ร่างของหวางฟางเฟย เดินตรงไปหาจิวฮูหยินตามคำสั่ง พร้อมด้วยหลินหลินตามรับใช้อย่างใกล้ชิด เมื่อเดินเข้ามายังเรือนหลังใหญ่ ร่างของหญิงกลางคนกำลังนั่งจิบชาด้วยท่าทางไว้เชิง สายตากลมเลื่อนมองผู้มาเยือนหนึ่งครั้ง แล้วค่อย ๆ วางถ้วยชาในมือลง พลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“มาแล้วเหรอ”
“เ้าค่ะ” หวางฟางเฟยตอบรับ
“วันนี้ดูเหมือนเยว่หลิวจะไม่สบาย หลังจากที่เ้าทำงานบ้านเสร็จแล้ว ข้าจะให้เ้าไปดูแลพี่รองของเ้าในห้องตำราเสียหน่อย” สิ้นเสียงของหญิงกลางคน รอยยิ้มอ่อนของหวางฟางเฟยก็เผยออกมาเล็กน้อย
“บังเอิญว่าวันนี้ข้าไม่ว่าง” คำตอบของนางทำให้จิวฮูหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หมายความว่ายังไง” สาวใช้หน้าถอดสี เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหญิงกลางคน แสดงออกมาอย่างน่ากลัว
“วันนี้ข้าจะออกไปซื้อของที่ตลาด” หวางฟางเฟยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผู้ใดอนุญาต”
“ท่านพ่ออนุญาตแล้ว”
“เ้าออกไปไม่ได้ เพราะงานบ้านยังไม่เสร็จ อีกทั้งเยว่หลิวก็ป่วยหนัก เ้ายังมีอารมณ์ออกไปสำราญนอกจวนอีก เหมาะสมมากงั้นรึ?”
“ไม่ว่าจะเป็เื่งานบ้าน หรือการดูแลพี่รอง ข้ากำลังคิดว่า ในจวนนี้ ก็มีสาวใช้มากมาย เหตุใดท่านแม่ไม่ใช้สอยพวกนาง”
“เ้า!” จิวฮูหยินโกรธจนมือสั่น ทำให้หลินหลินรีบก้มหน้าหลบสายตาในทันที ทว่าสายตาของหวางฟางเฟยหาได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปแล้วเอ่ยกับมารดาเลี้ยงด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง
“มีอีกเื่ที่ข้าอยากรบกวนท่านแม่ ของมีค่าที่ท่านพ่อเคยมอบให้ข้า ตอนนี้ข้า้าใช้มัน ขอให้ท่านแม่มอบคืนกลับมาให้ข้าด้วย” จิวฮูหยินแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ว่าความกล้าหาญของหวางฟางเฟยจะมีมากมายถึงเพียงนี้
“เ้าทวงของจากข้างั้นเหรอ?” นางหรี่ตาถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ข้าไม่ได้ทวง แต่เดิมทีของพวกนั้นเป็ของข้าอยู่แล้ว ที่ผ่านมาข้าจะถือว่าฝากท่านแม่ไว้ ทว่าวันนี้ข้าจำเป็ต้องใช้ แต่หากท่านแม่มีข้ออ้างไม่คืนของแก่ข้า บางที ข้าคงต้องรายงานความจริงให้กับท่านพ่อรับรู้ ว่าแท้จริงแล้วของมีค่าเ่าั้ข้าไม่ได้ฝากท่านแม่ไว้ แต่เพราะท่านแม่ใช้อำนาจข่มเหง ยึดของเ่าั้ไปเป็ของตน!” สิ้นเสียงของหวางฟางเฟย จิวฮูหยินแทบประคองตัวไม่อยู่ นางหันไปยังหญิงรับใช้คนสนิทแล้วกัดฟันพูด
“เปาเอิน เ้าไปหยิบของพวกนั้นมาให้ข้า!” หวางฟางเฟยได้ยินดังนั้นจึงยิ้มบางเบา ก่อนจะเอื้อมไปรับของมีค่าพวกนั้นกลับคืนมา ด้วยสีหน้าพอใจ พร้อมเบี่ยงตัวเดินกลับในทันทีไม่ร่ำลาเหมือนที่ผ่านมา
‘นางไม่เหมือนเดิมแล้วจริง ๆ ข้าจะประมาทนางไม่ได้อีกแล้ว!’ จิวฮูหยินทิ้งตัวลงนั่ง แล้วพึมพำพร้อมสายตาสั่นไหว
