โจรทั้งห้ามาถึงห้องโถงอย่างรวดเร็ว เพราะว่ารู้สึกผิด จึงไม่มีผู้ใดกล้าเงยหน้าขึ้นมองซูเหอ
พวกเขาก้มหน้าลง วางอาหารลงบนโต๊ะอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วก้าวถอยออกไป เมื่อพวกเขาไม่ได้ยินซูเหอพูดอันใดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกัน
“รองหัวหน้า ทุกท่าน เชิญรับประทานอาหารขอรับ หาก้าสิ่งใด เรียกพวกข้าได้เสมอ พวกเราไม่รบกวนแล้วขอรับ”
โจรป่าคนหนึ่งพูดขึ้น
หลังจากที่ซูเหอโบกมือ พวกเขาก็ถอยกลับออกไป
ยามนี้จึงเหลือเพียงคนที่คุ้นเคย สีหน้าของซูเหอจึงเปลี่ยนจากบึ้งตึงเป็มีรอยยิ้มทันที
“ทุกท่าน ทานดูสิเ้าคะ ลองดูว่าถูกปากพวกท่านหรือไม่” หลังจากที่นางพูดจบ ก็หยิบอาหารขึ้นมาทานโดยมิได้รอพวกเขา สีหน้าของนางดูพอใจมาก
เวินซียิ้มเล็กน้อย นางก้มศีรษะลง ใช้ตะเกียบคีบกะหล่ำปลีขึ้นมาและกำลังจะนำเข้าปาก แต่ทันใดนั้น กลิ่นหอมจางๆ บนกะหล่ำปลีก็ทำให้นางต้องขมวดคิ้วแน่น
นางรู้สึกว่าอาหารมีความผิดปกติ จึงเอ่ยเสียงแข็ง “อย่าเพิ่งทาน”
“มีอันใดหรือ?”
“อาหารมีอันใดผิดปกติขอรับ?”
“คุณหนูเวินซี มีอันใดผิดไปหรือขอรับ?”
......
ทุกคนหยุดทานและถามขึ้นพร้อมๆ กัน
เวินซีเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาแล้วก้มลงมองอาหาร
นางหยิบอาหารขึ้นมาที่ปลายจมูก พลันขมวดคิ้วในขณะที่ดมกลิ่น
มีกลิ่นหอมแรงๆ ที่ดูเหมือนจะเป็ยาสลบ
ซูเหอสับสน นางจ้องมองเวินซีพลันเลียนแบบท่าทีนั้นโดยนำอาหารขึ้นมาดม ในแววตาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย “พี่สะใภ้เป็อันใดเ้าคะ? เหตุใดข้ามิได้กลิ่นอันใดเลย?”
“ไม่มีอันใด เพียงแค่ถูกวางยาสลบ ส่วนอีกจานนี้มียาพิษ” เวินซีพูดอย่างใจเย็นแล้ววางจานกลับลงที่เดิม
“ยาสลบหรือ? ยาพิษ? เป็ไปมิได้น่า” ซูเหอขมวดคิ้วด้วยสีหน้าสงสัย
นางอยู่ที่นี่มานาน ไม่เคยมีผู้ใดวางยาพิษนาง เหตุใดจู่ๆ วันนี้ถึงมีคนลงมือได้? เพราะว่าไม่พอใจพวกเวินซีหรือ? แต่เหตุใดถึงวางยาพิษนางด้วยกันล่ะ? เป็ไปมิได้แน่...
“คุณหนูซู ดูนี่” เวินซียิ้มเล็กน้อย เพื่อที่จะทำให้นางเชื่อจึงหยิบเข็มเงินออกมาเล่มหนึ่ง เมื่อวางลงไปในจานอาหาร เข็มเงินก็เปลี่ยนเป็สีดำทันใด
“...” ซูเหอมีสีหน้ามืดลงทันที ภาพของผู้ต้องสงสัยพลันผุดขึ้นมา
หัวหน้าใหญ่?
หัวหน้าสาม?
หรือจะเป็ผู้อื่น?
