ใน่เวลานั้น แม้ว่าเขาจะสร้างปัญหาไปทั่ว แต่เขาก็ไม่เคยถูกพวกผู้ใหญ่จับได้ แม้ว่าเขาจะถูกพบโดยนางกำนัลและขันทีบ้างเป็ครั้งคราว เขาก็ยังสามารถทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจนไม่อาจบอกสิ่งใดได้
แต่เพราะความซุกซนของเขาจึงมักถูกเสด็จแม่ตีบั้นท้ายบ่อยครั้ง แต่เขาในยามนั้นชอบให้ใช้ไม้อ่อน [1] ยิ่งสอนสั่งอย่างรุนแรงก็ยิ่งซุกซนยิ่งกว่าเดิม
ดังนั้นในยามที่เขาอายุเพียงห้าขวบ เขาก็เริ่มข่มเด็กในวังที่มีอายุต่ำกว่าสิบปี เพื่อให้เต็มใจที่จะมาเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาภายใต้ ‘อำนาจอันน่าเกรงขาม’ ของเขา เขาจึงกลายเป็ลูกพี่ของพวกเขา กลายเป็หัวโจกของเหล่าเด็กน้อยแห่งวังหลวง
แต่เขาไม่รู้ว่า ต่อมาสนมคนหนึ่งของเสด็จพ่อพบว่าบุตรของนางกำลังพยักหน้าและก้มหัวให้เขาอย่างสุภาพ นางไม่อาจทนได้
ในเวลานั้น เสด็จแม่ทรงเป็สนมคนโปรดของฮ่องเต้ ทั้งยังเป็เป้าหมายของเหล่าสตรีในวัง
ดังนั้นสนมผู้นั้นจึงฉวยโอกาสวิ่งไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเพื่อฟ้องเื่ของเสด็จแม่โดยตรง
แต่ไม่ว่าสนมผู้นั้นจะร้องเรียนต่อเสด็จพ่ออย่างไร เสด็จพ่อก็ไม่เคยกล่าวสิ่งใดถึงเสด็จแม่ ทั้งยังไม่มาสั่งสอนเขา
แต่สนมขี้อิจฉาผู้นั้นจะยอมแพ้ได้อย่างไร? ความไม่สนใจของเสด็จพ่อ ทำให้นางโกรธมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในบางครั้งนางและสนมคนอื่นๆ จะรวมตัวกันไปสร้างปัญหาให้กับเสด็จแม่
จนถึงเวลาที่โหดร้ายที่สุด
ครั้งนั้นถือเป็การเกิดพายุนองเือย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในวังหลวง
ขณะนั้นเขามีอายุได้เจ็ดปี วันนั้นเสด็จพ่อทรงเสด็จออกนอกวังเป็การส่วนพระองค์
วันนั้นยามเขากลับมาจากเล่นนอกตำหนักอย่างมีความสุข เขาเห็นเสด็จแม่เืออกจากทวารทั้งเจ็ด [2] นอนหมดสติอยู่บนพื้นเย็นเยียบต่อหน้าต่อตา
หลังจากที่เขาเข้ามา ประตูห้องบรรทมก็ปิดลงเอง ทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวๆ ที่ส่องเข้ามาจากช่องรับแสง ไม่มีแม้แต่นางกำนัลและขันทีที่ต้องคอยรับใช้อยู่ในตำหนัก เงียบมาก เงียบจนเขากลัว
ไม่ว่าเขาจะร้องไห้หรือะโดังเพียงใด เสด็จแม่ก็ไม่ตอบสนองเลย...เสด็จแม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าปากของนางจะยังพึมพำเรียกหาเขา แต่กลับไม่อาจกอดเขาให้แแ่ ปัดรอยเปื้อนบนตัวยามเขาออกไปเที่ยวเล่นได้อีก
เขาร้องไห้บอกต่อเสด็จแม่ เขาจะไม่กลั่นแกล้งรังแกคนอื่นอีกแล้ว เขาอยากให้เสด็จแม่ตีบั้นท้ายเขาอย่างจริงจังเหมือนเมื่อก่อน แต่เสด็จแม่ไม่ฟื้นขึ้นมา
เสด็จแม่ไม่ทุบตีหรือดุด่าเขาอีกต่อไป
......
