เล่มที่ 7 บทที่ 193 ปรากฏการณ์ประหลาด
เจียงหลีเห็นภาพตรงหน้าก็ชะงักลงทันที ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’
ทว่าในระหว่างที่เจียงหลียังคงตกตะลึงไม่หายนั้น อยู่ดีๆก็มีเสียงกระบี่หวีดร้องขึ้น ก่อนจะดังขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าเกรงขาม ขณะที่เสียงหวีดร้องยังคงก้องดัง อาวุธหยางฝูกว่าสิบชิ้นในงานประลองอาวุธก็เริ่มพากันเปล่งเสียงขานรับ...
“ร้อยอาวุธขานรับ!”
จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางเหล่าผู้ดูแลร้านหลอมอาวุธทั้งเจ็ดสิบสามคน และผู้ที่ะโออกมาก็คือกู้เชียนฟานจากร้านหลอมอาวุธซื่อไห่นั่นเอง ชายที่มีลักษณะราวกับบัณฑิตยากไร้ผู้นี้กำลังะโด้วยสีหน้าตื่นตระหนก สายตาที่มองไปยังกระบี่ในมือเจียงหลี ก็เหมือนกับเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว...
เมื่อสิ้นเสียงของกู้เชียนฟาน คนอื่นๆก็ราวกับตื่นจากภวังค์เช่นกัน ใช่แล้ว นี่คือปรากฏการณ์ร้อยอาวุธขานรับ ในตำนานบันทึกไว้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้เมื่อมียอดศาสตราวุธถือกำเนิดขึ้น และปรากฏการณ์นี้เองก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายพันปีแล้ว...
หรือวันนี้จะมียอดศาสตราวุธถือกำเนิดขึ้น?
ทันใดนั้นทุกคนก็อดที่จะกลั้นลมหายใจอย่างระทึกใจไม่ได้ พวกเขาต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ...
และแล้วก็เป็อย่างที่คิดไว้ ชั่วขณะที่ร้อยอาวุธขานรับ กระบี่แดงที่ยังไม่ทันได้ออกจากฝัก ก็พุ่งทะยานออกมาทันที เดิมทีเป็เพียงเล่มกระบี่ที่หม่นแสง แต่ตอนนี้กลับเปล่งแสงเจิดจรัสอย่างไม่มีสาเหตุออกมา เพียงครู่เดียวก็มีลำแสงของกระบี่สีแดงสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้น และท่ามกลางสำแสงสีแดงเพลิงนั้นก็ปรากฏเป็อักขระจำนวนมากที่กำลังสั่นะเือยู่ดุจเมฆแดงปกคลุมทั่วท้องฟ้าก็ว่าได้...
“นี่มัน...” เย่วซานที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดนั้น เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ถึงกับตะลึงจนตาค้าง
เพราะเย่วซานเห็นชัดเจนว่ากระบี่แดงเล่มนั้นไม่มีมนต์สะกดแม้แต่สายเดียว!
‘เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่...’
‘มนต์สะกดหนึ่งสาย สองสาย สามสาย...’
ไม่นานเย่วซานก็สังเกตเห็นว่าหลังจากอักขระของกระบี่แดงสั่นะเืขึ้น มนต์สะกดก็เริ่มรวมตัวกัน แค่พริบตาเดียวก็มีมนต์สะกดเก้าสายปรากฏออกมา และไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หลังจากที่ปรากฏเป็มนต์สะกดเก้าสายแล้ว ก็ยังมีการรวมตัวกันของมนต์สะกดอื่นๆตามมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม เป็สิบสาย สิบเอ็ดสาย และสิบสองสาย เย่วซานเห็นดังนั้นก็ได้แต่อ้าปากตาค้าง เพราะบัดนี้กระบี่แดงมีมนต์สะกดสูงถึงสิบแปดสายแล้ว...
“ไม่หรอกมั้ง...” อย่าว่าแต่เย่วซานเลย ผู้ดูแลร้านหลอมอาวุธทั้งเจ็ดสิบสามคนต่างก็ถูกเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้แตกตื่น ระหว่างนั้นเองจากกระบี่ธรรมดาเล่มหนึ่ง ก็กลับมีมนต์สะกดถึงสิบแปดสายภายในพริบตาเดียวเท่านั้น แถมมันยังกำลังสร้างมนต์สะกดต่อไปอีกด้วย...
แล้วก็ยิ่งรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม...
สิบเก้าสาย ยี่สิบสาย ยี่สิบเอ็ดสาย...
ในที่สุดหลังจากกระบี่แดงกลืนกินอักขระตัวสุดท้ายลงไป ก็มีมนต์สะกดทะลุถึงยี่สิบเจ็ดสาย กลายเป็อาวุธขั้นหยางฝู...
และที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ เมื่อกระบี่แดงเข้าขั้นอาวุธหยางฝูแล้ว ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงสามขุมพลังอันแข็งแกร่งบางอย่างที่กำลังตอบสนองออกมา และขุมพลังทั้งสามนี้ก็คือลำแสงกระบี่สีขาว สีทอง และสีเขียวอันแสนเจิดจรัส...
โชคดีที่หลังจากกระบี่แดงทะลุมนต์สะกดยี่สิบเจ็ดแล้ว ก็ไม่ได้มีมนต์สะกดอะไรเกิดขึ้นอีกกระทั่งทะลุสามสิบหกสายกลายเป็ศาสตราวุธ แต่ทันใดนั้นเย่วซานที่กำลังแตกตื่นอยู่ก็ราวกับเห็นแสงสว่างสุดท้าย เขาไม่รอช้า รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที ก่อนจะะโด้วยความดีใจออกมา
“พวกข้าไม่ได้แพ้ ไม่ว่ายังไงสี่ร้านใหญ่ก็มีศาสตราวุธถึงสี่ชิ้น!”