“ฮูหยินจะให้ข้าจัดการนางจัดการนางเช่นใด บอกข้าได้เลย หากเื่รู้ไปถึงนายท่าน ข้าจะรับผิดแทนฮูหยินเอง” บ่าวผู้ภักดีน้อมกายลงแล้วเสนอความคิด ก่อนมือของจิวฮูหยินจะยกมือห้ามไว้ แล้วพยายามระงับสติตัวเองช้า ๆ
หลังจากนั้น หวางฟางเฟยกลับเข้ามาในห้องพักพร้อมรอยยิ้มมีความสุข นางค่อย ๆ วางของมีค่าลงในหีบอย่างเบามือ ก่อนจะหันไปยังของมีค่าอีกส่วนหนึ่งที่แยกไว้
“คุณหนูจะเอาสร้องมุกพวกนี้ไปไหนเหรอเ้าคะ” คำถามของหลินหลิน ทำให้หวางฟางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เดี๋ยวเ้าก็จะรู้เอง พวกเราออกไปตลาดกันเถอะ!” นางพูดพลางเดินนำหลินหลินมุ่งตรงไปยังตลาดในเมือง ในมือของหวางฟางเฟย ถือห่อของมีค่าจำนวนหนึ่งติดมาด้วย ใบหน้างดงามไร้ซึ่งความหวาดหวั่น มองไปรอบ ๆ พร้อมรอยยิ้ม
“หลินหลิน ไปดูทางนั้นกันเถอะ” หญิงสาวชี้มือไปยังผลไม้หลากหลายสายพันธุ์ ก่อนหญิงรับใช้จะเดินตามแล้วมองการกระทำของหวางฟางเฟยอย่างเงียบ ๆ
“เถ้าแก่ ข้าเหมาหมดเลย ราคาเท่าใด” หลังจากพ่อค้าแจ้งราคามาแล้ว นางก็หยิบเงินในถุงยื่นให้ แล้วรับผลไม้มาพร้อมรอยยิ้ม
“คุณหนูจะซื้อผลไม้มากมายไปทำไมเ้าคะ”
“ข้าจะเอาไปฝากคน”
“ฝากใครเหรอเ้าคะ ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูมีเพื่อนสักคน” คำถามของหลินหลินทำให้หวางฟางเฟยชะงัก ได้สติกลับมา ว่าตอนนี้นางอยู่ในร่างของคุณหนูสามแห่งสกุลจิว ไม่ได้เป็บุตรสาวของเสนาบดีหลิวเหมือนที่ผ่านมา
“ข้ามีเพื่อนสนิทก็แล้วกัน แต่เ้าไม่รู้เท่านั้นเอง” พูดจบ หญิงสาวก็มุ่งตรงไปยังเรือนของสกุลหลิว ที่เวลานี้เปิดเป็ร้านอาหารขนาดเล็ก มีลูกค้าเข้าออกไม่มากนัก
หลังจากสูญเสียบุตรสาวไปในวันนั้น หลิวฮูหยินก็ต้องตื่นแต่ดึกดื่น เพื่อเตรียมของมาขายเพียงลำพัง ไม่มีคนคอยช่วยเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งสุขภาพร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง โต๊ะและเก้าอี้จำนวนหนึ่งถูกพับเก็บไว้ เหลือโต๊ะให้ลูกค้านั่งเพียงสามสี่โต๊ะเท่านั้น
“คุณหนูมองอะไรเหรอเ้าคะ” หลินหลินสังเกตเห็นหวางฟางเฟยหยุดมองร้านอาหารเก่า ๆ ที่มีหญิงกลางคนยืนทำอาหารเพียงลำพัง สิ้นเสียงของหลินหลิน หวางฟางเฟยก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปนั่งยังร้านอาหารนั้นด้วยท่าทีสงบ
“เอาชาสองที่ ขอข้าวสองถ้วย กับข้าวห้าอย่าง” นางสั่งแม่ค้าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนหลินหลินจะเบิกตากว้าง
“เหตุใดจึงสั่งอาหารเยอะแยะ พวกเราพึ่งจะกินกันมาจากจวนแท้ ๆ” คำถามของสาวใช้ ไม่ทำให้หวางฟางเฟยตอบ นางค่อย ๆ วางห่อผลไม้ในมือลงช้า ๆ แล้วจับจ้องไปยังแม่ค้าวัยกลางคนผู้นั้นด้วยสายตาสั่นไหว