“เฮ้อ ที่นี่นี่มันเสียงดังจริงๆ ฉันล่ะเกลียดชะมัด.......... ไม่คิดเลยว่าดวงอาทิตย์ในโลกนี้มันจะเลวร้ายขนาดนี้ คงเพราะมันอิจฉาผิวสวยๆของฉันสินะ อยากให้ผิวของฉันสูญเสียความขาวบริสุทธิ์งั้นสิ........ หึ! ชั่วร้ายมาก.......”
เสียงแหลมเล็กจนเกือบจะถึงมาตรฐานของเสียงผู้หญิง แต่ถ้าฟังดีๆ ก็สามารถฟังออกว่าเสียงนั้นมีความรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ได้ เสียงที่ดังขึ้นมาฟังดูแล้วเป็เสียงของวัยรุ่นอายุราวๆสิบแปดสิบเก้าปี เขามีริมฝีปากสีแดงสดและฟันขาวสะอาด ใบหน้าของเขางดงามเหมือนหยก ร่างของเขาสูงเพรียว ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายทรงเสน่ห์วิบวับโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาคู่นั้นเพียงปรายตามองผู้ชายคนอื่นเพียงครั้งเดียวก็สามารถเกี่ยวิญญาของคนเ่าั้มาได้อย่างง่ายดาย ร่างนั้นแต่งกายด้วยชุดของนักล่าสีเขียวอ่อน ด้านหลังของเขาแบกธนูยาวที่ส่องแสงสีเงินออกมาทำให้เห็นได้ชัดว่าคนๆนี้มีอาชีพเป็นักธนู การแต่งกายเช่นนี้ไม่ได้ปิดบังความงดงามของเขาเอาไว้เลยแม้แต่น้อย กลับกันมันยังเพิ่มความงดงามที่แฝงความกล้าหาญไว้อีกหลายเท่าตัว
แต่ข้างกายของคนๆนั้นกลับมีเพื่อนร่วมทางที่มองแล้วไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย ผิวของเขาเป็สีดำคล้ำแดด เขามีใบหน้าที่มองดูแล้วคล้ายปีศาจ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่อาจไม่สนใจเขาได้ก็คือร่างกายของเขา..........สูงมาก สูงจนเกือบจะถึงสองเมตรเลยก็ว่าได้ และเขายังดูแข็งแรงมาก........หรือจะบอกว่าเขาดูอ้วนมากก็ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็ความสูงของเขาหรือความแข็งแรงของเขาก็ล้วนทำให้ผู้คนตกตะลึงด้วยกันทั้งสิ้น สัดส่วนร่างกายโดยรวมของเขาคล้ายนับบาสในทีม NBA เลยทีเดียว การเดินฝ่าเข้าไปในฝูงคนจำนวนมากเช่นนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนแต่เป็จุดรวมสายตาทั้งสิ้น และยิ่งเดินมากับคนที่งดงามบริสุทธิ์ที่คาดว่าถ้าเทียบกันแล้วน่าจะมีน้ำหนักห่างกันสามถึงสี่เท่าแล้ว มองอย่างไรก็เป็ภาพที่โดดเด่นกระแทกสายตาจริงๆ
“ปีศาจอย่างนายพูดอะไรน่าคลื่นไส้ต่อหน้าฉันให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!” เสียงห้าวของชายหนุ่มด่าออกมาเบาๆ
“ไอ้อ้วนที่ไม่รู้เื่รู้ราวอย่างนายไม่รู้หรือไง? การอดนอนและรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตน่ะคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของผิวพรรณเลยนะ ผิวอันบอบางของฉันน่ะไม่กลัวการชโลมเืหรอกแต่มันกลัวการทำลายล้างที่มองไม่เห็นแบบนี้มากกว่า........ ขอโทษที่เถอะ ทำไมเสื้อผ้าชุดนี้มันไม่ปกปิดผิวทั้งหมดของฉันเลย นี่มันเป็เื่ที่โหดร้ายต่อฉันมากจริงๆ”
ชายรูปร่างแข็งแรงที่ถูกเรียกว่า “ไอ้อ้วน” มีสีหน้ามืดมน ถ้าเขาไม่ได้รู้จักคนๆนี้อย่างดีแล้วยังคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยยังไงอีกเขาคงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอันน่ากลัวไปตั้งนานแล้ว
ตอนนั้นเองผู้เล่นที่ดูๆไปแล้วน่าจะสูงส่งผู้หนึ่งที่มาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าก็เดินเข้ามาหาคนงามคนนั้น มุมปากของเขายกยิ้มกว้างที่มีพลังทำลายล้างมาให้ “คนสวย เพิ่มเพื่อนหน่อยได้ไหมครับ?”