นางเงียบไปครู่หนึ่งก็ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น หยิบดาบยาวที่อยู่บนโต๊ะพลันเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“จะไปที่ใดกัน?” จ้าวต้านถาม
“ไปหาคนวางยาพิษเ้าค่ะ” ซูเหอตอบอย่างเ็า
“คุณหนูซู ใจเย็นก่อน เ้าออกไปเช่นนี้มีแต่จะทำให้คนวางยาเตลิด เขาไม่ยอมรับผิดแน่” เวินซีกล่าว
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนาง ซูเหอก็หยุดลงแล้วเอ่ย “พี่สะใภ้ เช่นนั้นข้าจะทำเช่นไรล่ะเ้าคะ?”
“ทำตัวปกติ ประเดี๋ยวเราแสร้งทำเป็ถูกวางยา ดูว่าผู้ใดเข้ามาก็รู้แล้วมิใช่หรือ?” เวินซียิ้ม
“เช่นนั้นก็ว่าตามพี่สะใภ้เ้าค่ะ” นางคิดว่าเป็วิธีที่ดี ซูเหอจึงกลับมานั่งที่เดิม
ไม่มีผู้ใดทานอาหารต่อ แต่เพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย จึงคีบอาหารทิ้งลงใต้โต๊ะโดยไม่ให้เป็ที่สังเกต
เมื่อถึงเวลา ทุกคนก็ฟุบลงบนโต๊ะ แสร้งทำเป็สลบไป
ครึ่งชั่วยามต่อมา
รองหัวหน้าและหัวหน้าสามเดินเข้ามาเงียบๆ พร้อมกับพรรคพวก
เมื่อเห็นทุกคนนอนฟุบอยู่ พวกเขาก็มีสีหน้าดีใจ
“นางขยะซูเหอ ข้าก็นึกว่านางจะเก่งกาจสักเพียงใดกัน? แต่ก็ยังโดนหลอกง่ายเช่นนี้” หัวหน้าสามเอ่ยเยาะเย้ย
“หัวหน้าสามเก่งกาจกว่าเห็นๆ ขอรับ รองหัวหน้าเพียงแค่มีพละกำลังมากก็เท่านั้น” โจรคนหนึ่งชมเชยเขา พูดยกยอเขาจนได้ใจ
“ใช่ขอรับ ข้าไม่ชอบรองหัวหน้ามานานแล้ว เื่เล็กน้อยนางก็ใช้แส้ลงโทษพวกเราจนเกือบตาย มีนายคนใดที่คิดจะฆ่าลูกน้องจริงๆ กัน? ฆ่านางให้ตายเสีย นางมิใช่คนของเราสักหน่อย พวกเราเองก็ใช่ว่าจะขาดนางมิได้ เป็แค่สตรีผู้หนึ่ง คิดจะเป็ผู้นำคนได้เช่นไร? น่าตลกเสียจริง”
“ซูเหอมิเคยเห็นหัวหน้าใหญ่กับหัวหน้าสามอยู่ในสายตา เราใช้โอกาสนี้สั่งสอนนางเลยเถิดขอรับ”
......
ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมของพวกเขา พวกโจรป่าจึงด่านางได้อย่างวางใจ ระบายความไม่พอใจออกมาจนหมด
พวกเขากวาดตามองผู้คนที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ สายตาของหลายคนก็ไปหยุดอยู่ที่เวินซี
“หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าสาม นางคือสตรีงามผู้นั้นนี่ขอรับ” โจรป่าพูดพลางชี้ไปที่เวินซี
หัวหน้าใหญ่และหัวหน้าสามจึงมองไปที่นาง
“ดูสิว่านางยังมีลมหายใจหรือไม่? หากนางกินอาหารที่มียาพิษไปก็ถือว่าเป็โชคไม่ดีของนาง หากยังมีลมหายใจก็จับนางไปไว้ที่ห้องของหัวหน้าใหญ่เสีย” หัวหน้าสามกล่าว
“ขอรับ” โจรป่าเข้าไปใกล้ ยื่นมือออกไปจับเสื้อผ้าของเวินซี แต่เมื่อเขาัันาง นางก็ลุกขึ้นถีบเขาออก
เหตุการณ์ที่พลิกกลับอย่างกะทันหันทำให้สีหน้าของหัวหน้าใหญ่และพรรคพวกเปลี่ยนไป
“เร็วเข้า จะยืนบื้ออยู่ไย ไปจับนางมา เฝ้าประตูไว้ อย่าให้มีผู้ใดออกไปได้ ไปดูคนอื่นๆ ด้วย ดูว่าพวกเขาถูกวางยาจริง...อ๊ากก...”
