กูเฟยเยี่ยนรอคอยอย่างประหม่าโดยที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้
ในไม่ช้าศาสตราจารย์แพทย์ก็ได้หยิบพู่กันมาเขียนอีกครั้ง “เจี่ยเซิน”
“เจี่ยเซิน” คือสัญลักษณ์ตัวแทนของเดือนเกิด ปีเกิงหยินเดือนเจี่ยเซิน นั่นก็คือเดือนเจ็ด
บังเอิญจัง เ้าของร่างเดิมก็เกิดในเดือนเจ็ด ปีเกิดและเดือนเกิดล้วนตรงกันทั้งหมดเลย!
กูเฟยเยี่ยนเกิดประหม่ามากขึ้นไปอีก นางกุมมือทั้งสองข้างแน่นโดยไม่รู้ตัว ลืมเลือนความเ็ปจากาแบนมือไปแล้ว ความฝันดูเหมือนว่าจะเขยิบเข้าใกล้ความเป็จริงขึ้นเล็กน้อย ความเพ้อฝันเปลี่ยนเป็ความคาดหวังแล้ว!
ศาสตราจารย์แพทย์ไม่ชักช้า ไม่นานก็เขียนตัวอักษรสองตัวลงบนกระดาษว่า “อู้ซวี” !
ปีเกิงหยิน เดือนเจี่ยเซิน วันอู้ซวี ก็คือวันที่เจ็ด
เดือนที่เจ็ดวันที่เจ็ด?
“เดือนที่เจ็ดวันที่เจ็ด! ” กูเฟยเยี่ยนพึมพำคนเดียว ดวงตาโตคู่นั้นก็ทอประกายแสงขึ้นมาในทันที เ้าของร่างเดิมเกิดในเดือนที่เจ็ดวันที่เจ็ดเทศกาลฉีเฉี่ยวพอดี
วันเดือนปีล้วนตรงกันหมด! กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือ หากว่าเวลายังตรงกันอีก เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็ผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ถูกโยกย้ายไปยังจิ้งหวางฝู่!
ร่างอันตึงเครียดของกูเฟยเยี่ยนล้วนอึดอัดขึ้นมา นางไม่สนใจว่ารอบข้างจะมีผู้ที่เกิดในเดือนที่เจ็ดวันที่เจ็ดหรือไม่ นางจับตามองไปที่พู่กันของศาสตราจารย์แพทย์ รอคอยผลลัพธ์สุดท้าย
ในความเงียบสงบ ศาสตราจารย์แพทย์ได้เขียนดวงชะตาสุดท้ายของวันเกิดลงไป โดยมีซ่างกวนยิงหงเป็ผู้แสดงใบให้ทุกคนได้ดู
อักษรสองตัวสุดท้ายคือ “ปิ่งเฉิน”
ปิ่งเฉิน!
คิดไม่ถึงว่าจะเป็ปิ่งเฉิน!
เวลาเกิดของเ้าของร่างเดิมก็คือปิ่งเฉิน!
์!
