไม่ไหว “พี่ ไม่เป็ไรแน่เหรอ?หลินเสี่ยวหยางเขาจะยอมฟังพี่ไหม? พี่อย่าลืมนะ ก่อนหน้านี้พี่ยังทรยศความรักของเขาอยู่เลย
เขาจะไม่โทษพี่แล้วแกแค้นพี่เหรอ?”
ชาติก่อนเจิ้งหยวนเป็สามีภรรยากับหลินเสี่ยวหยางมาสิบปี หลินเสี่ยว
หยางเป็คนเช่นไรเธอหรือจะไม่ตระหนัก? ไม่แน่วแน่และหูเบา แต่กลับเป็ผู้ชายที่จิตใจดีมากคนหนึ่ง
เธอจึงเอ่ยอย่างมั่นใจ “วางใจเถอะ เขาไม่ทำหรอก”
เจิ้งเจวียนอดจุ๊ปากชมเชยไม่ได้ แม่เ้า ผู้ชายคนนี้ใจกว้างเกินไปหน่อยแล้วกระมัง?
กระทั่งเฉินชุ่ยอวิ๋นยังคิด หากเป็เช่นนี้จริง หลินเสี่ยวหยางก็คือผู้ชายแสนดีคนหนึ่ง แถมเด็กหนุ่มยังซื้อเนื้อชิ้นเบ้อเร่อให้ด้วย หากลูกสาวเธอไม่มีวาสนากับสกุลเฝิง แต่งให้ผู้ชายแบบหลินเสี่ยวหยางคงไม่เลวทีเดียว ลูกสาวเธอก็เหลือเกิน ทำไมใจจืดใจดำนัก? ทำร้ายผู้ชายที่ดีขนาดนี้ได้ลงคอ
สรุป เวลานี้เจิ้งเจวียนกับเฉินชุ่ยอวิ๋นต่างคิดเห็นตรงกัน เจิ้งหยวนช่างแย่จริงๆ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้