มองดูเหล่าสัตว์อสูรวานรทะลักออกจากหุบเขา จ้านอู๋มิ่งแอบชื่นชมยินดีในใจ ดูเหมือนแผนชักนำภัยพิบัติไปทางตะวันออกและแผนล่อเสือออกจากถ้ำจะประสบความสำเร็จแล้ว ตอนนี้สัตว์อสูรวานรออกจากถ้ำไปจนหมดสิ้น ด้านในมีแต่ความว่างเปล่า เวลามีไม่มากนัก จ้านอู๋มิ่งตรงเข้าไปข้างในอย่างชำนาญทาง มิมีอุปสรรคใดๆ ขัดขวางแม้แต่น้อยนิด รังของสัตว์อสูรวานรเป็ถ้ำธรรมชาติแห่งหนึ่ง กว้างขวางใหญ่โตมาก ขยายออกไปรอบทิศทาง แต่สร้างเส้นทางราบเรียบสายหนึ่งลึกเข้าไปจนถึงก้นถ้ำ เห็นได้ชัดว่ามันเป็ผลงานชิ้นเอกหลังจากที่สัตว์อสูรราชันวานรบังเกิดสติปัญญาขึ้นแล้ว
เดินลึกลงไปตามเส้นทางเรียบลาดลงไปจนถึงชั้นล่าง จ้านอู๋มิ่งััถึงคลื่นพลังความร้อนที่แผ่ออกมาระลอกหนึ่ง ยิ่งล่วงลึกเข้าขึ้นความร้อนยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้น หลังจากเข้าไปร่วมร้อยวาแล้ว พื้นด้านล่างกลับว่างเปล่า แท้จริงเป็รังขนาดใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง ตรงกลางเป็แอ่งลาวาหินหนืดสีแดงเพลิง รัศมีราวหนึ่งวาแห่งหนึ่ง ลาวาหินหนืดในแอ่งเดือดปุดๆ ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลาเหมือนดั่งน้ำเดือด ท่ามกลางพลังงานความร้อน พลังศักดิ์สิทธิ์ของฟ้าดินสุดแข็งแกร่งเข้มข้นยิ่งนักสายหนึ่งโหมกระหน่ำออกมา
จ้านอู๋มิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง รวบรวมจิตสมาธิ สายตามองดอกบัวสีแดงที่จวนเบ่งบานกลางแอ่งลาวาหินหนืดอย่างละโมบ นั่นก็คือดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ ของวิเศษระดับจิติญญาฟ้าดิน
ยามนี้ดอกบัวยังมิเบ่งบานเต็มที่ ประสิทธิภาพทางจิติญญาศักดิ์สิทธิ์ยังไม่บรรลุถึงจุดสูงสุด ดังนั้นมันจึงยังไม่ดึงดูดสัตว์อสูรระดับสูงอื่นๆ ให้พากันเข้ามาในเทือกเขาป่าสัตว์อสูร เวลาที่มันเบ่งบานเต็มที่ พลังศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติจะแผ่ขยายออกรอบทิศทางอย่างแน่นอน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งขจรขจายออกไปจนไกลนับร้อยลี้ จ้านอู๋มิ่งในชาติภพก่อนไม่มีคุณสมบัติแย่งชิงของวิเศษศักดิ์สิทธิ์ระดับจิติญญาฟ้าดินนี้ แต่ยามที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในใต้หล้าครานั้น ประจวบกับอยู่ไม่ห่างไกลจากจวนตระกูลจ้านพอดี ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลจ้านถูกระดมออกไป หลังผ่านการต่อสู้กันอย่างดุเดือดเืพล่านครั้งหนึ่ง ต้องเสียชีวิตอย่างน่าอนาถไปหลายคน ท่านปู่เองก็ได้รับาเ็สาหัสเช่นกัน และแย่งชิงมาได้เพียงกลีบเดียวเท่านั้น