เกิงหยิน เจี่ยเซิน อู้ซวี ปิ่งเฉิน ทั้งแปดตัวนี้ตรงกับดวงชะตาวันเกิดของเ้าของร่างเดิมทุกประการ! เมื่อสักครู่นี้ที่นางเขียนลงไปบนกระดาษก็คืออักษรทั้งแปดตัวนี้
กูเฟยเยี่ยนตื่นเต้นจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ นางไม่คิดไม่ฝันว่าเื่นี้จะเป็ความจริงเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันนางก็เกรงกลัวว่านี่จะไม่ใช่เื่จริง
นางยืนอยู่ที่เดิมใบหน้าตกตะลึงตาค้าง จิตใจดั่งน้ำที่ได้ไหลโหมซัดอย่างไม่สามารถสงบลงได้
ในเวลานี้เองหม่านกงกงก็ได้พูดขึ้นมา “ฮ่าๆ ท่านใดที่มีดวงชะตาวันเกิดตรงทุกประการกับดวงชะตาวันเกิดนี้ คาดว่าภายในใจคงรู้อยู่แล้วสินะ แต่ว่าข้าพเ้าก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ตรวจสอบทีละใบเพื่อความยุติธรรม”
เมื่อได้ยินถึงคำเหล่านี้ กูเฟยเยี่ยนเลยตระหนักได้ว่าผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกมีความเป็ไปได้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือมีความเป็ไปได้ว่ายังมีคนอื่นที่เกิดในวันเดือนปีและเวลาตรงกันกับเ้าของร่างเดิม
คนที่เกิดในวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน และเวลาเดียวกันเกรงว่าจะมีน้อยและน้อยมากๆ ทว่าั้แ่ไหนแต่ไรมาบนโลกใบนี้ก็ไม่มีเื่อะไรที่แน่นอน จิตใจของกูเฟยเยี่ยนล่องลอยอยู่บนอากาศอีกครั้ง อารมณ์ที่ตื่นเต้นดีอกดีใจกลายมาเป็ตึงเครียดในทันที แม้กระทั่งเครียดกว่าเมื่อสักครู่นี้อีก
ฐานะของนางอยู่ในจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากมีตัวเลือกอื่นเพิ่มเข้ามา จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงไม่เลือกนางอย่างแน่นอน
ตอนจบจะเป็เช่นไรทำได้เพียงรอคอย
ในความเงียบสงบหม่านกงกงเริ่มพลิกกองกระดาษที่ซ้อนเป็ชั้นหนาๆ ในมืออย่างไม่รีบร้อน แล้วเริ่มอ่านรายชื่อทีละแผ่นพร้อมกับเปรียบเทียบดวงชะตาวันเกิด
“จั่วอันอัน ไม่ใช่”
“เซี่ยเสี่ยวเมิ่ง ก็ไม่ใช่…”
“ฮวั่นหลาน…ไม่ใช่”
“หลินเสี่ยวปู้…ไม่ใช่…ไม่ใช่…ก็ไม่ใช่! ”
หม่านกงกงไม่เพียงแต่ตรวจสอบด้วยตนเองแล้ว แต่ยังนำใบรายชื่อแต่ละใบส่งต่อไปให้ศาสตราจารย์แพทย์ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งด้วย หลังจากที่ศาสตราจารย์แพทย์ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นส่งต่อไปให้ซ่างกวนยิงหงทีละแผ่น เพื่อตรวจสอบเป็ครั้งที่สาม ด้วยวิธีการนี้ กระบวนการคัดเลือกทั้งหมดจึงดูเหมือนว่าค่อนข้างจะเคร่งครัดรอบคอบ เปิดเผย และเที่ยงธรรม
