บทที่ 120 เื่ราวตระกูลกู่
“ผีร้ายก็โดนสะกดแล้ว นายจะตามฉันมาทำไมอีก?”
เย่จื่อเฉินหมดคำจะพูดจริงๆ ไม่ว่าเขาจะไปไหน กู่เทียนก็จะตามหลังเขาต้อยๆ
อย่างกับเด็กน้อย สลัดยังไงก็ไม่หลุด
“พี่ชาย พี่รับผมเป็น้องชายได้ไหม”
จู่ๆ กู่เทียนก็เปิดปากพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าจริงจัง
เป็น้องชายเหรอ
เย่จื่อเฉินยิ้มฝืนๆ แล้วส่ายหน้าพูด
“สมองนายมีปัญหาหรือไง ฉันเป็ใคร นายเป็ใคร แล้วนายจะมาเป็น้องชายฉันเนี่ยนะ?”
“อื้อ” กู่เทียนพยักหน้าแน่วแน่ มีร่องรอยของความชื่นชมอยู่ในแววตา “พี่ชาย พี่เท่มากเลย ตระกูลกู่ของพวกผมคบค้าสมาคมอยู่กับผีมาตั้งนาน ยังไม่เคยเห็นใครสะกดผีแบบพี่มาก่อน โดยเฉพาะยันต์อันนั้น มันคืออะไรเหรอ ทำไมแค่แปะเขาก็เชื่อฟังพี่แล้วล่ะ”
“อยากรู้เหรอ?”
เย่จื่อเฉินยิ้มสนุก หัวเล็กของกู่เทียนผงกขึ้นลงรัวๆ เหมือนไก่จิกกินเมล็ดข้าวทันที
“อยากรู้สิ”
“แต่ฉันไม่อยากบอกนาย” ใบหน้าของเย่จื่อเฉินนิ่งขรึมทันที แล้วพูดขึ้น “รีบไสหัวไปเลย ตอนนี้ฉันไม่ว่างมาสนใจนาย ถ้ายังไม่ไปล่ะก็ ต้าเฮย!”
ิญญาร้ายที่เพิ่งโดนเย่จื่อเฉินสะกดไว้เดินกอดอกออกมาทันที
ขนาดตัวของต้าเฮยค่อนข้างหนา ส่วนสูงก็สูงมาก พอมายืนอยู่ตรงหน้ากู่เทียนก็เลยดูเหมือนูเาลูกเล็กลูกหนึ่ง
ลอบกลืนน้ำลายลงคอ
กูเทียนยิ้มแหยพร้อมกับก้าวถอยหลัง แล้วพูดพลางหัวเราะ
“โอเค ผมไปก็ได้ ไว้เราค่อยโทรคุยกัน”
จนเมื่อกู่เทียนจากไปแล้ว ต้าเฮยถึงได้เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะบุ้ยปากตามหลังกู่เทียน
“เ้านาย เด็กนั่นคือคนของตระกูลกู่เหรอ?”
“นายรู้จักตระกูลกู่เหรอ?”
เย่จื่อเฉินชะงักไปนิด
“ก็พอรู้บ้าง” ต้าเฮยพยักหน้าตอบรับ
“พูดมา”
สำหรับการมาของกู่เทียนนั้น เขาอยากรู้มาตลอด โดยเฉพาะเื่ของตระกูลกู่ ในเมื่อสามารถคบค้าสมาคมกับผีได้ ก็อาจกล่าวได้ว่านักบวชลัทธิเต๋าในเขาเม่าซานที่เห็นในทีวีอาจจะมีอยู่จริง
ต้าเฮยทำหน้านิ่งขรึม มือขวาเท้าคางขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะพูดขึ้น
“ตระกูลกู่ไม่ใช่ตระกูลที่อยู่บนโลกใบนี้ ครอบครัวของพวกเขาเรียกได้ว่าเป็ครอบครัวที่อยู่ในแดนลึกลับ ภายในครอบครัวจะเชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์ พูดง่ายๆ ก็ประมาณพวกผู้วิเศษ สามารถมองเห็นผี จับผีได้ แล้วก็น่าจะกลับไปยังสถานที่นั้นได้ด้วย”
สถานที่นั้น!