มีความทรงจำเช่นนี้แล้ว ครั้งนี้จะให้เกิดความผิดพลาดอีกได้อย่างไร
ดอกไม้ทั้งต้นย่อมดีกว่าดอกไม้เพียงกลีบเดียวอย่างมากมายแน่นอน แทนที่จะรอให้ถึงเวลาที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เบ่งบานเต็มที่แล้วค่อยมาแย่งกันแทบเป็แทบตาย ยังมิสู้เอาไปทั้งต้นก่อนที่มันจะเบ่งบานน่าจะดีกว่า เป็คนจะคิดเพียงด้านเดียว ทำตัวโง่งมเหมือนเหล่าหยวน[1] ตัวนั้นได้อย่างไร รอจนดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เบ่งบานก่อนแล้วจึงค่อยเก็บ สุดท้ายมันเลยต้องตายภายใต้กรงเล็บของสัตว์อสูรระดับห้าตัวหนึ่ง เวลานี้ข้าเก็บดอกไม้นี้ไปทั้งต้นแล้ว ก็นับว่าเป็การช่วยชีวิตวานรเฒ่าเอาไว้เช่นกัน เหล่าหยวน เ้าช่วยข้าเสี่ยงชีวิตกับตระกูลจี้ ก็ถือว่าเป็การตอบแทนบุญคุณเ้าก็แล้วกัน
จ้านอู๋มิ่งคิดไปพลาง หยิบมีดหยกเย็นเฉียบเล่มหนึ่งพร้อมกับกล่องหยกขนาดใหญ่ออกมา ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ของวิเศษระดับจิติญญาศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้ มิอาจเจอกับโลหะทองและเหล็ก มีดหยกธรรมดาไม่สามารถตัดก้านมันให้ขาดได้ มีเพียงมีดหยกเย็นเท่านั้นที่ทำได้ จ้านอู๋มิ่งมิเกรงใจแม้แต่น้อย โบกมือสะบัดมีดตัดก้านบัวจนขาด แล้วใช้กล่องหยกรับดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ไว้ ลอยตัวมายืนอยู่ริมแอ่งลาวา มองดูแอ่งลาวาหินหนืดว่างเปล่าอย่างมิอาจตัดใจ นั่นคือชีพจริญญาเพลิงเชียวนะ น่าเสียดายยิ่งนักที่ข้ามิมีความสามารถขุดนำมันออกไปได้
คิดพลางจ้านอู๋มิ่งพิจารณามองถ้ำขนาดใหญ่นี้อีกครั้ง พบว่าบนกำแพงถ้ำประดับประดาด้วยหินอัคคีิญญาจำนวนมากมาย อึ้งจนพูดไม่ออก ลิงพวกนี้ทำตัวเป็ผู้ดี ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้วจริงๆ หินอัคคีิญญาเหล่านี้ถูกขับออกมาจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับลาวาหินหนืดจากใจกลางโลก พวกลิงฝังหินอัคคีิญญาเหล่านี้ไว้บนผนังถ้ำ ทำให้ถ้ำนี้มิเพียงแต่มีพลังของจิติญญาน้ำพุศักดิ์สิทธิ์และพลังจิติญญาของหินอัคคี พลังจิติญญาของสถานที่แห่งนี้จึงเข้มข้น อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก เหนือกว่าสถานที่เข้าด่านกักตนของบรรพบุรุษเฒ่าแห่งตระกูลจ้านมากมายหลายเท่า จึงไม่แปลกใจเลยที่หุบเขาเล็กๆ แห่งนี้กลับมีสัตว์อสูรระดับสี่จำนวนมากมายเช่นนี้