ไม่รู้ว่านานเพียงใดที่เขาคุกเข่าร้องไห้ข้างร่างเสด็จแม่ ตลอดเวลานั้นก็ยังไม่มีใครเข้ามา ประตูที่ปิดแน่นทำให้เขาออกไปไม่ได้
แต่เขาไม่รู้ว่า หลังจากที่เขาสงบลงด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการร้องไห้ เขาผู้เกิดมาพร้อมกับประสาทััทั้งห้าที่เฉียบแหลม ได้ยินเสียงที่ดังอย่างแ่เบาท่ามกลางความมืด
ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยจากการร้องไห้หรือร้องไห้หนักจนร่างกายอ่อนแรง ยามได้ยินเสียงลับๆ ล่อๆ นั้น เขาไม่ได้ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวแต่อย่างใด ทำเพียงนอนนิ่งๆ บนร่างเสด็จแม่ ไม่เคลื่อนไหว ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น
จากเสียงกระซิบเ่าั้ เขาถึงได้รู้ว่ายังมีคนอยู่ในห้องบรรทม
...เป็มามาเฒ่า [3] สามคน
พวกนางพูดถึงเสด็จแม่ในแง่ร้ายอยู่ตลอดเวลา ปรากฏว่านายของพวกนางอิจฉาที่เสด็จแม่เป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้ กลายเป็ว่าพวกนางทำให้เสด็จแม่กลายเป็เช่นนี้...
ไม่รู้ว่าเขาฟังคำพูดของมามาเฒ่าทั้งสามอย่างใจเย็นได้อย่างไร ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือ เขาได้ยินแผนการดำมืดมากมายจากพวกนาง
จาก่เวลานั้นเองที่เขารู้ความหมายที่แท้จริงของคำสอนจากเสด็จแม่ รู้ว่าชีวิตของเสด็จแม่ไม่มีความสุข
ภายหลัง เมื่อมามาเฒ่าทั้งสามออกมาจากความมืด ยืนมองดูพวกเขาอยู่ข้างกายเขาและเสด็จแม่
มามาเฒ่าทั้งสามคิดว่าเขาหมดสติแล้ว พวกนางจุดเทียนสลัวๆ ส่องสว่างเพียงน้อยนิดบนพื้นห้องบรรทมกว้างใหญ่
มามาเฒ่าทั้งสามยังคงกระซิบคุยกัน พวกนางกำลังพูดถึงและจ้องมองมาที่เขา
ยามได้ยินเสียงกระซิบของพวกนาง ได้ยินชัดเจนทุกคำ รู้ว่ามามาเฒ่าทั้งสามกำลังจะทำอะไรกับตนเอง
มามาเฒ่าทั้งสามผู้โดดเดี่ยวมาครึ่งชีวิต ไม่เคยผ่านมือชาย แต่สิ่งที่พวกนางพ่นออกมากลับมีเพียงคำสกปรก พวกนางกล่าวคำเ่าั้อย่างออกรส
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจคำสกปรกเ่าั้ แต่ไม่ว่าจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม เขารู้สึกขยะแขยง ใบหน้าของพวกนางช่างน่าขยะแขยง
พวกนางมองเขาอย่างเป็เ้าข้าวเ้าของ หลงใหล โลภมาก...การมองเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขยะแขยง
ในมุมที่ทั้งสามไม่ทันสังเกต เขาแอบหยิบปิ่นแหลมจากหัวของเสด็จแม่มาถือไว้ในมือ
หลังจากนั้นไม่นานนัก มามาเฒ่าทั้งสามก็ย่อตัวลง พับแขนชุดขึ้น เผยให้เห็นไขมันและิัที่เหี่ยวย่น ยื่นมือออกไปััใบหน้าและร่างกายของเขา...
แม้ว่าเขาจะยังเด็ก ไม่มีพละกำลัง ก็สามารถหลบหนีการจู่โจมของพวกนาง
...นั่นเป็การสังหารครั้งแรกของเขา
ไม่มีความกระสับกระส่าย ไม่หวาดกลัว ไม่ตื่นตระหนก
ในยามนั้นเขารู้แค่ว่าใครก็ตามที่ทำร้ายเสด็จแม่จะต้องตาย!
