คังเหว่ยถูกรถชน!
แม้คังเหว่ยจะไม่ใช่ลูกชายของกวนฮุ่ยเอ๋อ แต่คังเหว่ยก็เป็ดั่งหลานชายที่เห็นมาั้แ่เด็ก เขามักตามติดโจวเฉิงตลอดทั้งวัน เคยมากินข้าวนอนค้างคืนที่บ้านโจวก็ตั้งหลายครั้ง... หากคังเหว่ยเป็อะไรไป กวนฮุ่ยเอ๋อก็คงรับไม่ไหว และเธอก็เป็ห่วงว่าเซี่ยอวิ๋นจะรับไม่ได้เช่นกัน!
“คุณน้า คุณน้าคะ?”
กวนฮุ่ยเอ๋อใจลอย เซี่ยเสี่ยวหลานจึงส่งเสียงเรียกจากปลายสาย “...ตอนนี้การผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว มีนายกเทศมนตรีทังช่วยหาแพทย์ที่ดีที่สุดมาให้ค่ะ สัญญาณชีพของเขาเองก็เป็ปกติดี ตอนนี้เหลือแค่รอให้เขาฟื้นเท่านั้นค่ะ”
เด็กคนนี้พูดอะไรน่าตกอกใ ทำเอากวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกช่วยขึ้นมาจากการจมน้ำ
เป็เธอเองที่ใจร้อนเกินไป พอคิดได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานก็นั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน กวนฮุ่ยเอ๋อก็เตือนตนเองว่าห้ามสติหลุดเป็อันขาด “แล้วเธอล่ะ เธอาเ็หรือเปล่า”
เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่ามีแค่แผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้น กวนฮุ่ยเอ๋อจะได้ไม่ต้องเป็ห่วงเธอด้วยอีกคน
ผู้ก่อเหตุคือนักธุรกิจฮ่องกง อีกทั้งยังเป็ตู้เ้าฮุยที่กวนฮุ่ยเอ๋อเคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วย เธอกลัวเหลือเกินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะถูกคนอื่นรังแก เพราะตู้เ้าฮุยไม่ใช่คนดีอะไร ก่อนหน้านี้ชายคนนี้ก็เคยใช้เงินหลายล้านหยวนเพื่อบีบให้หวังก่วงผิงหลีกทางให้ วิธีการทำงานของตู้เ้าฮุยเป็อย่างไรทุกคนล้วนรู้ๆ กันอยู่
คนแซ่ตู้อาจจะคิดว่าตนไม่ได้ทำผิด ขับรถชนคนในแผ่นดินใหญ่เป็เพียงเื่เล็กน้อย ต่อให้เขาชนคนตายก็มีเงินจ่ายค่าชดเชยให้อย่างแน่นอน
“วางใจได้ ฉันจะบอกที่บ้านคังเหว่ยให้เอง พวกเราจะรีบเดินทางไปที่นั่นทันที!”
หลังวางสาย กวนฮุ่ยเอ๋อก็รู้สึกกลุ้มใจยิ่งกว่าเดิมว่าเธอควรบอกใครดี
เื่แบบนี้ผู้ชายสามารถรับมือได้ดีกว่าผู้หญิง ทว่าพ่อบังเกิดเกล้าของคังเหว่ยไม่อยู่แล้ว ส่วนความสามารถในการรับมือกับเื่ไม่คาดฝันของเซี่ยอวิ๋นแม่คังเหว่ยก็... กวนฮุ่ยเอ๋อได้แต่ถอนหายใจ จะไม่บอกเซี่ยอวิ๋นก็คงไม่ได้ แม้ตอนนี้อาการของคังเหว่ยจะยังคงนิ่งอยู่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ได้สติ หากอาการทรุดลงอย่างกะทันหัน เซี่ยอวิ๋นอาจจะไม่ได้พบหน้าลูกเป็ครั้งสุดท้ายหรือเปล่า?
