เมื่อเย่เฟิงออกกระบี่ที่สิบสาม การโจมตีของเขาก็สิ้นสุดลง แต่ก็เป็่เวลาที่พลังของเขาไปถึงจุดสูงสุดและแข็งแกร่งที่สุดด้วย หลังจากสะสมกระบี่ทั้งสิบสองครั้งก่อนหน้านี้ กระบี่เล่มที่สิบสามของเย่เฟิงก็โผล่ขึ้นมาอย่างน่าใ ประกายแสงกระบี่สีเขียวเข้มพุ่งตรงหน้าหลี่เสวียน!
โล่พลังภายในสีขาวของหลี่เสวียนที่ก่อนหน้าถูกเย่เฟิงทำลายโดยการฟาดฟัน ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะป้องกันอะไรอีก เขาได้แต่มองกระบี่สุดท้ายที่เย่เฟิงฟาดฟันลงมา
กระบี่เล่มนี้เร็ว แม่นยำ และรุนแรงเกินไป!
แม้แต่หลี่เสวียนที่มีระดับพลังเก้าสิบห้าปียังตกตะลึงกับรำกระบี่ไร้ตัวตนของเย่เฟิง ขณะนี้ลำแสงกระบี่ทะลุผ่านโล่พลังภายใน ทำให้เขาแทบทรงตัวไม่อยู่ และไม่อาจหลบหลีกในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นกระบี่เล่มนี้ของเย่เฟิงก็พุ่งออกมากลางอากาศและปรากฏตรงหน้าเขาจนไม่มีเวลาหลบหลีกเลย
“ผู้าุโ!”
ลำแสงกระบี่สีเขียวเข้มปรากฏอย่างต่อเนื่องรอบตัวหลี่เสวียน ภาพเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้เฉินฮุยและศิษย์ตำหนักไท่จี๋ต่างประหลาดใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตอนที่โล่พลังปราณสีขาวของหลี่เสวียนแตก เฉิยฮุยก็ทำราวกับว่าเห็นผี บนโลกนี้ ยังมีคนที่ความสามารถทำลายโล่พลังปราณของผู้าุโหลี่เสวียนได้ในพริบตาอยู่งั้นหรือ? แม้แต่พลังระดับเย่เวิ่นเทียนก็ยังทำได้ขนาดนี้หรือ? แท้จริงแล้วจะมีคนไหนบนโลกที่มีพลังเช่นนั้น!
หมัดวายุที่หลี่เสวียนเพิ่งใช้ออกเมื่อสักครู่พุ่งทำร้ายหลิงเฉินแต่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขากลับสลายไปเหมือนควัน ทำให้คนจากตำหนักไท่จี๋รู้สึกราวกับเห็นผี
กระบี่สุดท้ายของเย่เฟิงถูกนำมาใช้ในสถานการณ์นี้ กระบี่พุ่งเข้าหาคอของหลี่เสวียนราวกับอยู่ต่อหน้าเทพแห่งความตาย
เพลงกระบี่ไร้ตัวตนแข็งแกร่งกว่าลำนำคลั่งใต้จันทราของหลงโม่หรานหลายเท่า ยิ่งใช้พร้อมกับการลอบโจมตีของหลงหว่านเอ๋อร์และคนอื่นๆ ซึ่งดึงดูดความสนใจของหลี่เสวียน จนหลี่เสวียนรู้สึกว่าตนจะต้องตายเป็แน่ เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว ั้แ่เป็ผู้าุโของตำหนักไท่จี๋เมื่อสิบห้าปีก่อน นอกจากจะหลีกเลี่ยงการชุมนุมของผู้ฝึกวรยุทธ์แล้ว เขาก็ไม่ได้สู้กับใครเลยด้วยซ้ำ
การชุมนุมของผู้ฝึกวรยุทธ์เป็การแลกเปลี่ยนทักษะวิชาแก่กันและกันของคนในเจียงหู ไม่ถึงกับต้องแลกชีวิต แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกถึงความตายเช่นนี้เลย
หลี่เสวียนขนลุกชัน สายตาจับจ้องกระบี่สุดท้ายของเย่เฟิง
สีเขียวเข้ม
สายตาของหลี่เสวียนจ้องเพียงแสงกระบี่ที่ตวัดมาเท่านั้น
ตาย
ต้องตายแน่ๆ
ตายแน่
จะต้องตายแล้วงั้นหรือ?
