เื่ใหญ่โตชนิดองค์หญิงถูกลักพาตัวนี้ย่อมมีแหล่งข่าวจากหลายช่องทางมาบอกกล่าวกับเหล่าฮูหยินในจวนแม่ทัพนานแล้ว
ในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าเวลานี้ป้าจ้าวกำลังปรามฮูหยินผู้เฒ่าอย่างยากลำบากว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะท่านอย่าได้เคืองโกรธเลย ไม่แน่ว่าเื่นี้อาจไม่ได้หนักหนาเช่นที่ร่ำลือกันตามท้องถนนก็เป็ได้เ้าค่ะ
ท่านแม่ทัพก็ตามไปแล้ว แต่บ่าวคิดว่าท่านแม่ทัพจะต้องไปเพื่อเกียรติของจวนแม่ทัพแน่นอนมิใช่ไปเพื่อองค์หญิง ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าทำใจให้สบายเถิดเ้าค่ะท่านแม่ทัพย่อมไม่ปล่อยให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตรายเพื่อสตรีเป็แน่เ้าค่ะ”
ที่แท้เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่าองค์หญิงถูกลักพาตัวภายหลังหั่วอี้ก็ยังไล่ตามไปเพียงลำพังโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตนนางก็ะเืใจจนแทบหมดสติไปทีเดียว
สตรีของหั่วอี้เวลานี้มีเพียงนางจ้าวซึ่งกำลังตั้งท้องลูกของหั่วอี้ที่ได้รับการดูแลอย่างเป็พิเศษจากฮูหยินผู้เฒ่าคนอื่นนอกนั้นสำหรับนางแล้วก็เป็เพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเพื่อให้สกุลหั่วได้มีผู้สืบสกุลเท่านั้น
แล้วนางจะยอมให้บุตรชายคนเดียวของตนไปเสี่ยงภัยเพื่อสตรีเ่าั้ได้อย่างไรแม้แต่องค์หญิงก็ไม่เว้น นางไม่สนว่าจะเกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหรือไม่ ห่วงแค่ให้อี้เอ๋อร์ของนางปลอดภัยเป็พอ
ดีที่ป้าจ้าวก็นับว่าเป็คนแก่ที่ผ่านโลกมามากปลอบฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ครึ่งค่อนชั่วยาม ที่สุดก็ทำให้นางสงบใจลงได้บ้าง
ทว่าแม้จะเป็เช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังส่งเด็กรับใช้มากมายออกไปสืบหาข่าวคราวส่วนนางก็ไม่อาจนอนหลับได้เพราะเฝ้าแต่เป็ห่วงความปลอดภัยของหั่วอี้
เมื่อเห็นว่านี่ก็ล่วงเลยยามสี่ [1] มาแล้วแต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังไม่ยอมเข้านอน ป้าจ้าวจึงร้อนใจเหลือทน ฮูหยินผู้เฒ่าสูงวัยมากแล้วจะเทียบกับคนหนุ่มคนสาวได้อย่างไร หากท่านแม่ทัพไม่เป็ไรแต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับต้องล้มป่วยเพราะร้อนใจจะทำเช่นใดดี
“ฮูหยินผู้เฒ่าไปพักก่อนเถิดเ้าค่ะท่านอย่าเหน็ดเหนื่อยจนส่งผลต่อร่างกาย เมื่อท่านแม่ทัพกลับมาเห็นจะเป็ทุกข์เอาได้นะเ้าคะ”
ป้าจ้าวอธิบายต่อฮูหยินผู้เฒ่าไปพลาง นวดหลังให้นางไปพลาง
“เฮ้อ อายุก็ปูนนี้แล้ว หาได้หวังว่าอี้เอ๋อร์จะก้าวหน้ามากมายนัก หวังเพียงให้เขาปลอดภัยแข็งแรงเป็พอแล้ว”
คงเพราะฮูหยินผู้เฒ่าร้อนใจมาทั้งคืน แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงมาตั้งนานแล้วเมื่อได้ป้าจ้าวนวดให้จึงรู้สึกง่วงขึ้นมา
ป้าจ้าวเห็นฮูหยินผู้เฒ่าหรี่ตาลง คิดว่านางอยากนอนแล้วจึงจับตัวเอนราบลงนอนบนเตียง
เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่พูดอีกคงเพราะทนอดนอนไม่ไหวจึงเตรียมจะนอนหลับ ป้าจ้าวค่อยถอนใจยาวอย่างโล่งอกนางเป็ห่วงเสียเหลือเกินว่าหากฮูหยินผู้เฒ่ายังฝืนไม่ยอมนอนก็จะเหนื่อยจนล้มป่วยขึ้นมาจริงๆ