คิดแบบนี้ช่างไม่เป็มงคลเอาเสียเลย แต่ด้วยวัยของกวนฮุ่ยเอ๋อเธอไม่สนใจเื่ความเชื่อพวกนี้สักนิด การคิดอย่างมีสติจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้นเธอต้องพิจารณาทั้งในแง่ดีและแง่ร้ายที่สุดเอาไว้ก่อน!
เธอบอกเื่นี้กับโจวกั๋วปิน เขารีบถามถึงเซี่ยเสี่ยวหลานก่อนทันที
กวนฮุ่ยเอ๋อยังไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานประสบอุบัติเหตุตอนขากลับจากไปหาโจวเฉิง มิเช่นนั้นเธอคงโทษตัวเองอย่างแน่นอน
โจวกั๋วปินได้ยินว่าคังเหว่ยยังไม่ฟื้นก็คิดจะบอกตระกูลคัง แต่พอคิดถึงนิสัยของเซี่ยอวิ๋นแล้วก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที “บอกอารองของเขา สองผู้าุโของตระกูลคังอายุมากแล้ว ไว้คังเหว่ยฟื้นก่อนค่อยคิดอีกทีว่าจะแจ้งให้พวกท่านทราบหรือไม่”
ตอนนี้ตระกูลคังมีอารองของคังเหว่ยเป็เสาหลัก การพาเซี่ยอวิ๋นไปด้วยคงช่วยอะไรมากไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องแจ้งเื่นี้กับอารองของคังเหว่ย
มีคนนอกจับตาดูอยู่มากมาย อารองของคังเหว่ยจะเมินเฉยได้หรือ
แม้อารองของคังเหว่ยจะไม่ใส่ใจหลานชายอย่างเต็มที่ ไม่ได้เห็นเขาเป็ดั่งลูกชายของตัวเอง แต่อย่างไรความผูกพันระหว่างอาหลานคงพอมีอยู่บ้าง ภายในตระกูลคังเป็อย่างไรนั้นไม่สำคัญ ทว่านี่เป็เื่ของตระกูลคังกับคนนอก คังเหลียนิคงไม่เข้าข้างคนนอก มิเช่นนั้นเขาคงถูกตำหนิอย่างรุนแรงน่ะสิ
ตอนคังเหลียนิได้รับข่าว เขาอยู่ระหว่างการประชุม แต่ท่าทีของเขาเป็เหมือนที่โจวกั๋วปินคาดการณ์ไว้
“ผมจะรีบให้คนจองตั๋วเครื่องบินทันที”
คังเหว่ยเกิดอุบัติเหตุรถชน
การประชุมไม่สามารถดำเนินต่อได้ คังเหลียนิสั่งให้เลขาของเขาจองตั๋วเครื่องบิน ส่วนตัวเองนั่งรออยู่ที่ห้องทำงาน เขาหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน ทว่าจุดอยู่นานก็ไม่ติดเพราะมือของเขาสั่นเกินไป สภาพจิตใจของคังเหลียนิเวลานี้เหมือนย้อนกลับไปยังตอนที่ได้รับข่าวการสละชีพเพื่อชาติของพี่ใหญ่เมื่อ 22 ปีก่อน ตอนนั้นเขารู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมา และตอนนี้ความรู้สึกของเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร
เขาโยนบุหรี่ในมือทิ้งก่อนจะโทรไปยังที่ทำงานของพี่สะใภ้อย่างเซี่ยอวิ๋น เสียงสัญญาณทำให้เขารู้สึกงุ่นง่าน หลังปลายสายกดรับและได้ยินเสียงของเซี่ยอวิ๋น คังเหลียนิก็พยายามทำน้ำเสียงให้เป็ปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่สะใภ้ พี่ช่วยเก็บสัมภาระทีนะครับ อีกเดี๋ยวผมจะให้คนไปรับพี่เพื่อไปสนามบิน ครับ ผมจะไปเผิงเฉิงกับพี่... พอดีผมทราบมาว่าคังเหว่ยอยู่ที่เผิงเฉิง และตอนนี้เขาเกิดอุบัติเหตุรถชนนิดหน่อย