ฝีเท้าของคนสวยหยุดชะงัก เขามองผู้เล่นผู้ชายที่มีใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มอย่างพิจารณาแวบหนึ่งจากนั้นเขาก็พูดออกมาเสียงเย็นที่ดังเขาไปในหูของชายคนนั้นปานสายฟ้าฟาด “โทษทีนะ ฉันไม่ได้เป็เกย์”
สายฟ้าฟาด.......... มันไม่ใช่เนื้อหาของคำพูด แต่เป็....... เสียงที่เหมือนกับผู้ชายที่ดังออกมาจากปากของเขาต่างหาก น้ำเสียงนุ่มทุ้ม ความเร็วสม่ำเสมอและมีเสน่ห์ดึงดูด
พูดจบเขาก็โบกมือเท่ๆและกลั้นหัวเราะสุดชีวิต เ้าอ้วนที่แทบจะกลั้นความเ็ปจากการหัวเราะไว้ไม่ไหวก็ได้แต่เดินทิ้งห่างออกไป..........
ผู้ชายที่เข้ามาทักคนนั้นมองตามแผ่นหลังของเขาที่เดินห่างออกไปอย่างอึ้งๆ ด้านหลังของเขางดงามมาก ท่าทางของเขาก็สง่างาม เอวบางอ้อนแอ้น เป็ผู้หญิงที่ยิ่งกว่าผู้หญิง....... และั้แ่ตอนนั้นภายใต้การกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจขนาดใหญ่การมองโลก มองคน มองคุณค่าของเขา........ก็ถูกโค่งล้มไปทั้งหมดั้แ่นั้นมา ั้แ่นั้นเด็กน้อยผู้น่าสงสารก็ใช้ชีวิตภายใต้ความเอ้อระเหยลอยชายต่อไปเป็เวลาเนิ่นนาน
คนสวยที่มีเพศสภาพเป็........ผู้ชาย เขาเป็ชายที่มีความเป็ผู้หญิงยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก
คนทั้งสองหยุดฝีเท้าลงที่ด้านหน้าประตูของบ้านหลังน้อยของกั่วกัวแล้วมองเข้าไปในคฤหาสน์ที่ดูโอเวอร์เกินจริงไปมาก พวกเขาอดไม่ได้จนต้องเอ่ยปากชมออกมา คฤหาสน์หลังนี้สามารถปรากฏได้แค่ในโลกแห่งเกมเท่านั้น ความน่าจะเป็ที่มันจะปรากฏขึ้นมาในโลกแห่งความจริงนั้นเท่ากับศูนย์ ต่อให้มันมีขึ้นมาจริงๆก็คงไม่มีใครมีปัญหาซื้อแน่นอน
ชายรูปร่างแข็งแกร่งมองไปรอบๆก่อนจะกระซิบออกมา “พี่รองคงยังมาไม่ถึงล่ะมั้ง? พวกเรารออีกหน่อยเถอะ”
“ฉันเกลียดการรอคอย แต่ถ้าให้รอพี่รองที่น่ารักล่ะก็ ต่อให้ต้องรอไปเป็ร้อยปี พันปี ฉันก็จะตั้งตารออย่างเต็มใจ” คนสวยบิดไปบิดมาแล้วกระพริบตาปริบๆพร้อมพูดออกมา
ต่อให้คุ้นเคยกับบุคลิกของเขาจนไม่รู้จะคุ้นเคยไปมากกว่านี้ได้ยังไงแล้ว ชายร่างแข็งแรงก็ยังคงมีความรู้สึกเหมือนเท้ากระตุกอยู่ทุกที