ใบรายชื่อแต่ละแผ่น รายชื่อของแต่ละคนล้วนถูกปฏิเสธไม่หยุด รายชื่อที่ซ้อนกันเป็กองใหญ่ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้วอย่างรวดเร็ว มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เริ่มค่อยๆ แสดงความคิดเห็นขึ้นมาโดยสงสัยว่าน่าจะไม่มีดวงชะตาวันเกิดของแพทย์หญิงคนไหนที่ตรงตามเงื่อนไข
“กูเฟยเยี่ยน…”
จู่ๆ หม่านกงกงก็ได้อ่านมาถึงชื่อของกูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนที่ก้มหน้าก้มตามาโดยตลอด เงยมองขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามนอกจากนางแล้ว เหล่าแพทย์หญิงที่อยู่รอบข้างเมื่อได้ยินชื่อนี้ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แม้กระทั่งองค์หญิงหวายหนิงก็ทำเพียงแค่ชำเลืองตามองกูเฟยเยี่ยนอย่างเหยียดหยามและไม่สนใจไยดี
ทว่าหม่านกงกงไม่ได้ปฏิเสธรายชื่อนี้เหมือนกับคนก่อนๆ แต่มองไปยังรายชื่อที่อยู่บนมือ ผ่านไปสักพักก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หรือว่า…
ในเวลานี้ทุกคนล้วนเกิดความตึงเครียดขึ้นมา องค์หญิงหวายหนิงรีบร้อนเอ่ยถาม “เซี่ยเสี่ยวหม่าน เ้าดูอะไรอยู่ พูดออกมาสิ! ”
“เรียนองค์หญิงหวายหนิง ดวงชะตาวันเกิดของกูเฟยเยี่ยน…”
หม่านกงกงขมวดคิ้วเป็ปมแน่นและมีสีหน้าที่ซับซ้อน เขาพูดจาอึกๆ อักๆ แล้วนำใบรายชื่อที่อยู่บนมือยื่นไปให้ศาสตราจารย์แพทย์ ศาสตราจารย์แพทย์ดูอย่างจริงจัง เพียงครู่เดียวคิ้วก็ขมวดเป็ปมแน่นกว่าหม่านกงกงเสียอีก สีหน้าท่าทางก็ซับซ้อนยิ่งกว่าหม่านกงกงอีกด้วย
“หนานกงชิงอวิ๋น เ้าพูดสิ! ”
องค์หญิงหวายหนิงเกิดความร้อนอกร้อนใจแล้ว แต่ว่าศาสตราจารย์แพทย์เหลือบมองไปที่องค์หญิงหวายหนิงอย่างไม่มีทางเลือก แล้วนำใบรายชื่อส่งต่อไปให้กับซ่างกวนยิงหง “เชิญซ่างกวนยิงหงตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งดีกว่า”
ความหมายของคำนี้คือ…
สีหน้าท่าทางขององค์หญิงหวายหนิงปรากฏถึงความคาดไม่ถึง และทุกคนบริเวณรอบข้างก็ล้วนตื่นตระหนกใ ซ่างกวนยิงหงได้เห็นถึงดวงชะตาวันเกิดบนใบรายชื่อแล้ว นางไม่ขมวดคิ้ว สีหน้าท่าทางก็ไม่ซับซ้อน แต่ตกตะลึงตาค้างออกมา แล้วไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะหนึ่ง
ในที่สุดองค์หญิงหวายหนิงก็โกรธขึ้นมา “ซ่างกวนยิงหง เ้ายังมัวเชื่องช้าอยู่ทำไม พูดสิ! ”
ในตอนนี้ซ่างกวนยิงหงจึงได้สติกลับมา เพียงแต่ว่านางไม่ได้เอ่ยออกมาในทันที นางไม่กล้า!
ตระกูลฉีลงทุนไว้มากมายเพื่อ้าให้นังหนูผู้นี่ตาย สองพ่อลูกตระกูลฉียังคุกเข่าอยู่ที่ห้องยาสำนักหมอหลวงไม่ไปไหน! องค์หญิงหวายหนิงยิ่งไม่เกรงกลัวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ พระองค์เสด็จมาขอคนด้วยตัวพระองค์เองโดย้าให้นังหนูผู้นี่ตายดีกว่ามีชีวิตอยู่!