ชีพจริญญาและน้ำพุจิติญญาใต้แอ่งลาวาจ้านอู๋มิ่งไม่สามารถเอาออกไปได้ แต่หินอัคคีิญญาบนผนังถ้ำก็มิขอเกรงใจแล้ว หินอัคคีิญญาระดับต่ำชิ้นหนึ่งสามารถขายได้หลายพันเหรียญทอง เหรียญทองนิยมใช้กันเฉพาะราชวงศ์สังคมชนชั้นสูงเท่านั้น ในอาณาจักรจักรพรรดิและนิกายสำนักใหญ่ต่างๆ หินจิติญญากำลังได้รับความนิยม หินที่มีพลังจิติญญาฟ้าดินชนิดนี้ ผู้บ่มเพาะจิติญญาการต่อสู้สามารถดูดซึมได้โดยตรง เพื่อทำให้จิติญญาแห่งการต่อสู้เสถียรมั่นคง
ร่ำรวยแล้ว! จ้านอู๋มิ่งยินดีแทบคลุ้มคลั่ง เขาจำต้องเร่งรีบแข่งกับเวลาแล้ว เกิดพวกสัตว์อสูรวานรกลับมาซะก่อน ตนเองก็จะกลายเป็ตะพาบในไหไปทันที
……
ขณะที่จ้านอู๋มิ่งตัดดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ออกนั้น สัตว์อสูรราชันวานรก็ส่งเสียงคำรามเสียงดังลั่นด้วยความโกรธแค้น แปรเปลี่ยนเป็คลุ้มคลั่งถึงสุดขีด สถานการณ์การศึกข้างนอกเป็อย่างไรบ้าง รุนแรงขนาดไหน จ้านอู๋มิ่งจึงพอจะคาดคำนวณได้ ตระกูลจี้เองก็ไม่ใช่พวกกินเจ ผู้ติดตามของตระกูลจี้เป็ชนชั้นสูงที่ล้วนฝึกฝนมาอย่างดี นักยุทธ์ส่วนใหญ่ที่ออกมาครั้งนี้คือปรมาจารย์นักยุทธ์ ที่ด้อยสุดก็ยังเป็อาจารย์นักยุทธ์ การต่อสู้ครั้งนี้เป็ศึกระหว่างสองขั้วอำนาจผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
จี้เซี่ยงตงรู้สึกสลดหดหู่ยิ่งนัก ตอนแรกมัน้าล่าถอยก่อนที่สัตว์อสูรราชันวานรมาถึง แต่ไม่คิดว่าสัตว์อสูรราชันวานรจะไล่ตามอย่างคลุ้มคลั่งเช่นคนบ้าเสียสติ อยู่ในป่าสัตว์อสูร คนจะวิ่งเร็วกว่าสัตว์อสูรวานรกลุ่มนี้ได้อย่างไร สัตว์อสูรวานระโโลดแล่นไปมาอยู่บนต้นไม้ราวกับเหินบิน ใช้หน้าไม้ก็ยังยิงถูกมันยากยิ่งนัก ถึงยิงถูก มันก็ไม่ถึงตาย
สัตว์อสูรวานรเคลื่อนไหวว่องไว พวกจี้เซี่ยงตงยังมิทันถอยไปได้ไกลนักก็ถูกพวกมันตามทันแล้ว สัตว์อสูรวานรไล่ล่าสังหารดุจบ้าคลั่งดั่งเสียสติแล้วก็มิปาน ดุร้ายโเี้ยิ่งนักจนผิดปกติ แต่ระหว่างที่ไล่ล่าฆ่ากัน มีสัตว์อสูรวานรระดับสองหลายสิบตัวโดนลูกศรหน้าไม้ มีทั้งตายและาเ็ พลังการต่อสู้จึงลดทอนลงมาก
สัตว์อสูรวานรระดับสามหลายสิบตัวในหมู่วานรเฒ่า เป็ภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อผู้ติดตามของตระกูลจี้ หลายคนถูกฉีกกระชากเป็ชิ้นๆ ใน่ต้นของการต่อสู้ สัตว์อสูรราชันวานรและสัตว์อสูรวานรระดับสี่จำนวนสามตัวถูกล้อมไว้โดยจี้เซี่ยงตงและคนอื่นๆ คราวนี้ตระกูลจี้ส่งราชันาระดับสี่ดาวผู้าุโใหญ่ จี้ฉางเฟิงมาด้วย จี้เซี่ยงตงเองก็เป็ราชันาระดับต้น รวมกับราชันาอีกสามคน