จู่ๆ ต้าเฮยก็พูดถึงสถานที่นั้นขึ้นมา ท่าทางของเย่จื่อเฉินพลันจริงจังขึ้นมาทันที แล้วพูดขึ้น
“ตกลงว่าที่นั่นมันคือที่ไหนกันแน่ บอกเื่ที่นายรู้มาให้หมด”
“เ้านาย ที่จริงผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ”
ต้าเฮยส่ายหน้า แล้วยิ้มอย่างฝืดเคือง
“ผมก็ได้ยินมาแค่ไม่กี่ครั้งใน่ที่ออกไปปฏิบัติงานตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ คนจากที่นั่นต้องเป็บุคคลที่อยู่เหนือธรรมชาติแน่นอน ขนาดหัวหน้าของพวกผมก็ยังรู้สึกยำเกรงในตอนที่พูดถึงพวกเขา นั่นต้องไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเอื้อมถึง”
“ถ้าอย่างนั้น ฟังจากที่นายพูดมานายก็ดูมีความหลังอยู่เหมือนกันนะ”
เมื่อไม่ได้รู้ความลับของสถานที่แห่งนั้นจากต้าเฮย เย่จื่อเฉินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
แต่ฟังจากน้ำเสียงของต้าเฮยแล้ว ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เขาก็น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา
“เ้านาย ผมพูดไม่ได้ครับ”
“คนตายไปแล้วมีอะไรที่พูดไม่ได้อีก?”
เย่จื่อเฉินส่ายหน้าหัวเราะ แต่ต้าเฮยกลับมีสีหน้าจริงจัง
“ก่อนที่พวกผมจะตายได้ลงนามในสัญญาไว้ว่าจะเก็บเป็ความลับ เกรงว่าถึงตายไปแล้วก็จำเป็ต้องรักษาคำสัญญานั้นเอาไว้ ขอโทษด้วยครับเ้านาย ผมไม่สามารถพูดได้จริงๆ”
บอกตามตรง ว่าสีหน้าจริงจังของต้าเฮยเมื่อครู่นี้ทำเอาเย่จื่อเฉินถึงกับสะท้าน
พูดแบบไม่ได้โม้เลย เมื่อครู่นี้เขารู้สึกได้ถึงความเที่ยงธรรมจริงๆ ชั่วพริบตาเดียว ร่างกายของต้าเฮยก็แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม
สามารถทำถึงขนาดนี้ได้ เย่จื่อเฉินคิดว่า…
ก่อนที่ต้าเฮยจะเสียชีวิตน่าจะเคยได้รับใช้ชาติมา
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วพูดกลั้วหัวเราะ โดยไม่ได้ซักไซ้ที่มาที่ไปของต้าเฮยต่อ
“ดูจากท่าทางนายแล้ว ก่อนตายก็น่าจะไม่คนเลวร้ายอะไร แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงจะจับลูซี่?”
“จับเธอ?” ต้าเฮยพูดขึ้นด้วยสีหน้างงงวย “ผมไม่ได้จะจับเธอสักหน่อย!”
“แล้วเมื่อกี้นาย?”
“ผมเพิ่งตื่นนอน แล้วกำลังจะออกไปเดินเล่นสักรอบสองรอบ ใครจะไปรู้ว่าจะมาเจอพวกเ้านาย”
ต้าเฮยทำหน้าเหนื่อยใจ โดยเฉพาะตอนนึกถึงเท้าข้างนั้นของเย่จื่อเฉิน
ถึงจะบอกว่าเขาเป็ผี แต่เตะเข้าเป้ามาแบบนั้นมันก็จุกเหมือนกันนะ
“แบบนี้เองเหรอ ฮ่าฮ่า…”
เย่จื่อเฉินหัวเราะแห้ง ที่แท้พวกเขาก็เข้าใจผิดกันไปเอง มือััเนตรัในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเรียกหลิวฉิงออกมา
พอเห็นหลิวฉิง ต้าเฮยก็อึ้งไปทันที
“เ้านายเชี่ยวชาญด้านการรับผีที่ยังไม่สิ้นอายุขัยอย่างเราไว้เหรอ?”
“นายก็ยังไม่สิ้นอายุขัยเหมือนกันเหรอ?”