ม่านตาของหลี่เสวียนหดเล็กลง ่วินาทีนั้นเขาตระหนักถึงทุกสิ่งที่ตนเคยประสบมาทั้งชีวิต ั้แ่สมัยเด็กที่ถูกตำหนักไท่จี๋รับมาเลี้ยงดู จากนั้นฝึกวรยุทธ์ อาศัยพร์และความขยันเพื่อให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากนั้นก็ได้มาเป็ผู้าุโของตำหนักไท่จี๋...
ขณะภาพสว่างวาบก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
ก่อนจะถูกหมัดวายุของหลี่เสวียนจนหน้ากากถูกทำลายครึ่งซีก ขณะเดียวหกันลิงเฉินในสภาพิญญาก็ลอยเข้ามา แล้วรวบรวมพลังิญญาเพื่อหยุดกระบี่เล่มนี้ของเย่เฟิง
พรึ่บ!
ฝ่ามือของหลิงเฉินประกบเข้าด้วยกันและรับกระบี่สีเขียวเข้มของเย่เฟิงไว้
อึก!
กระบี่อันคมคริบของเย่เฟิงไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้านทานได้ กระบี่นี้ตวัดฟันจนิญญาของเขาแยกออกเป็สองซีก เปลี่ยนเป็ควันสีดำกลุ่มใหญ่และสลายไป
แน่นอนว่าหลิงเฉินเป็ผู้ฝึกิญญา นี่ไม่เพียงพอจะทำให้เขาตาย แต่การใช้พลังิญญาจำนวนมากก็ทำให้เขาค่อยๆ หมดพลัง เพื่อรับกระบี่เล่มนี้แทนหลี่เสวียน หลิงเฉินจึงเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามหลี่เสวียนมีประสบการณ์มากมาย และไม่ได้ทำให้หลิงเฉินผิดหวังใน่เวลาวิกฤติเช่นนี้
เย่เฟิงฟาดกระบี่เข้าที่คอของเขา ปรากฏรอยเืโดยไร้การแจ้งเตือนใดๆ หากฟาดลึกลงไปมากกว่าหนึ่งมิลลิเมตร กระบี่ของเย่เฟิงก็จะสามารถบั่นคอทำให้หลี่เสวียนตายได้ในทันที แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจทำเช่นนั้น
“พี่เย่!” เสียงของหลิงเฉินดังลอยมาจากทั่วทุกมุม “จากนี้ไปชีวิตของผมเป็ของพี่ แม้จะให้ผมสังหารหลี่เสวียนอีกครั้ง ผมก็จะทำโดยไม่ลังเล!”
มีเพียงเย่เฟิงเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ และมันทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เย่เฟิงไม่แปลกใจในการกระทำของหลิงเฉิน เพราะหลี่เสวียนเป็คนช่วยเขามาจากกองเพลิงและมอบชีวิตที่สองให้เขา ดังนั้นชีวิตนี้จึงเป็ของหลี่เสวียน แต่ตอนนี้ชีวิตที่สองของหลิงเฉินจบลงไปแล้ว ั้แ่เฉินฮุยยุยงให้ผู้าุโหลี่เสวียนทำร้ายเขา และทุกคนต่างก็ไม่เชื่อหลิงเฉิน เขาก็ได้เริ่มต้นชีวิตที่สามแล้ว
ชีวิตที่สามนี้เป็ของเย่เฟิงโดยสมบูรณ์ แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องจบชีวิตที่สองของตัวเองลงเสียก่อน หลังจากช่วยชีวิตของหลี่เสวียนแล้วก็จะไม่ติดหนี้บุญคุณต่อกันอีกและอนาคตก็จะไม่กังวลอีกต่อไป! วิธีนี้เกิดความพอใจของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าเย่เฟิงจะทำอย่างไรกับหลิงเฉิน หลิงเฉินก็จะไม่เสียใจ เป็เพราะแรงขับเคลื่อนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทำให้เขาต้องทำเช่นนี้
เย่เฟิงไม่ตำหนิหลิงเฉิน หากเป็ตัวเขาก็ไม่อาจมองผู้มีพระคุณตายไปต่อหน้าต่อตาได้เช่นกัน แต่ที่เขาขมวดคิ้ว เพราะตอนนี้หลี่เสวียนยังไม่ตาย สถานการณ์ต่อจากนี้ก็จัดการไม่ง่ายเสียแล้ว...