ในตอนนี้กูเฟยเยี่ยนกลับกลายมาเป็แพทย์หญิงที่ได้รับการคัดเลือกของจิ้งหวางฝู่
นี่มัน…
องค์หญิงหวายหนิงรอคอยไม่ไหวจึงลุกขึ้นอย่างรุนแรง แล้วก้าวไปทางซ่างกวนยิงหง จากนั้นจึงแย่งใบรายชื่อที่อยู่บนมือมาดูโดยตรง
ในคราวนี้ลานที่เดิมทีก็เงียบสงบอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้ราวกับว่ากลายมาเป็โลกที่ไร้เสียง
ไม่รู้ว่านานเพียงใดแล้ว จู่ๆ องค์หญิงหวายหนิงก็ได้เงยหน้าขึ้นหันมามองกูเฟยเยี่ยน ั์ตาหรี่ลงดั่งเส้นตรง ภายในดวงตาครอบคลุมไปด้วยความจงเกลียดจงชังอย่างลึกซึ้ง
ทุกอย่างไม่สามารถชัดเจนได้กว่านี้แล้ว
ต่อให้องค์หญิงหวายหนิงไม่พูดอะไรออกมา ผู้คนล้วนเข้าใจอย่างชัดเจนว่ากูเฟยเยี่ยนก็คือผู้ที่่ได้รับคัดเลือก
กูเฟยเยี่ยนรู้ดีว่าจะเป็เช่นไรมาโดยตลอด สิ่งที่นางรอคอยและประหม่านั้นไม่ใช่ชื่อของตนเอง แต่เป็ของผู้อื่น
ถึงแม้ว่าในเวลานี้ภายในจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นขององค์หญิงหวายหนิงแล้ว นางก็ไม่ได้แสดงออกถึงความตื่นตระหนกใออกมาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับมอบรอยยิ้มยั่วยุไปให้องค์หญิงหวายหนิงแทน
นางก็ไม่สนใจด้วยว่า ยังจะมีผู้ที่ได้รับการคัดเลือกอีกหรือไม่
หากว่าในท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็เส้นทางที่มีแต่ความตาย เช่นนั้นนางก็ขอสะใจก่อนค่อยตายละกัน!
หากว่าในท้ายที่สุดแล้วเป็เส้นทางที่มีชีวิตรอดต่อไปได้ ความอัปยศอดสูและความเหยียดหยาม ในวันนี้นางจะต้องเอาคืนทั้งหมด ยั่วยุ…นับว่าเป็อะไร?
กูเฟยเยี่ยนหัวเราะแล้วเอ่ยเสียงดังลั่น “การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ขององค์หญิงหวายหนิงนั้น หรือว่าพระองค์้าช่วยเหลือซ่างกวนยิงหงในการประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือก? ”
เดิมทีองค์หญิงหวายหนิงก็โกรธจัดแล้ว ทันทีที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้นางยิ่งโกรธแค้นมากกว่าเดิม นางนำใบรายชื่อของกูเฟยเยี่ยนขยำจนกลายเป็ก้อน
กูเฟยเยี่ยนยังคงหัวเราะและไม่ได้ยับยั้ง นางรู้ดีว่าจะมีผู้ยับยั้งแน่นอน
แน่นอนว่าม่านกงกงร้อนใจแล้ว “องค์หญิง จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยยังทรงประทับอยู่ที่จวนรอคอยนู๋ไฉ องค์หญิงได้โปรดเห็นแก่เตี้ยนเซี่ย โปรดเห็นใจอำนวยความสะดวกให้นู๋ไฉพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดเหล่านี้ของหม่านกงกงฟังดูแล้วเกรงอกเกรงใจ แต่ในความเป็จริงนั้นกำลังเตือนสติองค์หญิงหวายหนิง ไม่ให้ขัดขวางการงานของจิ้งหวางฝู่ องค์หญิงหวายหนิงรู้ดีอยู่แก่ใจ นางจึงเอ่ยด้วยความโกรธ “ในเมื่อท่านพี่จิ้งหวางทรงรอคอยอยู่ เ้ายังไม่รีบตรวจสอบรายชื่อที่เหลือทั้งหมดอยู่อีก! ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกไม่แน่อาจไม่ได้มีแค่คนเดียว! ”
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ! ”
หม่านกงกงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าไม่ได้ตรวจสอบรายชื่อในทันที แต่พูดว่า “องค์หญิง ตามกฎระเบียบแล้วยังต้องประกาศดวงชะตาวันเกิดของกูเฟยเยี่ยนออกมา ใบรายชื่อนี้ก็ต้องส่งมอบให้กับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงตรวจดู”
กูเฟยเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เป็รอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มของความดื้อรั้นและไม่ใช่การยั่วยุ แต่เป็รอยยิ้มที่มีความสุขจริงๆ องค์หญิงหวายหนิงโกรธจนใบหน้าเขียว แล้วโยนก้อนกระดาษที่อยู่ในมือไปให้หม่านกงกงอย่างรุนแรง…