แต่ในเวลานั้นเองกลับมีเสียงเอะอะมาจากลานบ้านเดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังหลับไม่เต็มตาแม้จะเป็เสียงที่ไม่นับว่าดังนักก็ยังปลุกให้นางลืมตาขึ้นมา
“เป็อี้เอ๋อร์กลับมาแล้วใช่หรือไม่ รีบไปดูซิ”ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเสียง สิ่งแรกที่นางคิดได้ก็คือคงเป็หั่วอี้กลับมาแล้ว
นางรอให้ป้าจ้าวไปสอบถามไม่ไหวจะลงจากเตียงไปดูที่เรือนหน้าด้วยตนเอง
แต่กลับเป็เพราะนางอายุมากแล้ว พอลุกขึ้นมาเร็วเกินไปฮูหยินผู้เฒ่าร้อง ‘โอ๊ย’ คำหนึ่งแล้วเอามือประคองเอว นางเกือบบิดตัวจนเอวเคล็ดเสียแล้ว
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่เป็ไรนะเ้าคะ”
ป้าจ้าวร้องห้ามไม่ให้นางเดินออกไป พร้อมกับรีบวิ่งไปช่วยอีกฝ่ายนวดคลึงที่เอวดีที่เป็อาการเจ็บชั่วคราว ได้ป้าจ้าวนวดเพียงสองสามครั้งก็ไม่เป็ไรแล้ว
“พยุงข้าเร็วเข้า ข้าจะไปดูว่าเป็อี้เอ๋อร์กลับมาใช่หรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สนใจว่าตนจะหอบเหนื่อยเพราะสูงอายุไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมรออยู่ที่เตียงโดยเด็ดขาด
เวลานั้นเองก็มีคนเปิดประตูห้อง เป็ป้าหวังเดินเข้ามา“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ท่านแม่ทัพและฮูหยินกำลังรออยู่ที่เรือนหน้าเ้าค่ะอยากทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าเข้านอนแล้วหรือไม่ หากยังไม่เข้านอนท่านแม่ทัพและฮูหยินก็อยากมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ”
ที่แท้เป็หั่วอี้และหลิ่วจิ้งกลับมาถึงจวนและคิดว่าควรมาที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาบอกกล่าวเื่นานาให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบพูดก่อนย่อมดีกว่าพูดทีหลัง
“รีบเรียกพวกเขาเข้ามาเร็ว”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าหั่วอี้มาถึงเรือนหน้าแล้วนางจึงไม่ได้ร้อนใจอีก รีบสั่งให้ป้าหวังไปบอกกับหั่วอี้
“เ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ”ป้าหวังพูดพลางรีบออกไปบอก
จนหั่วอี้และหลิ่วจิ้งเดินตามป้าหวังเข้ามาในห้องนอนของฮูหยินผู้เฒ่าป้าจ้าวก็ประคองฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว
“ท่านแม่ ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านเป็ห่วงแล้ว”
ทันทีที่หั่วอี้เข้ามาในห้องก็รีบเดินสามก้าวรวบเป็สองก้าวเข้าไปข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า
“ฮูหยินผู้เฒ่า…” หลิ่วจิ้งกำลังจะคารวะ กลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าขัดคำ
“มา เข้ามาให้แม่ดูเ้าให้ดีๆ เร็วเข้า”
ฮูหยินผู้เฒ่าดึงหั่วอี้เข้ามาใกล้ตัว สังเกตดูเขาทั้งบนล่างซ้ายขวาอย่างละเอียด
หั่วอี้เห็นดังนั้นก็ใจเต้นระทึกแม้เมื่อครู่เขาจะให้หมอในจวนของอาเหมิ่งต๋าตรวจดูอาการและทายาลดอาการบวมแล้วแต่ริมฝีปากของเขาก็ยังบวมอยู่
“อี้เอ๋อร์ เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่ ไม่ได้าเ็ใช่หรือไม่!”
