ลู่จื่อยู่ยืนอยู่ไม่ไกล สายตาของเขาจับจ้องที่หลินกู๋หยู่เงียบๆ จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองสมุนไพรที่ขอบหน้าผาสูงชันอย่างเป็กังวล
แม้ว่าสมุนไพรนั้นจะหายาก แต่ตอนนี้สุขภาพของฉือหางก็เกือบจะดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องใช้สมุนไพรชนิดนี้ถึงเพียงนั้น
ลู่จื่อยู่ก้าวไปข้างหน้า ดึงมือหลินกู๋หยู่เต็มแรง
“อ๊ะ?” หลินกู๋หยู่ล้มลงต่อหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อาจควบคุมได้ กระแทกศีรษะตรงหน้าลู่จื่อยู่อย่างแรง
มือขวาของนางถูกเขาจับไว้แน่นมาก หลินกู๋หยู่พยายามทรงตัวให้มั่นคง ก่อนที่จะถอยหลังหนึ่งก้าว
นางพยายามดิ้นรนอย่างหนักในการสะบัดมือออก แต่ลู่จื่อยู่ก็จับไว้แน่นมาก
“เ้าปล่อยมือ!” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในดวงตาของนางแสดงอาการไม่พอใจ
นางไม่ชอบให้คนแปลกหน้าแตะตัว
"ข้าไปเอง" ลู่จื่อยู่เงยหน้าขึ้นมองสมุนไพร หรี่ตาลงอย่างเศร้าสร้อย ปล่อยมือของหลินกู๋หยู่ราวกับไม่เต็มใจ
ทันใดนั้น หลินกู๋หยู่ก็ดึงมือด้วยความเร็ว เกราะป้องกันบนใบหน้าก็หายวับไป
ความอ้างว้างปรากฏในดวงตาของลู่จื่อยู่แวบหนึ่ง เสียงของเขาทุ้มต่ำ "ข้าจะปีนขึ้นไปเก็บสมุนไพร"
"ไม่ต้องแล้ว"
หลินกู๋หยู่ปฏิเสธโดยตรง
ให้ตายสิ ถ้าลู่จื่อยู่ปีนขึ้นไปแล้วเกิดอะไรเกิดขึ้นกับเขา นางจะทำอย่างไร?
คุณชายอย่างลู่จื่อยู่ต้องไม่เคยทำงานหนักใดๆ เป็แน่ เขาจะมีพละกำลังมากเสียที่ไหนกัน การปีนหน้าผาต้องใช้ทักษะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำแบบลวกๆ ได้
ในยุคปัจจุบันนางเป็นักปีนหน้าผา ทว่าเวลาปีนผานางมักจะมีเชือกนิรภัยผูกไว้กับตัวเสมอ
แต่ที่นี่ไม่มีสิ่งเ่าั้ กระนั้นก็ตาม นางจะต้องปีนขึ้นและลงโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
“ข้าจะขึ้นไปเอง” หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย มองไปที่ลู่จื่อยู่อย่างจริงจัง “เ้าไม่จำเป็ต้องขึ้นไป”
ลู่จื่อยู่ตรึงพัดไว้ที่เอวพลางพับแขนเสื้อขึ้น
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของลู่จื่อยู่ หลินกู๋หยู่ปีนขึ้นไปโดยตรง
หลังจากคำนวณเส้นทางในตอนแรก หลินกู๋หยู่ก็ปีนขึ้นไปอย่างราบรื่น นางคล้ายตุ๊กแก ทั้งว่องไวและมั่นคงมาก
เส้นที่สั้นที่สุดระหว่างสองจุดเป็ระยะทางที่สั้นที่สุดเช่นกัน แต่กลับไม่เหมาะสำหรับปีน
ตอนนี้นางสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบเิเ หาก้าปีนขึ้นไป นางต้องหาหินรองเท้าที่เหมาะสม
แม้ว่าจะมีหินยื่นออกมามากมายระหว่างหน้าผา แต่รูปร่างและขนาดของหินหลายก้อนก็มีความแตกต่างกัน ระยะห่างระหว่างหินทั้งสองก็ต่างกัน ซึ่งจะทำให้นักปีนหน้าผามีความลำบากต่างกันไปด้วย
จุดประสงค์พื้นฐานของการใช้มือในการปีนคือเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนตัวขึ้นไปใกล้กำแพงหินมากที่สุด นักปีนผาต้องให้ความสนใจกับตำแหน่งที่จะจับจุดต่างๆ
ลู่จื่อยู่ที่ยืนอยู่ด้านล่างมองความเร็วในการปีนผาของหลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ
ในตอนแรกเขาก็ปีนขึ้นไปด้วย แต่หลังจากนั้นเพียงสองสามก้าว มือของเขาก็จับก้อนหินไม่ได้ เท้าของเขาก็ไม่สามารถเหยียบจุดศูนย์กลางถัดไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับลงมา
ใน่แรกความเร็วของหลินกู๋หยู่นั้นเร็วมาก แต่ค่อยๆ ช้าลง พื้นผิว้าเรียบกว่าและมีหินไม่มาก
เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่เข้าใกล้สมุนไพรมากขึ้น ลู่จื่อยู่ก็กังวลกว่าเดิม
ชายหนุ่มมองไปที่สมุนไพรที่หลินกู๋หยู่้าด้วยหัวใจเต้นแรง แต่กระนั้นก็ตามก็ยังมีระยะห่างระหว่างนางกับสมุนไพรอยู่ การยื่นมือออกไปคว้าอาจไม่สามารถคว้ามันได้ก็เป็ไปได้
ฝ่ามือของลู่จื่อยู่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง
หลินกู๋หยู่ติดแน่นกับผนัง ตอนนี้นางควรปีนไปทางขวาเล็กน้อย เช่นนั้นนางจึงจะหยิบสมุนไพรได้
การบินเหนือชายคาและกำแพง หลินกู๋หยู่ไม่รู้ว่าที่นี่มีใครบ้างที่สามารถบินข้ามชายคาและกำแพงได้ นางไม่เข้าใจว่าคนเหล่านี้เอาชนะแรงโน้มถ่วงได้อย่างไร
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่บนนั้น สายตามองไปที่สมุนไพรทางด้านขวาก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ
ตอนนี้นางกำลังจะปีนไปทางขวา บางครั้งการปีนไปทางซ้ายและขวาก็ยากที่สุด
ลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเป็กังวล เขาไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวว่านางจะปล่อยมือโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่อ่อนแออย่างหลินกู๋หยู่ปีนขึ้นไปได้อย่างไร
เห็นเด็กสาวยกเท้าซ้ายขึ้นเหนือเท้าขวาอย่างระมัดระวัง หันเท้าขวาไปทางขวาเล็กน้อย ใช้เท้าซ้ายตัดจาก้า เหยียบตรงจุดนั้น แล้วถอยเท้าขวาออกมาอย่างรวดเร็ว เหยียบหินข้างๆ
เป็เพียงการกระทำที่เรียบง่ายทว่าทำให้ลู่จื่อยู่หวาดกลัว
ถ้าทำไม่สำเร็จ เกิดพลาดตกลงมาจะทำอย่างไร?
หลินกู๋หยู่เคลื่อนตัวย้ายไปทางขวา ลู่จื่อยู่ที่ยืนอยู่ด้านล่างก็ย้ายไปทางขวาเช่นกัน
เพราะเหตุใด
นางรักผู้ชายคนนั้นมากงั้นหรือ? เพื่อผู้ชายคนนั้น แม้กระทั่งชีวิตนางก็ยอมสละได้?
ตราบใดที่เขาคิดถึงสิ่งนี้ ในอกของลู่จื่อยู่ก็ดูเหมือนจะถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่ง แม้แต่การหายใจก็ยังรู้สึกลำบาก
มีร่องรอยของหยาดเหงื่อบนหน้าผาก หลินกู๋หยู่กัดริมฝีปาก มือทั้งสองข้างจับหินไว้แน่น
นิ้วมือของนางฝังลึกลงไปในรอยแยกของหิน ฝ่ามือของนางก็เต็มไปด้วยรอยแผล
หลินกู๋หยู่มองไปที่สมุนไพรและนึกถึงสิ่งที่นางเคยเห็นในหนังสือที่เคยอ่านมาก่อน
หญ้าเกิดใหม่
หญ้านี้เป็หญ้าในตำนานที่ลือกันว่า หลังจากกินหญ้าชนิดนี้เข้าไป โรคทั้งหมดจะหายไป ผลที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก
ในยุคปัจจุบัน หญ้าเกิดใหม่เป็เพียงตำนาน และเป็ตำนานที่ไม่อาจบรรลุได้
แต่ในตอนนี้ดวงตาที่สวยงามของนางกำลังจ้องมองไปที่หญ้าชนิดนั้น หญ้าเกิดใหม่ไม่ใช่ตำนานอีกต่อไปแล้ว
หญ้าเกิดใหม่มีใบทั้งหมดสิบใบ มีดอกสีเหลืองอยู่ตรงกลางหนึ่งดอก
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นดอกไม้สีเหลืองนั่น หลินกู๋หยู่คงจะจำมันไม่ได้ชั่วขณะ
นางเหยียดมือไปทางขวา พยายามเอื้อมจับสมุนไพร แต่มือของนางยาวไม่พอ
หลินกู๋หยู่พยายามยืดตัวไปอย่างสุดความสามารถ แม้จะเอนกายไปกว่าครึ่งแต่ก็ยังเอื้อมไม่ถึง