หัวหน้าสามเอ่ยปากสั่งทุกคน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ แส้ยาวก็พันเข้าที่เอว คมดาบชี้ออกมาแทงเข้าไปที่เนื้อของเขาจังๆ
เขาหันกลับไปมองเก้าอี้ตัวหลักด้วยความไม่เชื่อ ภายใต้ความเ็ป เมื่อสบตาเข้ากับซูเหอ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
ซูเหอยิ้มเยาะ ยกมือขึ้นสะบัดแส้กลับไป
“มิทราบว่าหัวหน้าใหญ่และหัวหน้าสามหมายความเช่นไรเ้าคะ? ซูเหอทำเื่อันใดผิดไปถึงทำให้ท่านทั้งสองคิดจะฆ่าข้า?”
คำถามของนางทำให้การเคลื่อนไหวของทุกคนหยุดลง ทุกสายตาจับจ้องไปที่นางด้วยความสนใจ
“รองหัวหน้า นี่เป็เื่เข้าใจผิดน่ะ” หัวหน้าใหญ่มองไปที่หัวหน้าสามที่กำลังเ็ปจนต้องคุกเข่านั่งอยู่กับพื้นก็หวั่นใจพลันเอ่ยปากหาข้อแก้ตัว
“เช่นนั้นหัวหน้าใหญ่ลองอธิบายมาหน่อยสิเ้าคะ เป็ความเข้าใจผิดอันใดที่ทำให้ท่านวางยาพิษในอาหารทุกจาน?” ซูเหอพูดด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“อาหารพวกนี้พวกเราจะนำไปให้พวกขุนนางในคุกใต้ดินน่ะ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดถึงนำสลับมา”
“โอ้? ปลาและเนื้อดีๆ พวกนี้จะเอาไปให้พวกเขาทานหรือ? ข้าไม่ยักรู้ว่าเราใช้อาหารฟุ่มเฟือยเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน?” ซูเหอนั่งบนเก้าอี้ กอดอกมองเขาเยี่ยงราชินี
“ข้า...”
“ไม่ต้องเฉไฉแล้ว นางรู้แล้ว พูดไปนางก็ไม่เชื่อหรอก” หัวหน้าสามขัดคำพูดหัวหน้าใหญ่ เขามองซูเหออย่างดุดัน “ข้าไม่ชอบเ้า จึงอยากจะฆ่าเ้า มิได้หรือ? เ้าไม่มีความเป็สตรีเลยสักนิด ไม่คู่ควรจะมีชีวิตอยู่หรอก!”
“เหอะ” ซูเหอยิ้มเยาะ นางมองดูหัวหน้าสามพลันฟาดแส้ไปที่เขาอีกครา
แส้พันรอบคอของเขา มันรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านกลัวว่าข้าจะกดปุ่มให้ใบมีดทั้งหมดแทงเข้าคอหรือไม่?”
“จะพูดมากอันใด? จะฆ่าข้าก็ฆ่าเลย! ข้าล่ะเสียใจจริงๆ ที่ช่วยเ้าไว้ น่าจะปล่อยให้เ้าตายไปเพราะฟู่จวินของเ้า ให้พวกเ้าไปเป็คู่ยวนยางแห่งความตาย!” หัวหน้าสามไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้สักนิด
ลูกน้องของเขาที่มองดูสถานการณ์ก็พยายามจะเข้าใกล้แส้ แล้วใช้โอกาสที่นางไม่ทันได้สังเกตนำกริชตัดแส้ออก แต่ไม่คิดเลยว่ากริชจะแตกออกเป็เสี่ยงๆ ตกลงพื้นไป
ซูเหอมองดูเขาอย่างเ็า ใช้อีกมือยกแก้วเหล้าขึ้นฟาดไปที่หน้าผากของเขาจนล้มลงกับพื้น
นางลงมือรุนแรง จนไม่มีผู้ใดกล้าย่ำกรายเข้าไปหรือขยับตัว
โจรป่าที่อยู่รอบๆ ถูกหัวหน้าใหญ่และหัวหน้าสามไล่ออกไป ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วย