รวมจำนวนราชันาทั้งหมดห้าคน ชายห้าคนต่อสู้กับสัตว์อสูรวานรสี่ตัว กลับถูกสัตว์อสูรวานรกดดันโจมตีอย่างหนักหน่วงจนน่าอนาถ สาเหตุหลักมาจากสัตว์อสูรราชันวานรมีความแข็งแกร่งเกือบเทียบเท่าราชันาระดับห้าดาว จี้ฉางเฟิงไม่ใช่คู่มือของมัน สู้มันไม่ได้เลยจริงๆ จำต้องผนึกกำลังกับจี้เซี่ยงตงจึงต้านทานการโจมตีของสัตว์อสูรราชันวานรไว้ได้อย่างเต็มฝืน ราชันาอีกสามคนของตระกูลเจิ้งต่อสู้ตัวต่อตัวกับสัตว์อสูรวานรเฒ่าระดับสี่ขั้นต้นสามตัว แต่ก็มิสามารถครองความได้เปรียบ ต่อสู้กันจนสับสนวุ่นวายไปหมด
หลังจากนั้นไม่นาน คนของตระกูลจี้ถูกฆ่าตายและาเ็เพิ่มอีกมากกว่าสิบคน จี้ฉางเฟิงเองก็ได้าเ็แล้วเช่นกัน ยามนี้เอง จู่ๆ สัตว์อสูรราชันวานรก็คำรามลั่นอย่างคลุ้มคลั่งขึ้นคราหนึ่ง ร่างกายขยายใหญ่โตขึ้นหลายเท่า แล้วตรงหว่างกลางหน้าผากมันมีดวงตาแนวตั้งดวงหนึ่งเปิดเลิกขึ้น แสงสีดำปานสายฟ้าสายหนึ่งพุ่งออกมาจากดวงตาแนวตั้ง ดุจดั่งเปลวเพลิงสีดำสายหนึ่งที่สามารถทะลุทะลวงผ่านท้องฟ้าก็ปาน
“เนตรคิงคองพิโรธ… เซี่ยงตงรีบถอย” จี้ฉางเฟิงอุทานอย่างตื่นตระหนก
น่าเสียดายที่จี้เซี่ยงตงไม่มีหนทางถอยแล้ว ตอนที่ร่างสัตว์อสูรราชันวานรขยายขึ้น เขาก็รู้ว่าไม่ได้การ รอจนดวงตากลางหน้าผากมันเลิกขึ้น คิดจะถอยอีกครั้ง แรงกดดันทรงพลังสายหนึ่งทำให้เขาขยับตัวลำบาก ร่างกายเหมือนติดอยู่กลางหล่มโคลน ทันใดนั้นสายฟ้าสีดำก็พุ่งมาถึง
“ตูมมม…” พลันโล่ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยร่องรอยลายยันต์ลึกลับก็ปรากฏขึ้นในมือจี้เซี่ยงตง บนร่างกายปรากฏชุดเกราะส่องแสงเป็ประกายวาวขึ้น ภายใต้การแผดเผาด้วยเปลวไฟของสายฟ้าสีดำ รอยร้าวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนโล่ั์ เงาชุดเกราะบนร่างเลือนหายวับไปทันที ร่างของจี้เซี่ยงตงถูกกระแทกลอยออกไปหลายสิบวา ชนต้นไม้ใหญ่ล้มลงติดต่อกันสี่ห้าต้นจึงได้หยุดลง โลหิตสดๆ พุ่งพรวดออกทางปาก
ฤทธิ์เดชของเนตรคิงคองพิโรธมิสามารถต้านทาน ทุกคนล้วนคาดไม่ถึงว่า ในรอบนอกป่าสัตว์อสูรกลับมีสัตว์อสูรวานรที่มีสายเืเนตรคิงคองพิโรธของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งจริงๆ และยังมีพลังเนตรคิงคองพิโรธอันเป็พร์เหนือธรรมชาติอีกด้วย