แล้วในตอนนั้นเองประตูด้านหลังของเขาก็เปิดออกแล้วซูเฟยเฟยและเย่เทียนเซี่ยก็เดินออกมาและประสานสายตากับคนสองคนที่หันกลับมา เย่เทียนเซี่ยปิดประตูบ้านแล้วยิ้มน้อยๆ “พั่วจวิน ชิวสุ่ย พวกนายมาซะที”
“พี่รอง........พี่รอง! ผมคิดถึงพี่จัง!!” ในที่สุดเมื่อมองเห็นเย่เทียนเซี่ย ชายที่มีรูปร่างแข็งแรงก็ะโเข้ามาด้วยความรักราวกับเด็กน้อย จากนั้นก็พุ่งไปด้านหน้าอย่างตื่นเต้นหวังจะกอดเย่เทียนเซี่ยให้เต็มรักสักหน่อย แต่เขาเพิ่งวิ่งเข้าไปได้เพียงครึ่งก้าวความสนใจของเขาก็พุ่งไปที่ซูเฟยเฟยที่ยืนอยู่ข้างเย่เทียนเซี่ยแทน เขาทำได้เพียงหยุดฝีเท้าเอาไว้แล้วยิ้มโง่ๆออกมา
มีแค่ตอนอยู่ต่อหน้าเย่เทียนเซี่ยเท่านั้น เขาที่สามารถอาละวาดไปทั่วหัวเซี่ยได้โดยไม่มีใครกล้าหาเื่ด้วยถึงได้เผยใบหน้าตื่นเต้นออกมาได้เช่นนี้
“จั้วพั่วจวิน!” ซูเฟยเฟยที่ยืนอยู่ข้างกายของเย่เทียนเซี่ยร้องออกมาครั้งหนึ่ง ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างใ....... การที่เธอได้เห็นคนๆนี้ที่นี่ อีกทั้งเขา......... ยังเป็เพื่อนที่เย่เทียนเซี่ยบอกอีกด้วย แล้วเมื่อกี้เขาก็เพิ่งเรียกเย่เทียนเซี่ยว่า “พี่รอง” แล้วยังแสดงท่าทางที่เหลือเชื่อนั้นออกมาอีก
จั้วพั่วจวินหรือจั้วเสี่ยวที่ไม่มีใครในจิงหัวไม่รู้จัก เขาขึ้นชื่อเื่ความเ้าอารมณ์ เขามีทั้งอำนาจและเงินทองดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าหาเื่เขา แม้กระทั่งคนที่ถูกเรียกว่า “เทียนจื่อ” ก็ยังไม่กล้าตามตอแยเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็เพราะเขามีพ่อที่แข็งแกร่งซึ่งพ่อของเขาก็คือท่านผู้นำสูงสุดที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดและมีอำนาจมากที่สุดในเมืองหัวเซี่ย.........จั้วเจิ้นหัว!
“ฮายๆ คุณหนูซู พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ เธอคงคิดไม่ถึงว่าพวกเราจะมาเจอกันอีกครั้งแบบนี้สินะ” สายตาของจั้วพั่วจวินกวาดมองไปบนใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยและซูเฟยเฟย การที่ทั้งสองคนยืนอยู่แนบชิดกันทำให้ดวงตาของเขาทอประกายแปลกประหลาดขึ้นมาทันทีจนสามารถเดาได้เลยว่าเขากำลังแอบพึมพำอะไรอยู่เงียบๆ...........