“โธ่เอ๊ย ปากนี่เป็อันใดไป”
หั่วอี้ยิ้มออกมาอย่างขัดเขินเมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ามองออกแล้ว“ท่านแม่ ไม่เป็ไรขอรับ เมื่อครู่ร้อนแรงกับผู้อื่นเกินไป ไม่ทันระวังจึงเป็เช่นนี้”
เขาพูดจาคลุมเครือ แต่ก็สามารถกลบเกลื่อนฮูหยินผู้เฒ่าไปได้
ฮูหยินผู้เฒ่ายังนึกว่าเขาปากเจ่อเพราะไปเร่าร้อนกับสตรีมาเสียอีก
“ท่านแม่ ข้าเป็ผู้ใดเคยนำทหารนับพันม้าเรือนหมื่นปราบแคว้นแล้วแคว้นเล่าจนราบเป็หน้ากลองแค่โจรไม่กี่คนจะนับเป็สิ่งใดได้?” หั่วอี้รีบเปลี่ยนประเด็น
หลิ่วจิ้งเห็นว่าสายตาของฮูหยินไม่ได้อยู่ที่นางจึงได้แต่ยืนรอคำนับอยู่ข้างๆ พอได้ยินสิ่งที่หั่วอี้อธิบายก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ
หั่วอี้เห็นแก่ที่คืนนี้หลิ่วจิ้งได้รับความตื่นตระหนกเหนื่อยอ่อนนัก จึงสนทนาเื่ทั่วไปกับฮูหยินผู้เฒ่าอีกเล็กน้อยอยากจะพาหลิ่วจิ้งกลับไปพักผ่อนโดยเร็ว และกำลังจะเอ่ยลาฮูหยินผู้เฒ่า
แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเห็นหั่วอี้ไม่เป็อะไรกลับหันเหความสนใจมาที่ตัวหลิ่วจิ้ง นางร้องตวาดใส่หลิ่วจิ้งว่า “เ้าคุกเข่าลง”
หลิ่วจิ้งมองฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังชี้นิ้วใส่ตนแล้วหันมองหั่วอี้แม้ไม่ยอมใจเป็ที่สุดแต่ก็ยังค่อยๆ คุกเข่าลง
“ฮูหยินผู้เฒ่าโปรดสอนสั่ง” แม้นางจะกำลังคุกเข่าอยู่แต่ยังคงยืดอกตรง แข็งขืนเป็ทีว่านางไม่ได้มีความผิดใด
ท่าทีต่อต้านที่ไร้ซุ่มเสียงและไม่ยอมอ่อนข้อให้นี้ยิ่งทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่ไม่ชอบหลิ่วจิ้งเป็ทุนเดิมอยู่แล้วโมโหยกใหญ่
“ป้าจ้าว ตบปากนาง”
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องเขม็งมาที่หลิ่วจิ้งด้วยใบหน้าถมึงทึง
ป้าจ้าวรับคำสั่งจึงเงื้อมือขึ้นกำลังจะหวดลง หั่วอี้เห็นดังนั้นก็รีบปรี่เข้าไปรั้งเอาไว้
“ท่านแม่ องค์หญิงมีความผิดใด ไยต้องลงโทษนาง?”
หั่วอี้มีสีหน้าไม่พอใจ น้ำเสียงยิ่งแข็งกระด้างขึ้นมา
“มีความผิดใดหรือ? สตรีผู้หนึ่งเผยหน้าตาเดินไปทั่วยังไม่ว่า ยังกระทำการเอาแต่ใจทำให้ท่านแม่ทัพต้องตกอยู่ในอันตราย ยังมีหน้ามาถามว่ามีความผิดใดอีกหรือ?”
“ป้าจ้าว ลงมือ”
ป้าจ้าวเข้าไปเตรียมจะลงมืออีกครั้ง แต่กลับถูกหั่วอี้ถีบออกไป
‘นังบ่าวสุนัขชั่ว ถึงกับกล้ามองข้ามคำสั่งข้า’ หั่วอี้เคืองแค้นป้าจ้าวอยู่ในใจ
หั่วอี้เห็นแก่หน้าตาของฮูหยินผู้เฒ่า เขาจึงไม่ได้ถีบไปแรงนัก แค่ให้ป้าจ้าวล้มไปอีกข้างหนึ่งเท่านั้น
ทว่าแม้จะเป็ดังนี้ป้าจ้าวก็ยังใแทบตาย ใบหน้าซีดเผือดมือเท้าสั่นเทิ้ม เกือบจะเป็ลมไปทีเดียว
หลิ่วจิ้งคุกเข่าเชิดอกอยู่ตรงนั้นพลางร้องในใจว่าสะใจนักเบื้องหน้านางยังคงคุกเข่าด้วยท่าทีเคารพ แต่ในใจกลับแอบจดบัญชีป้าจ้าวเอาไว้หนหนึ่งแล้ว
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ยามสี่ คือ ่เวลา 01:01 - 03:00 น.