เสียงอุทานของจี้ฉางเฟิงไม่ได้ทำให้จี้เซี่ยงตงสามารถหนีรอดไปได้ กลับแลกมาซึ่งหนึ่งหมัดหนักหน่วงจากสัตว์อสูรราชันวานร สาเหตุที่สัตว์อสูรราชันวานรโกรธจัด เพราะมันรู้สึกได้ว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ในถ้ำสูญหายไปแล้ว สาเหตุที่สัตว์อสูรราชันวานรไม่รีบกลับถ้ำไปตรวจสอบ เป็เพราะกลิ่นอายพวกมันทำให้สัตว์อสูรราชันวานรขุ่นข้องและเกลียดชัง แหล่งที่มาของกลิ่นอายนี้มาจากหม้อดินที่ถูกฝังอยู่ใต้ต้นไม้ก่อนหน้านี้โดยจ้านอู๋มิ่งนั่นเอง
ใครๆ ก็คิดว่าหม้อดินนั้นเพียงเพื่อจัดการกับสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ แต่ไม่ทราบว่าในพริกป่นยังผสมผงโอสถที่เหล่าบรรดาสัตว์อสูรรังเกียจมากอยู่ด้วย ความเผ็ดของพริกป่นกลบกลิ่นผงโอสถได้เป็อย่างดี มนุษย์ไม่สามารถได้กลิ่นแม้แต่น้อย แต่ผงโอสถนี้ที่แปดเปื้อนบนร่างกาย สำหรับสัตว์อสูรทุกตัวแล้วมันเป็การกระตุ้นยั่วยุชนิดหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงโชคร้ายแล้ว
“ตูมมม…” จี้ฉางเฟิงถูกหมัดสัตว์อสูรราชันวานรคลุ้มคลั่งชกจนกระเด็น สัตว์อสูรที่มีสายเืของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พลังของมันแข็งแกร่งรุนแรงอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้ทักษะการต่อสู้ของจี้ฉางเฟิงจะสูงล้ำก็ยังมิอาจต่อกรกับมัน
สัตว์อสูรราชันวานรไล่ตามมาถึงเบื้องหน้าจี้เซี่ยงตง จี้เซี่ยงตงตื่นตระหนกอย่างยิ่งแล้ว ตอนนี้เขาได้รับาเ็สาหัส ไหนเลยจะสามารถต่อกรกับราชันวานรได้ รีบถอยทันที แต่ภายใต้อาการาเ็สาหัส เขาจะเร็วกว่าสัตว์อสูรราชันวานรที่โกรธแค้นได้อย่างไร อีกทั้งความแตกต่างระดับขอบเขตของตนกับสัตว์อสูราาวานรทิ้งห่างกันมากเกินไป สัตว์อสูรราชันวานรเอื้อมมือคว้าแขนจี้เซี่ยงตงไว้ข้างหนึ่ง
“อ๊าก…” สัตว์อสูรราชันวานรกระชากแขนของจี้เซี่ยงตงแล้วโยนทิ้งออกไป ใช้กำปั้นคู่ทุบตรงหน้าอกตนเอง ส่งเสียงคำราม “โฮก โฮก” ดังสนั่นหวั่นไหวออกมา
หลังจากคำรามเสร็จ สัตว์อสูรราชันวานรกระทืบเท้าลงบนโล่ขนาดใหญ่ของจี้เซี่ยงตงเท้าหนึ่ง จี้เซี่ยงตงพร้อมโล่ในมือลอยลิ่วออกไปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อร่วงลงบนพื้น จี้เซี่ยงตงทั้งตัวเต็มไปเปรอะด้วยเืแล้วล้มลงสิ้นสติไป
ตับและถุงน้ำดีของจี้ฉางเฟิงแทบแหลกสลาย สัตว์อสูรราชันวานรอำมหิตเกินไป เขามีความคิด้าล่าถอยเป็ครั้งแรก คนในคณะยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถสู้กับสัตว์อสูรราชันวานรได้ เวลานี้ยอดฝีมือตระกูลจี้ที่ติดตาม ยกเว้นบางคนที่ยังต่อสู้อย่างเต็มฝืนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนถูกสัตว์อสูรวานรฉีกเป็ชิ้นๆ ไปแล้ว รากฐานตระกูลจี้ได้รับความเสียหายหนัก แม้แต่จี้เซี่ยงตงว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปยังมีชีวิตอยู่หรือตายก็ยังมิทราบ หากยังไม่ถอยอีกเกรงว่าวันนี้ทุกคนล้วนจากไปไม่ได้แล้ว