ดังนั้นพวกเราจะไปเยี่ยมเขากัน... พี่อย่าเพิ่งร้องไห้สิครับ เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว เวลานี้ต้องมีครอบครัวไปอยู่เป็เพื่อนเขา และคอยจัดการเื่อุบัติเหตุให้ พี่สะใภ้ มีแค่พวกเราสองคนที่จะไปที่นั่น พี่อย่าเพิ่งบอกคุณพ่อคุณแม่นะครับ”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา คังเหลียนิก็เจอเซี่ยอวิ๋นที่มาพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ
ขอบคุณ์ที่เซี่ยอวิ๋นเห็นเขาแล้วไม่ร้องไห้ออกมา
คนที่ขึ้นเครื่องบินไปด้วยกันยังมีกวนฮุ่ยเอ๋ออีกคน แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะบอกว่าไม่เป็อะไร แต่กวนฮุ่ยเอ๋อคิดว่าตนควรไปเยี่ยมเธอเสียหน่อย และครั้งนี้โจวกั๋วปินก็ไม่ได้เอ่ยปากห้ามแต่อย่างใด
พอเห็นกวนฮุ่ยเอ๋อ เซี่ยอวิ๋นก็เริ่มควบคุมอารมณ์ของตนไว้ไม่อยู่
กวนฮุ่ยเอ๋อโอบไหล่เธออย่างปลอบโยน “อย่าร้องไห้สิ คังเหว่ยรอให้เธอช่วยจัดการเื่ต่างๆ อยู่นะ!”
คังเหลียนิไม่พูดไม่จา เขารู้ดีว่าคนอื่นคิดกับเขาอย่างไร บอกว่าเขาพยายามกดขี่ทายาทของพี่ใหญ่ ไม่เลี้ยงดูคังเหว่ยให้ดีน่ะสิ
ต้องเลี้ยงดูอย่างไรกัน?
ทำเหมือนตระกูลโจวที่ส่งโจวเฉิงเข้ากองทัพถึงจะเรียกว่าได้สานปฏิภาณของผู้เป็พ่อ ถึงจะสมศักดิ์ศรีอย่างนั้นหรือ?
จะมีศักดิ์ศรีไปเพื่ออะไร ตระกูลคังสามารถเลี้ยงคังเหว่ยได้ มีงานดีๆ ให้ทำ ดังนั้นคังเหว่ยจะไม่มีวันอดตาย แถมยังอยู่รอดปลอดภัยดีอีกด้วย!
ทว่าคนหนุ่มกลับไม่ชอบงานสบาย อยากออกไปต่อสู้ฝ่าฟันด้วยตนเอง
ได้ยินว่า่นี้คังเหว่ยทำธุรกิจกับคนอื่นอยู่ทางใต้ คังเหลียนิยังไม่ทันได้มีโอกาสเปิดอกคุยกับคังเหว่ย ก็ได้ยินว่าคังเหว่ยเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน
เคราะห์ดีที่การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ทำให้คังเหว่ยรอดชีวิตกลับมาได้
คังเหลียนิมีสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่กวนฮุ่ยเอ๋อปลอบใจเซี่ยอวิ๋นอยู่ตลอดเวลา จากสายตาของผู้หญิงเช่นกวนฮุ่เอ๋อแล้วคุณอาอย่างคังเหลียนิดูเหมือนจะใจเย็นเกินไป
ความนิ่งเฉยบางครั้งก็เท่ากับความเ็า คงโทษกวนฮุ่ยเอ๋อไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าอารองอย่างคังเหลียนิดูไม่สนิทกับคังเหว่ยเอาเสียเลย
—---------------------------------------------------
สัญญาณชีพของคังเหว่ยค่อนข้างมั่นคง
ตอนนี้เขาได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดแล้ว ทังหงเอินจึงไล่เซี่ยเสี่ยวหลานไปทานอาหาร อย่างไรก็ตามสองมือเธอถูกผ้าพันแผลห่อเป็ซาลาเปาเช่นนี้ โชคดีที่มีไป๋เจินจูอยู่ด้วยจึงทำให้เธอสามารถทานอาหารได้บ้าง