“พวกนายรู้จักกันด้วยนี่ โลกนี้มันเล็กจริงๆเลย” เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ คนหนึ่งคือหญิงสาวที่เป็ลูกสาวของคนที่ร่ำรวยที่สุดในหัวเซี่ย คนหนึ่งเป็ลูกชายของคนที่มีอำนาจที่สุดในหัวเซี่ย จุดร่วมระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นมันธรรมดามากๆ เพราะคนที่มาถึงในระดับนี้ได้ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นดังนั้นแวดวงของพวกเขาจึงเล็กมาก
“รู้จักแหงอยู่แล้วสิ เราเคยเจอกันมาแล้วไม่แปดก็สิบครั้งได้” ซูเฟยเฟยยังคงมีสีหน้าที่ตกตะลึงอยู่ เพื่อน พี่รอง....... ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะว่าทำไมเมื่อวานหลี่เทียนเผิงที่ถูกยั่วยุหลังจากได้รับโทรศัพท์แล้วเขาถึงมีท่าทีอย่างนั้น ด้วยท่าทางตื่นเต้นและเป็มิตรของจั้วพั่วจวิน เธอมองออกว่าในสายตาของเขามีแววชื่นชมจนแทบจะกลายเป็คลั่งไคล้...... งั้นถ้าเื่เมื่อวานเป็การลงมือของเขา การกระทำของหลี่เทียนเผิงที่ทำออกมาเมื่อวานก็เป็เื่ที่ไม่น่าแปลกใจเลย อำนาจของตระกูลหลี่นั้นมากมายมหาศาล แต่นอกจากว่าเขาจะไม่อยากอยู่ในจิงหัวหรือแม้กระทั้งในหัวเซี่ยเท่านั่นแหละเขาถึงจะกล้าหาเื่ตระกูลจั้ว
เธอค้นพบว่าเธอเริ่มเข้าใจเขาบ้างแล้วแต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เธอคงไม่มีทางเชื่อแน่ว่าคุณชายตระกูลจั้วที่ไม่มีใครกล้าตอแยด้วยจะแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนๆหนึ่ง
“เฮ้อ แนะนำตัวเองซักหน่อยแล้วกัน ฉันคือจั้วพั่วจวิน อายุยี่สิบ เด็กกว่าพี่รองของฉันอยู่เจ็ดเดือน ชื่อในตอนนี้ก็คือ....... ตุ้นพั่วเชียนจวิน ต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณหนูซูด้วย”
ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหัวของจั้วพั่วจวินก็คือ “ตุ้นพั่วเชียนจวิน” เห็นได้ชัดว่าคนที่ตั้งชื่อแบบนี้อาชีพของเขาก็จะต้องเป็ผู้พิทักษ์อย่างแน่นอน และร่างกายที่ใหญ่โตของเขาก็เหมาะสมที่จะเป็ผู้พิทักษ์ด้วย เพียงเขายืนอยู่ตรงนั้นก็สามารถต้านทานผู้เล่นทั่วไปจำนวนสองเท่าภายในขอบเขตร่างกายของเขาได้อย่างสบายๆแล้ว........ เอาเถอะ จริงๆแล้วนั่นก็เป็พร์อย่างหนึ่ง
“โอ้......... จริงๆแล้วนายก็เป็คนขี้เกรงใจอย่างนี้เอง ก่อนหน้านั้นจำได้ว่าไม่ว่าใครจะมาทักทายนายนายก็ไม่เคยสนใจเลยนี่” ซูเฟยเฟยพูดออกไปด้วยใบหน้าล้อเลียน คงต้องบอกว่าจั้วพั่วจวินที่เธอเห็นในตอนนี้กับจั้วพั่วจวินที่เธอเคยรู้จักแตกต่างกันจนเหมือนคนละคน ลูกชายคนเดียวของตระกูลจั้วเป็คนที่มีความเป็ไปได้มากที่สุดที่จะกุมอำนาจสูงสุดของหัวเซี่ยเอาไว้ได้........ แล้วยังจะมา “ฝากเนื้อฝากตัว” กับเธออีก นี่ทำให้ในใจของเธอเกินช่องว่างขนาดใหญ่และไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
จั้วพั่วจวินมีท่าทางกระดากอายเล็กน้อยจากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำๆ เขาแอบมองไปที่ใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยพร้อมกับพูดออกมาอย่างกระดากอาย “เพราะบางทีเธออาจจะเป็พี่สะใภ้รองของฉันก็ได้ไง ดังนั้น.........”