ไม่กี่วันหลังจากวันนั้น ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตในวังหลวง
ั้แ่ข้ารับใช้ตัวน้อยจนถึงนางกำนัลขันที มีแม้กระทั่งสนมในวังหลัง รวมถึงขุนนางแห่งราชสำนัก
ไม่มีใครรู้ว่าผู้ลงมือสังหารคนเ่าั้คือใคร ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดคนเ่าั้ถึงตาย ทั้งใต้หล้ามีเพียงตัวเขาที่รู้ เป็ความลับที่เขาไม่มีวันบอกใคร
แม้ว่าในท้ายที่สุดมามาเฒ่าทั้งสามจะไม่ประสบความสำเร็จ พวกนางััร่างของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่คำสกปรก กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียน ััของมืออ้วนพี ทำให้วัยเด็กของเขามีเงาดำมืดที่รุนแรง
เป็เหตุที่เขาหมกมุ่นกับความสะอาด เป็เหตุที่เขาปฏิเสธออกห่างผู้คนหลายพันลี้ เป็เหตุที่เขาเกลียดหญิงสาวทุกคน เป็เหตุที่เขาต่อต้านการเข้าหาของผู้อื่น นั่นคือจุดเริ่มต้นของทั้งหมด
ั้แ่ยามที่เสด็จแม่ประสบอุบัติเหตุ เขาก็เริ่มเกลียดเสด็จพ่อผู้เจียดเวลาเล่นกับเขาเสมอไม่ว่างานราชการจะยุ่งเพียงใด เสด็จพ่อผู้รักเขาที่สุด และเสด็จพ่อก็เป็ผู้ที่เขารักมากที่สุดเช่นกัน
เขาเกลียดเสด็จพ่อที่สาบานว่าจะปกป้องเขาและเสด็จแม่ไปตลอดชีวิต แต่พระองค์กลับไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในยามที่พวกเขาตกอยู่ใน่เวลาที่อันตรายที่สุด...
เสด็จแม่เป็ภรรยาคนแรกของฮ่องเต้ แต่ไม่ใช่คนเดียว
เสด็จแม่เป็ภรรยาผู้เป็ที่รักของฮ่องเต้ แต่ไม่ใช่หนึ่งเดียว
เขาเกลียดเหตุที่หลังจากเสด็จพ่อมีเสด็จแม่แล้ว พระองค์ยังอภิเษกสมรสกับหญิงสาวมากมาย...แต่ถึงแม้ว่าเสด็จพ่อจะแต่งงานกับหญิงสาวมากมาย เสด็จแม่ของเขาก็ยังคงอยู่เคียงข้างพระองค์อย่างเงียบๆ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ฉกฉวยโอกาส
แต่สุดท้าย...ไม่ว่าเสด็จพ่อจะรักเสด็จแม่มากเพียงใด ไม่ว่าเสด็จแม่จะนิ่งเฉยอย่างไร ก็ยังหนีไม่พ้นมือดำมืดที่เอื้อมมาคว้าตัวนาง...
แม้ว่าในเวลาต่อมา เขาจะค้นพบสาเหตุเื้ัอุบัติเหตุของเสด็จแม่โดยบังเอิญ มันคือการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงยามนี้
แต่เขายังคงเกลียดเสด็จพ่อ เกลียดว่าเหตุใดเสด็จพ่อถึงแบ่งความรักที่เป็ของเขาและเสด็จแม่ออกเป็หลายส่วน
ใน่เวลาที่เสด็จแม่หลับตาลงเป็ครั้งสุดท้าย แม้เสด็จพ่อจะยังรักเขา แต่เขาไม่้ามันอีกแล้ว เขาไม่สนใจความรักเพียงน้อยนิดที่แบ่งออกเป็หลายส่วน
เสด็จแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไป ไม่มีความรักในโลกของเขา เขาก็ไม่้าความรักเช่นกัน
วันนั้นเป็วันที่มืดมนที่สุดในวัยเด็กของเขา เป็วันสุดท้ายของวัยเด็กที่แสนงดงาม
หลังจากวันนั้นเขาไม่ร้องไห้หรือหัวเราะอีกต่อไป เขาเกลียดการเชื่อมสัมพันธ์พูดคุยกับผู้คน
ในวันที่ไม่มีเสด็จแม่อยู่เคียงข้าง เขาค่อยๆ ลืมไปว่าความอบอุ่นคืออะไร
ในวันที่ไม่มีเสด็จแม่เคียงข้าง หัวใจของเขา...ไม่เคยอบอุ่นอีกเลย
ไม่มีเสด็จแม่คอยอบรมสั่งสอน หลังจากเติบโตขึ้น เขาไม่รู้ว่าความรักคืออะไร ค่อยๆ ไม่เข้าใจในความรัก
ในโลกของเขา...มีเพียงความเฉยชาและโหดร้าย
แต่ทั้งหมดนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปหลังจากที่เขาได้พบกับมู่จื่อหลิง
ยามเขาเห็นนางครั้งแรก เขาคิดจะฆ่านาง แต่ั้แ่ได้เห็นน้ำตาของนาง เขาก็ไม่อยากฆ่านางอีกต่อไป
แต่ใครจะรู้ ั้แ่นั้นมา...เขาปล่อยนางไปแล้ว แต่นางกลับไม่เคยปล่อยเขาไป