ยังต้องปีนไปทางนั้นอีก
หลินกู๋หยู่เกาะเข้ากับกำแพงแน่น มองไปที่หินข้างๆ เ่าั้ และค่อยๆ ไต่ไปอย่างระมัดระวัง
หลังจากปีนขึ้นไปอีกขั้นและเข้าใกล้อีกเล็กน้อย ในที่สุดหลินกู๋หยู่ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เมื่อเข้าไปใกล้สามารถมองเห็นรากของมันที่งอกขึ้นมาตามซอกหินได้อย่างชัดเจน ราวกับว่าพวกมันยังไม่ฝั่งรากเข้าไปในซอกหินอย่างสมบูรณ์
คงจะดีหากสามารถเอามันกลับไปปลูก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ มุมปากของหลินกู๋หยู่ก็อดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น เจือด้วยรอยยิ้มจางๆ ในดวงตา นางก้าวเท้าอย่างระมัดระวังก่อนจะดึงสมุนไพรออกมาพร้อมราก
หลังจากเก็บยาได้แล้ว หลินกู๋หยู่จับหินแน่นด้วยมือข้างเดียว ร่างกายพิงกำแพง เมื่อมองไปที่สมุนไพรในมือ มุมปากของหลินกู๋หยู่ก็ม้วนขึ้นช้าๆ
ดีจริงๆ
ในตอนที่ลู่จื่อยู่เห็นหลินกู๋หยู่เก็บยาสมุนไพรได้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"เ้าลงมาเถอะ!" ลู่จื่อยู่มองไปที่หลินกู๋หยู่้าอย่างเหม่อลอย อดไม่ได้ที่จะะโเรียก
เมื่อได้ยินเสียงของลู่จื่อยู่ หลินกู๋หยู่ก็รีบเหน็บสมุนไพรไว้ที่เอวแล้วปีนลงมาอย่างระมัดระวัง
ลงตามเส้นทางเดิมเป็วิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว
หลินกู๋หยู่ไปทางซ้ายสองสามก้าวก่อนแล้วจึงลงอย่างระมัดระวัง
ลู่จื่อยู่มองหลินกู๋หยู่ที่เหยียบหินด้วยนิ้วเท้าเท่านั้น ในใจนั้นเป็ห่วงอย่างมาก แต่กระนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดมากกว่านี้
หลินกู๋หยู่ค่อยๆ ตระหนักว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของนางหมดลงแล้ว และบางครั้งนางก็รู้สึกว่านางไม่สามารถทำในสิ่งที่นาง้าได้
หลินกู๋หยู่รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย นางหยุดก้าวเท้า พิงตัวบนขอบหน้าผา หอบเล็กน้อย
ร่างกายนี้บอบบางและอ่อนแอจริงๆ นางแค่ปีนเล็กน้อยเท่านั้นเอง และตอนนี้นางเหนื่อยมากแล้ว
ดวงตาปิดแน่น หลังจากนั้นหลินกู๋หยู่ก็เปิดตาอีกครั้งพลางหายใจเข้าลึกๆ
ตอนนี้นางพึ่งคนอื่นไม่ได้ ถ้านางอยากมีชีวิตต่อไปอย่างปลอดภัย นางจะต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
สกุลหลินยากจนจริงๆ พวกนางมีอาหารสำหรับกินน้อยมาก นางจะเอากำลังกายที่แข็งแรงมาจากไหน?
หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
หลังจากพักอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดร่างกายของหลินกู๋หยู่ก็ดีขึ้นเล็กน้อย นางปีนลงมาอย่างระมัดระวัง
ขาขึ้นง่ายกว่าขาลง
เมื่อหลินกู๋หยู่ลงไป นางต้องมองไปที่หินด้านล่าง ซึ่งทำให้ค่อนข้างลำบากอยู่หลายส่วน และไม่รู้ว่าจะเหยียบหินเหล่านี้ได้เมื่อไร
ฝ่ามือของลู่จื่อยู่มีเหงื่อเย็นซึมออกมา เขามองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างประหม่า ไม่รู้ว่านางจะปีนลงมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่ที่ยังคงอยู่ในจุดที่ความสูงราวสองคนต่อกัน ทันใดนั้นเองนางก็หยุดเคลื่อนไหว
ลู่จื่อยู่มองดูอย่างเป็กังวล อดไม่ได้ที่จะถาม "เ้าเป็อย่างไรบ้าง?"