มีราชันาสามคนของตระกูลเจิ้งที่มีความคิดเหมือนกับจี้ฉางเฟิง ในเวลานี้สถานการณ์ของทั้งสามก็ย่ำแย่มากเช่นกัน เจิ้งอวี้ฟูคือบุคคลสำคัญในตระกูล นำสิ่งของป้องกันตัวระดับจิติญญาติดตัวมาด้วย แม้ว่าสัตว์อสูรวานรเฒ่าระดับสี่จะแข็งแกร่งมาก แต่ไม่เหมือนสัตว์อสูรราชันวานรที่มีเนตรคิงคองพิโรธ เจิ้งอวี้ฟูหลบซ้ายหลบขวา แม้จะทุลักทุเลยิ่งนักแต่ยังโชคดีที่ไม่ได้รับาเ็
ราชันาสองคนที่เจิ้งอวี้ฟูนำมาไม่ได้โชคดีเช่นนั้นแล้ว หนึ่งในนั้นเพิ่งบรรลุราชันาได้ไม่นาน ยามนี้คือลูกธนูที่ยิงจนสุดล้า ใกล้หมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว หัวไหล่ถูกกรงเล็บตะกุยเป็โพรงใหญ่ ภายใต้การโจมตีของสัตว์อสูรวานรเฒ่า เขาไร้เรี่ยวแรงจะตอบโต้แล้ว
ยอดฝีมือที่ติดตามมาของตระกูลเจิ้ง ยกเว้นสองราชันาแล้ว ล้วนถูกฆ่าตายหมดสิ้น เมื่อเทียบกับตระกูลจี้แล้ว ตระกูลเจิ้งย่ำแย่ยิ่งกว่า ตระกูลจี้เป็ตระกูลที่เกิดและเติบโตในเมืองมู่เหย่ มีประสบการณ์ในการจัดการกับสัตว์อสูรอยู่บ้าง ยามสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำเป็รอง ยังสามารถร่วมมือช่วยกันประคับประคอง แต่ตระกูลเจิ้งกลับไม่เป็เช่นนั้น สัตว์อสูรวานรยิ่งต่อสู้ยิ่งห้าวหาญมากขึ้นเรื่อยๆ มิกลัวความเ็ป สัตว์อสูรวานรที่เริ่มมีสติปัญญา แม้กระทั่งความเ็ปก็ไม่กลัว เมื่อเป็เช่นนี้เสียงกรีดร้องจึงดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนตายเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา
……
จ้านอู๋มิ่งได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรราชันวานร นึกในใจว่าไม่ได้การ เขาต้องจากไปทันทีแล้ว ขืนอยู่ต่อไปเกรงว่าจะต้องติดอยู่ในถ้ำ ดีที่หินอัคคีิญญาบนผนังกำแพงถ้ำถูกขุดขึ้นมาเจ็ดแปดส่วนแล้ว
จ้านอู๋มิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก เพิ่งออกจากถ้ำมาก็เห็นสัตว์อสูรวานรระดับสามจำนวนสองสามตัววิ่งกลับเข้ามาในถ้ำพร้อมกับสัตว์อสูรวานรระดับสองมากกว่าสิบตัว จ้านอู๋มิ่งลูบอกของตน หวุดหวิดเกือบจะติดอยู่ในถ้ำเสียแล้ว
สัตว์อสูราาวานรรู้สึกว่ากลิ่นอายของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์สูญหายไป และถูกมนุษย์น่าชังสองคนพัวพันไว้ จึงสั่งการให้ลูกน้องกลับมาก่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้พวกจี้เซี่ยงตงถอยห่างออกไปกว่าสิบลี้ ช่วยให้จ้านอู๋มิ่งมีเวลาเพิ่มอีกหน่อย เมื่อสัตว์อสูรวานรสองสามตัวกลับมา จ้านอู๋มิ่งก็ไม่อยู่ภายในถ้ำแล้ว