แต่ทุกคนในตำหนักไท่จี๋ต่างไม่อาจเข้าใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น นั่นไม่ใช่ ‘หลิงเฉิน’ ตัวปลอมหรอกหรือ ทำไมถึงะโมาขวางกระบี่ให้หลี่เสวียนได้? นี่ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เมื่อร่างของเย่เฟิงปรากฏต่อหน้าหลี่เสวียน กระบี่เจินชี่สีเขียวเข้มอยู่ในมือ เสื้อเชิ้ตสีดำปลิวตามแรงลม คนจากตำหนักไท่จี๋รู้สึกเย็นะเืจากก้นบึ้งหัวใจ
เย่เฟิงคนนี้จะมีพร์เกินไปไหม?
ชายหนุ่มเกือบสังหารหลี่เสวียนได้ด้วยพลังของตัวเอง! นี่มันวิชากระบี่ภูตผีอะไรกัน? หากพวกเขาทุกคนได้ร่ำเรียนวิชากระบี่นี้ ทั่วทั้งเจียงหูจะจะไม่ตกเป็ของพวกเขาเลยหรือ?
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือตอนนี้เย่เฟิงอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น! ช่างเป็พร์ที่น่าทึ่งและน่ากลัวอะไรเช่นนี้?
ครั้งนี้ตระกูลเย่มีสัตว์ประหลาดและผู้มีพร์คนแรกในประวัติศาสตร์ เฉินฮุยแห่งตำหนักไท่จี๋ของพวกเขาก็มีพร์มากเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับเย่เฟิงก็ไม่ต่างจากขยะ ราวกับหิ่งห้อยและแสงเจิดจ้าของดวงจันทร์ ความสุกสกาวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ล้อมมันแล้วฆ่าซะ!”
ในใจเฉินฮุยรู้สึกอิจฉา หากปล่อยให้เย่เฟิงมีชีวิตรอดไปได้ ไม่ใช่ว่าหลังจากนี้คงยากจะจัดการหรอกหรือ? เขายังจำได้ดีว่าตอนแรกเย่เฟิงต้องรับมือกับหลงโม่หรานเป็เวลานาน แต่ตอนนี้แทบจะสังหารหลี่เสวียนได้ในเวลาแค่นี้? การเติบโตของเย่เฟิงเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง!
แม้หลงโม่หรานจะเป็ผู้นำตระกูล แต่ความแข็งแกร่งของเขาเทียบไม่ได้กับผู้าุโตระกูลหลง โดยเฉพาะความห่างชั้นของระดับพลังที่ต่างกันมาก ถึงจะมีพร์มากแต่ก็ไม่อาจเติมเต็มความห่างชั้นตรงนั้นได้ หากพูดถึงความสามารถในการต่อสู้ หลงโม่หรานสองคนอาจพอรับมือหลี่เสวียนคนเดียวได้ แต่ตอนนี้เย่เฟิงกลับทำสิ่งที่ทุกคนไม่มีทางทำสำเร็จ
อายุเพียงยี่สิบปีต้นๆ ก็สามารถเผชิญหน้ากับหลี่เสวียนได้ แม้จะเป็การลอบโจมตี แต่วิชากระบี่ที่ร่ายรำเมื่อครู่ก็ทำให้คนตื่นตะลึงได้จริงๆ
เฉินฮุยแทบจะอดกลั้นไม่ไหว แต่เขาก็ต้องอดทนต่อไปอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงเพื่อรักษาชื่อเสียงของผู้ฝึกวรยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับหนึ่ง แต่เป็ชื่อเสียงอันดับหนึ่งของตำหนักไท่จี๋ในเจียงหูที่ยากจะรักษาไว้
ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เมื่อทุกคนของตำหนักไท่จี๋ได้ยินคำสั่งของเฉินฮุย สีหน้าดุร้ายก็ปรากฏขึ้นมาทันที ต่างก็พุ่งเข้าไปหาเย่เฟิง