หลินกู๋หยู่เกาะติดกับผนัง หน้าอกของนางกระเพื่อม ปากเล็กๆ คล้ายลูกอิงเถา[1] ของนางเปิดออกเล็กน้อย นางกำลังหอบอย่างหนัก
หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะคิดว่าวันข้างหน้านางจะต้องออกกำลังกายเป็ประจำ คิ้วของนางขมวดแน่นยิ่งขึ้น
"ไม่เป็ไร" หลังจากนั้นไม่นาน ลู่จื่อยู่ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของหลินกู๋หยู่
หลินกู๋หยู่มองลงไปที่ลู่จื่อยู่ซึ่งอยู่บนพื้นปราดหนึ่ง มุมริมฝีปากของนางโค้งเล็กน้อย
เกือบถึงพื้นด้านล่างแล้ว
แค่สู้ต่อไปอีกสักครู่ก็จะถึงแล้ว
หลินกู๋หยู่ก้าวลงด้วยเท้าซ้ายอย่างระมัดระวัง ในตอนแรกนางมักจะเหยียบอากาศเสมอ แต่ในที่สุด หลังจากที่นางตั้งหลักได้อย่างมั่นคง หลินกู๋หยู่ก็ปล่อยเท้าขวาลงไปสำรวจ
หัวใจของนางเต้นแรงทันที
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าหินที่เท้าด้านซ้ายของนางดูเหมือนจะหลวมๆ ก่อนที่เท้าขวาของนางจะเหยียบหิน หินที่เท้าด้านซ้ายของนางก็ตกลงสู่พื้นโดยไม่ลังเล
มือทั้งสองข้างจับรอยแตกของหินอย่างแ่า หยาดเหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาจากแผ่นหลัง ร่างกายของนางลอยในอากาศ เท้าทั้งสองข้างย่อมห้อยอยู่กลางอากาศอย่างเป็ธรรมชาติ
ิัที่ข้อมือสึกแตกเนื่องจากหิน เืไหลซึมออกมาด้วยความเ็ปถึงขั้นมีเหงื่อเย็นซึมออกมา
ดวงอาทิตย์ทอแสงลงมาจากท้องฟ้าโดยตรง ตกลงสู่ดวงตาของหลินกู๋หยู่ นางรู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีเพียงความมืด
รู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่หลายส่วน
หลินกู๋หยู่รู้ว่านางมีภาวะน้ำตาลในเืต่ำ
ลู่จื่อยู่มองหลินกู๋หยู่ที่อยู่กลางอากาศด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่านางไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเขาจึงรีบะโ "เหยียบหินเร็วเข้า!"
หากเท้าไม่เหยียบอะไรเลย เมื่อมือของหลินกู๋หยู่อ่อนแรง นางจะตกลงมาจาก้าได้อย่างง่ายดาย
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ลู่จื่อยู่ก็เหงื่อแตก
หลินกู๋หยู่ยกเท้าขึ้นคลำหาหิน ในที่สุดก็เหยียบลงบนก้อนหินก้อนหนึ่ง ในขณะที่นางกำลังจะยกเท้าอีกข้างเพื่อเหยียบ หินที่มือทั้งสองจับอยู่พลันหลุดออก
ร่างกายเล็กๆ เอนไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่ได้
จบแล้ว นางจะตายเพราะพลัดตกจากการปีนหน้าผาเช่นนี้หรือ?
นางรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว
ลู่จื่อยู่หน้าซีดด้วยความใ เขาวิ่งไปรับหลินกู๋หยู่ด้วยความตื่นตระหนก แขนทั้งสองข้างของเขากางออก
ในขณะที่นางตกลงมา ขณะนั้นเองลู่จื่อยู่รู้สึกทรมานอย่างมาก ถ้านางเสียชีวิต เขาก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปเช่นกัน
เขา้าที่จะตายไปกับนาง
รูม่านตาสีเข้มของลู่จื่อยู่ยังคงขยายออกด้วยความตระหนกระคนหวาดกลัว เขาทำได้เพียงเบิกตากว้างเฝ้าดูการตกลงมาของนาง
……………………………………………….
[1] ลูกอิงเถา หมายถึง ลูกเชอรี่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้