ทว่า...
เสี้ยววินาทีที่เย่วซานกำลังประกาศกร้าวออกมานั้น ท้องฟ้าเหนืองานประลองก็ปรากฏหมอกควันดำกลุ่มหนึ่งลอยมาพอดี...
พริบตาถัดมาก็มีไอหยินและไอชั่วร้ายมากมายพากันปกคลุม
“ระวัง! นั่นมันไออสูร”
ทันใดนั้นก็มีเสียะโแตกตื่นดังขึ้น
แต่ก็สายไปเสียแล้ว...
เพียงแค่หมอกควันดำนี้เคลื่อนตัวเข้ามาในงาน มันก็หมายตาอาวุธหยินฝูหลายชิ้นที่ลอยอยู่กลางอากาศเสียแล้ว แค่หมอกควันดำตวัดเข้าปกคลุม มันก็กลืนกินอาวุธเ่าั้ไปจนหมด ไม่นานก็มีเสียงที่ทำเอาขนหัวลุกดังขึ้น อาวุธหยินฝูทั้งหมดก็พลันสลายไปทันที อักขระจำนวนมากะเิออกมา ก่อนจะถูกหมอกควันดำดูดกลืนไปจนสิ้น หลังจากได้อักขระมาเติมเต็มแล้ว หมอกควันดำก็ดูชั่วร้ายยิ่งกว่าเดิม หลังจากมันได้กลืนกินอาวุธหยางฝูและหยินฝูเข้าไปเต็มที่ หมอกควันดำที่เลือนรางในตอนแรก ก็รวมตัวกันกระทั่งกลายเป็มีดบินซึ่งเต็มไปด้วยกระแสคมกริบและไอโเี้...
และนี่ก็คืออสุรกายกุ่ยหวังที่หนีออกมาจากค่ายกลแปดอสูรหลิงเป่านั่นเอง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น อาวุธหยินฝูกว่ายี่สิบชิ้นและอาวุธหยางฝูอีกกว่าสิบชิ้นก็ถูกหมอกควันดำกลืนกินไปจนหมด ขณะนี้เองมีดบินฮั่วอู๋ก็กำลังพุ่งตรงไปที่ศาสตราวุธทั้งสี่อย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้อสุรกายกุ่ยหวังได้เผาทำลายมนต์สะกดของมีดบินฮั่วอู๋ไป จึงทำให้มันรอดตายมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้มีดบินตกระดับลงมาจากขั้นศาสตราวุธ บัดนี้หลังจากได้กลืนกินอาวุธมากมายในงาน ในที่สุดมันก็พอจะเติมเต็มมนต์สะกดที่หายไปได้บ้างแล้ว ขอแค่กลืนกินหนึ่งในสี่ศาสตราวุธเพิ่ม มันก็จะได้เลื่อนกลับไปเป็ศาสตราวุธเช่นเดิม...
แต่หากกลืนกินศาสตราวุธทั้งสี่ได้ละก็ แบบนั้นก็จะมีโอกาสทะลุขีดจำกัด ทำให้พลังของมันร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม...
เพราะเหตุนี้จึงทำให้อสุรกายกุ่ยหวังถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตบุกเข้ามายังงานประลองอาวุธแห่งนี้ เพราะมีเพียงที่นี่เท่านั้น ที่มันจะได้เจอเหล่าอาวุธมากมายที่ไร้เ้าของ...
“เร็วเข้า สกัดไว้ มันกำลังจะกลืนกินศาสตราวุธแล้ว!” เย่วซานที่ได้สติก่อนใคร รีบะโออกมาด้วยความแตกตื่น เพราะศาสตราวุธทั้งสี่เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้น แม้จะมีมนต์สะกดเทียนกังที่เกิดจากการหลอมรวมของมนต์สะกดสามสิบหกสาย แต่กลับยังไม่มีเ้าของจับจอง แถมยังไม่มีหยวนหลิงอีกด้วย จึงเปรียบเสมือนทารกทั้งสี่เท่านั้น ซึ่งไม่อาจต้านทานมีดบินฮั่วอู๋ที่ร้ายกาจได้...
น่าเสียดายที่ไม่ทันแล้ว...
หลังจากอสุรกายกุ่ยหวังสำแดงร่างเป็มีดบินฮั่วอู๋ออกมา ลำแสงคมกริบก็พาดผ่านไป พริบตานั้นมันก็สะบั้นค่ายกลป้องกันศาสตราวุธทั้งสี่จนแตกกระจาย ก่อนจะสลายตัวกลายเป็หมอกควันดำราวกับอสูรพิษั์ โอบรัดกระบี่เจิ้นยวี่เอาไว้อย่างแแ่...
ช่างน่าสงสารเ้ากระบี่เจิ้นยวี่ที่ปรมาจารย์หวงเพิ่งจะหลอมออกมา ทั้งที่ยังไม่เกิดหยวนหลิง ก็ถูกอสุรกายกุ่ยหวังหมายตาไว้เสียแล้ว อสรพิษสีดำออกแรงโอบรัด กระบี่เจิ้นยวี่ จนเ้ากระบี่ถึงกับต้องหวีดร้องออกมา เพียงครู่เดียวก็มีอักขระมากมายปรากฏขึ้น มนต์สะกดเทียนกังถึงกับแตกสลายไปในทันที และถดถอยจนเหลือมนต์สะกดเพียงสามสิบหกสายเท่านั้น...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------