“อะแฮ่ม!!” ถ้าเวลานี้ในปากของเย่เทียนเซี่ยมีอะไรอยู่สักอย่างล่ะก็ มันจะต้องพุ่งเข้าใส่หน้าของจั้วพั่วจวินทั้งหมดอย่างแน่นอน แต่ใบหน้าของซูเฟยเฟยกลับเป็สีอมชมพูอย่างงดงาม เธอก้มหน้าลงน้อยๆและไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่คำเดียว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังห้ามตัวเองไม่ให้ขยับเข้าไปใกล้เย่เทียนเซี่ยอีกนิดไม่ได้....... แล้วทันใดนั้นเธอก็คิดว่าคุณชายจั้วที่เคยทิ้งความประทับใจอันน่ากลัวไว้ให้เธอก่อนหน้านี้จริงๆแล้วก็เป็คนน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย!
เมื่อมองท่าทางของซูเฟยเฟยและเย่เทียน เซี่ยจั้วพั่วจวินก็แอบกระซิบขึ้นมาในใจเงียบๆ........ ชิบหายละ พี่รองคงไม่เอาจริงหรอกมั้ง....... แล้วเธอ....... เฮ้อ ถ้าเอาจริงขึ้นมา ก็น่าจะเป็เื่ดีล่ะมั้ง อย่างน้อยก็พูดได้ว่าพี่รองเกือบจะก้าวออกมาจากเงาที่คอยทำลายเขาได้แล้ว..... งั้น เจ๊ใหญ่ล่ะ....... ถ้าเื่นี้เป็จริง เธอจะคิดยังไง จะทำยังไง........
“เฮ้อ.......แสงแดดอันร้อนระอุไม่สามารถขับไล่ความเศร้าในใจของฉันไปได้ ฉันมันก็แค่คนน่าสงสารที่ถูกโลกลืมไปแล้วสินะ ในมุมเหงาๆตรงนี้ยังมีหัวใจของฉันที่เต้นอยู่อย่างโดดเดี่ยวอยู่ด้วยนะ..........”
ชายผู้โดดเดี่ยวที่ถูกโลกลืมมองไปยังดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้าแล้วบ่นกับตัวเองออกมาเหงาๆ..........
“............” เย่เทียนเซี่ย
“.............” จั้วพั่วจวิน
ซูเฟยเฟยยกยิ้มขึ้นมาจนแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เธอเดินไปด้านหน้าสองสามก้าวแล้วพูดออกมา “น้องสาวจ๊ะ เธอน่าจะเป็แฟนสาวของจั้วเสี่ยวสินะ ฉันชื่อซูเฟยเฟย.......ชื่อในเกมก็ซูตี้เหยียนอวี้”
(@o@)!! เย่เทียนเซี่ย
(@o@)!! จั้วพั่วจวิน
ฟฟฟฟฟฟฟฟ..........แฟนสาว
ในที่สุดคนที่ถูกลืมก็หันกลับมามองซูเฟยเฟยที่ในที่สุดก็ระลึกถึงเขาได้ด้วยใบหน้าขอบคุณ “สวัสดี พี่สาวคนสวย เสียงของเธอเหมือนกับเสียงขับร้องของนางฟ้าที่ปัดเป่าความเหงาออกไปจากตัวฉันและปลอบโยนิญญาที่ได้รับาเ็ของฉันด้วย ฉันจะจดจำเสียงของเธอตลอดไปจนกระทั่งถึงวันที่ฉันตาย......... โอ้! ทำไมในโลกนี้ถึงไม่มีที่ที่สามารถหาซื้อกุหลาบได้นะ มีแค่กุหลาบเท่านั้นที่จะสามารถแสดงถึงความสั่นไหวในใจของฉันในเวลานี้ได้”
ซูเฟยเฟยมึนงง......... น้องสาวคนนี้หน้าตาสะสวย แต่ทำไมถึงได้พูด.........เหมือนกับคนโรคจิตแบบนี้ล่ะ
“ลืมไป ให้ฉันแนะนำตัวสักหน่อยนะ......... สวัสดีพี่สาว กระผมแซ่มู่หรง มีชื่อว่าชิวสุ่ย หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ.......ชิวสุ่ยอีเหริน”
เปรี้ยง.............
เย่เทียนเซี่ยแทบจะพ่นน้ำลายออกมาจากปาก
ชิวสุ่ยอีเหริน? ถุย!