เห็นวานรเฒ่าที่รีบเร่งกลับมา จ้านอู๋มิ่งลอบพูดในใจว่าอันตรายจริงๆ ไม่กล้าอยู่ในหุบเขาค่างปีศาจอีกต่อไป รีบหลีกเลี่ยงวานรเฒ่าแอบออกจากหุบเขาค่างปีศาจ แล้ววิ่งหนีไปทิศทางตรงกันข้าม ระหว่างทางเก็บงำกลิ่นอาย เกรงว่าจะไปกระตุ้นความสนใจสัตว์อสูรที่ต่อสู้กันดุจไฟโหมกระหน่ำไกลกว่าสิบลี้เข้า
จ้านอู๋มิ่งเพิ่งหลบหนีไปได้ไม่กี่ลี้ ก็ได้ยินเสียงคำรามลั่นแว่วมาจากในหุบเขาค่างปีศาจ แสดงว่ากลุ่มวานรเฒ่าที่กลับถึงหุบเขาค่างปีศาจพบว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์สูญหายไปแล้ว ผนังกำแพงถ้ำแต่เดิมเต็มไปด้วยหินอัคคีิญญา ตอนนี้กลายเป็หลุมเป็บ่อเปล่าๆ ยกเว้นหินอัคคีิญญาที่แตกละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แล้ว หินอัคคีิญญาอื่นๆ ทั้งหมดถูกขโมยไปจนหมดสิ้นแล้ว พวกมันค้นหาจนทั่วหุบเขาค่างปีศาจ ก็ไม่พบร่องรอยของศัตรู จึงคำรามเสียงดังลั่นบอกข่าวราชันวานร
สัตว์อสูราาวานรคลุ้มคลั่งขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้สมองที่มิค่อยปราดเปรื่องนักของมันไม่คิดจะทำลายกลุ่มศัตรูที่อยู่ข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้ว แต่คำรามอย่างโกรธแค้นขึ้นครั้งหนึ่ง ถอนตัวจากการต่อสู้รีบกลับไปที่หุบเขาค่างปีศาจ คิดค้นหาโจรที่ขโมยดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ไป
จี้ฉางเฟิงเดิมก็้าหลบหนีอยู่แล้ว แต่ภายใต้การบุกโจมตีอันรุนแรงของสัตว์อสูรราชันวานร ไม่มีโอกาสหลบหนีแม้แต่น้อย ถูกสัตว์อสูรราชันวานรบังคับให้ต้องฝืนต่อสู้อย่างหนักหน่วง เขารู้สึกราวกับว่ากระดูกทั้งตัวล้วนถูกบดขยี้แล้ว เมื่อเขาคิดว่าจะต้องตายอย่างแน่นอน เสียงร้องของสัตว์อสูรวานรช่วยชีวิตเขาไว้ สัตว์อสูรราชันวานรยอมละทิ้งการไล่ล่าสังหารพวกเขาถอนตัวจากไปจริงๆ
สัตว์อสูรราชันวานรล่าถอย แต่กลุ่มสัตว์อสูรวานรยังคงโจมตีต่อ เวลานี้พวกจี้ฉางเฟิงหลายคนไม่มีกะจิตกะใจที่จะต่อสู้อีกต่อไป ยอมสูญเสียพลังปราณมหาศาลใช้เคล็ดวิชาหลบหนีจากไป เจิ้งอวี้ฟูที่หลบออกมาจากสมรภูมิต่อสู้มาได้อย่างหวุดหวิด ไหนเลยจะกล้าอยู่ต่อ โดยไม่คำนึงถึงแขกพิเศษของตระกูลที่ได้รับาเ็สาหัส เขาหันกายโกยอ้าว หนีจากไปทันที
[1] วานรเฒ่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้