หัวใจของเขาที่ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกร้อนหรือเย็น ไร้จิตสำนึก มักจะได้รับผลกระทบจากหญิงผู้นี้โดยไม่ตั้งใจ หญิงผู้นี้ทำให้หัวใจที่เ็าของเขารู้สึกได้ถึงััที่น่ารำคาญ
ไม่ว่าจะไปที่ใด ล้วนมีภาพของนาง
ภาพร่างเล็กๆ ของหญิงผู้นี้ ติดอยู่ในใจตลอดเวลา
เขาเกลียดกลิ่นผู้หญิงมาก
แต่ยามที่เขาอุ้มนางไปรักษาอาการป่วยของหลงเซี่ยวหนาน ลมหายใจที่สดชื่นจากร่างกายนางยังคงวนเวียนติดจมูกของเขาตลอดเวลา ราวกับหยั่งรากลงลึก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจจางหายไปได้
สิ่งที่ทำให้เขารำคาญที่สุดก็คือเขาปรารถนาในกลิ่นนั้น ความปรารถนาเช่นนี้บังคับเขา ทำให้เขาอยากเข้าใกล้นาง เข้าหานาง อยาก...กอดนาง
เขาที่เคยเ็าไร้หัวใจ ในยามนั้นเขาเกลียดตัวเองที่เป็แบบนั้น เขาไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร
ด้วยเหตุผลทุกประการ ในที่สุดเขาก็โทษหญิงผู้นี้ที่คอยตามหลอกหลอนอยู่ในใจตลอดเวลา
ชั่วขณะหนึ่ง เขาเสียใจที่ไม่สังหารนาง แต่เขากลับไม่เคยคิดที่จะสังหารนางอีก ต่อมาเขาดีใจมากที่เขาไม่ได้สังหารนาง
ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้นเขาจะหลับใหลอย่างสุขสบายได้อย่างไรในยามนี้...หลงเซี่ยวอวี่ยังคงหลับตา วางคางของเขาลงบนหน้าผากเรียบเนียนสดใสของมู่จื่อหลิง ถูไถด้วยความรักสองสามครั้ง มุมปากอดไม่ได้ที่จะโค้งเป็รอยยิ้มที่สวยงาม
รอยยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ!
......
ยามััได้ถึงการเคลื่อนไหวที่หน้าผาก มู่จื่อหลิงคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่ตื่นแล้ว ดังนั้นจึงรีบละสายตาที่กำลังจ้องมองเขา หลับตาลง แสร้งทำเป็หลับ!
แต่คาดไม่ถึง เมื่อนางแสร้งหลับเป็เวลานาน กลับไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของชายที่อยู่ข้างกาย ดังนั้นมู่จื่อหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะแอบเงยหน้าขึ้นมอง...
บ้าอะไรเนี่ย! มารร้ายผู้นี้ยังคงหลับใหล มู่จื่อหลิงมุ่ยปากเบาๆ เขาหลับสบายกว่านาง
แต่ใน่เวลาต่อมา นางเห็นรอยยิ้มที่งดงามจากปากของหลงเซี่ยวอวี่
จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ห่ะ? มารร้ายผู้นี้กำลังหัวเราะอะไร? เป็ไปได้ไหมว่าเขากำลังฝันดี?
กำลังฝันเกี่ยวกับอะไร? จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็สงสัย
ความฝันแบบไหนที่ทำให้ฉีอ๋องผู้ไร้รอยยิ้มสามารถยิ้มได้อย่างงดงามในขณะหลับใหล
น่าตื่นเต้นอะไรเยี่ยงนี้!
หากภาพนี้ถูกเปิดเผยออกไป ไม่รู้จะมีหญิงสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกกี่คนที่หลงเสน่ห์อีกครั้ง
เมื่อคิดถึงเื่นี้ มู่จื่อหลิงก็บ่นอย่างเ็าในใจ หันหน้าหนี หยุดมองเขา
ข้างนอกสว่างแล้ว พวกเขายังนอนหลับอยู่หรือ?
ทันใดนั้น มู่จื่อหลิงก็ลุกขึ้นนั่งราวกับถูกไฟดูด......
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ชอบให้ใช้ไม้อ่อน (吃软不吃硬) จะดื้อรั้นและไม่ยินยอมหากใช้วิธีที่แข็งกร้าว แต่จะเชื่อฟังโดยดีหากพูดจาไพเราะ
[2] เืออกจากทวารทั้งเจ็ด (七窍流血) เป็สำนวน มีความหมายว่า เืออกจากรูทั้งเจ็ดบนศีรษะของมนุษย์ ได้แก่ ตาสองข้าง หูสองข้าง รูจมูกสองรู และปาก ส่วนมากนำมาใช้เรียกคนใกล้ตาย
[3] มามาเฒ่า (老嬷嬷) เป็คำใช้เรียกแทนตัวหญิงชรา สาวใช้รวมถึงนางพยาบาล เริ่มั้แ่สมัยราชวงศ์ถัง