ตอนกินข้าว ทังหงเอินถามถึงสถานการณ์ตอนเกิดเหตุอย่างละเอียด
ได้ยินว่าเดิมทีรถพุ่งตรงมาจากด้านหน้า ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหักพวงมาลัยหลบได้ทันเวลา ถึงได้ชนเข้าที่ด้านหลังรถเท่านั้น เลขาเผิงลอบมองเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอช่างดวงแข็งจริงๆ หากดูจากทิศทางที่รถพุ่งมา คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับคงไม่รอดแน่นอน
“ตอนนั้นฉันได้ยินเสียงเบรก ก่อนที่หางตาจะเห็นว่ามีรถคันหนึ่งกำลังพุ่งตรงมา ความเร็วของรถคันนั้นเร็วมากค่ะ พวกเราไม่มีทางหลบพ้นอย่างแน่นอน แต่ใครจะไปคิดว่าพอหักพวงมาลัยแล้วจะสามารถหลบรถของตู้เ้าฮุยได้ ทว่ากลับชนเสาไฟฟ้าข้างหน้าแทนเสียได้”
ตอนนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เห็นว่าคังเหว่ยถูกกระแทกตรงบริเวณไหน เพราะตัวเธอเองก็กำลังวิงเวียนศีรษะ ตอนนี้พอคิดดูแล้ววินาทีนั้นเธอกับคังเหว่ยเจอกับแรงเหวี่ยงของรถ กระจกหน้ารถแตกกระจาย จากนั้นศีรษะของคังเหว่ยก็กระแทกเข้ากับพวงมาลัย โชคดีที่ทั้งคู่คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ทำให้ไม่ถูกเหวี่ยงออกจากตัวรถ
เลขาเผิงรู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานดวงแข็ง แน่นอนว่าเธอเองก็คิดแบบเดียวกัน!
“รถของตู้เ้าฮุยพุ่งเข้ามาชนอย่างไม่ได้ลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย ปัจจุบันกฎหมายไม่มีข้อกำหนดในเื่นี้ ต่อให้เป็ความผิดของคนขับรถ... พวกเราจัดการเขาไม่ได้เลยหรือคะ”
จาก ‘ประมวลกฎหมายอาญา’ ที่ประเทศจีนประกาศใช้ในปี 1979 เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าคงไม่มีบทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดกฎจราจร เนื่องตอนนี้บนท้องถนนยังมีรถยนต์อยู่บางตา โอกาสเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นจึงมีน้อยมาก และก็เพราะสาเหตุนี้ทำให้ตู้เ้าฮุยสามารถทำอะไรตามใจชอบได้ที่เผิงเฉิง... การจราจรของฮ่องกง รถสปอร์ตเร่งความเร็วไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ที่เผิงเฉิงไม่มีอุปสรรคใดมาขัดขวาง!
คังเหว่ยถูกผ่าตัดสมอง แต่ตู้เ้าฮุยแค่ฟันหักไปซี่เดียว เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้นเบาเกินไป
“คนตระกูลคังมาถึงเมื่อไรก็จะรู้เองว่าควรจัดการอย่างไร เธอคนเดียวไม่มีอำนาจตัดสินใจหรอก”
รอดูว่าคนตระกูลคังจะทำอย่างไรก็แล้วกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้ทังหงเอินมองตู้เ้าฮุยในแง่ลบไปแล้ว สถานภาพนักธุรกิจฮ่องกงของเขาไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรก็ได้!