“แล้วเ้านายคิดว่าไงล่ะ? ถ้าหมดอายุขัยก็ต้องโดนยมทูตดำขาวจับไปตั้งนานแล้วสิ เมื่อไม่กี่วันก่อนผมเจอยมทูตขาว ผมบอกให้เธอพาผมไปนรกเธอยังไม่พาผมไปเลย”
ต้าเฮยทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ
อย่าได้สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ดูไม่กังวลในตอนที่พูดถึงยมทูตดำขาว เพราะตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาเป็คนที่ไม่เชื่อในเื่เทพเ้าสักนิด
ขนาดใน่แรกที่ตายไป เขาก็ยังยึดมั่นในความคิดเดิมที่ว่าไม่มีเทพเ้าเอาไว้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาถึงได้พบว่า…
โลกใบนี้แตกต่างจากโลกที่เขารู้จักแต่ก่อน
เย่จื่อเฉินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่หนาของต้าเฮย แล้วพูดขึ้น
“ไม่ต้องกลัว อยู่กับฉันนี่แหละ ถ้าต่อไปมีโอกาส ฉันจะชุบชีวิตให้”
“จริงเหรอ?” ต้าเฮยเบิกตากว้างพูดขึ้น “ถ้าเ้านายทำให้ผมกลับมามีชีวิตได้อีกจริงๆ ถ้าอย่างนั้นชีวิตผมก็คือของเ้านาย”
“แล้วตอนนี้ไม่ใช่เหรอ?”
เย่จื่อเฉินหลุดหัวเราะ มองดูใบหน้าที่ขึงขังจริงจังของต้าเฮย ก่อนจะเลิกคิ้วถาม
“ต่อไปนี้ทั้งสองคนต้องอยู่ด้วยกัน แต่ถ้านับตามความสัมพันธ์มาก่อนหลัง ต่อไปนี้หลิวฉิงจะเป็รุ่นพี่ของนาย”
“ว้าว ฉันมีรุ่นน้องแล้วเหรอเนี่ย”
หลิวฉิงลอยวนเวียนไปมารอบตัวเย่จื่อเฉินด้วยใบหน้ามีความสุข ต้าเฮยพยักหน้ารับ โดยไม่มีอาการไม่พอใจใดๆ ออกมา
“ไม่มีปัญหา”
ณ ห้องชุดของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในเมืองปิงเฉิง
ชายชราผมแซมขาวยืนประสานมือคล้ายกำลังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลกู่ในระยะนี้ให้คนในห้องฟัง
“คุณบอกว่าผมโดนลบชื่อออกจากทายาทผู้สืบทอดของตระกูลกู่แล้วใช่ไหม?”
กู่เทียนเม้มปากหัวเราะเบาๆ ก่อนหยิบแอปเปิลที่วางข้างตัวขึ้นมา บนใบหน้าของเขาไม่ได้มีความเคลือบแคลงใจอะไร ราวกับว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรสำหรับเขาสักนิด
“คุณชายน้อยครับ คุณชายน้อยไม่มีความรู้สึกอยากสักนิดเลยเหรอครับ?”
ชายชราที่อยู่ทางด้านข้างถอนหายใจแ่เบา ตอนที่อยู่ในตระกูลคุณชายน้อยผู้นี้ก็โดนบีบให้ออกจากตำแหน่ง
ในตอนแรกตนคิดว่าที่เขาเลือกมาพักอยู่ที่เมืองปิงเฉิงก็เพราะหนีมาเพื่อตั้งหลัก แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจในตำแหน่งผู้นำตระกูลเลยสักนิด
“ความรู้สึกอยาก มันย่อมมีอยู่แล้ว” กู่เทียนยิ้มพร้อมกับถอนหายใจ “แต่มันก็จำเป็ต้องมีความสามารถไม่ใช่เหรอ? ภายในตระกูล ทั้งพี่ใหญ่ พี่สาม หลักการและพร์ของทั้งคู่ก็อยู่เหนือผมทั้งนั้น แล้วจะให้ผมทำยังไง?”
“แล้วจะยอมแพ้ไปแบบนี้เลยเหรอครับ?” ชายชราทอดถอนใจ “คุณชายน้อยครับ ถ้าคุณชายน้อยอยากได้ตำแหน่งผู้นำตระกูล ผมก็สามารถงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาได้นะครับ”
“คุณหัว ไม่จำเป็หรอก” กู่เทียนส่ายหน้ายิ้ม เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูด “ยังจำเย่จื่อเฉินได้ไหม?”
“จำได้ครับ เด็กคนนั้น...”
กู่เทียนยกมือขึ้นห้ามคำพูดของชายชรา แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะร่วมมือกับเขา”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้