หลี่ฮูหยินตกตะลึงเมื่อเห็นสีหน้าของหลินฟู่อิน ทว่าก่อนจะพูดอะไร หลินฟู่อินก็ปาขวดน้ำกุหลาบลงพื้นดัง ‘เพล้ง’ จนทั้งห้องฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบเข้มข้น
สีหน้านายหญิงใหญ่โจวดำทะมึน เม้มปากมองหลินฟู่อินด้วยสายตาทิ่มแทงราวกับจะเจาะใบหน้าอีกฝ่ายให้เป็รู
“อะไรเนี่ย? กลิ่นเหม็นเสียยิ่งกว่ายาพิษอีกเ้าค่ะ!” หลินฟู่อินมองขวดน้ำกุหลาบที่ปลายเท้าด้วยสายตารังเกียจ จากนั้นก็เงยหน้ามองนายหญิงใหญ่โจว “นายหญิงใหญ่เห็นว่าอย่างไรเ้าคะ?”
คำว่ายาพิษทำให้สีหน้าของนายหญิงใหญ่โจวเปลี่ยนไปอีกครั้ง จากดำกลายเป็ซีดขาว…
นางผุดลุกขึ้น ชี้นิ้วใส่หน้าหลินฟู่อิน “นางเด็กนี่ ข้าเห็นแก่หน้าฮูหยินเ้าจึงไม่เอาความ เหตุใดยังกล้ากล่าวว่าพวกเราสกุลโจวใช้ยาพิษอะไรนั่นอีก?”
หลินฟู่อินพูดแทงใจดำนาง น้ำกุหลาบนี้ผสมอย่างอื่นเข้าไปจริงๆ ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็ผงแป้งที่ไร้สีไร้กลิ่น ทำให้ผู้คนเสียสติได้
แน่นอนว่านายหญิงใหญ่โจวไม่กลัวคนอื่นจับได้อะไร เพียงแต่เหลือทนกับหลินฟู่อินแล้วเท่านั้น
ท่าทีของอีกฝ่ายทำให้หลินฟู่อินยิ่งรู้สึกว่าน้ำกุหลาบนี้ต้องมีอะไรผิดปกติเป็แน่ แน่นอนว่าที่มีปัญหาคงไม่ใช่แค่น้ำกุหลาบอย่างเดียว
คนสกุลโจวดูแล้วไม่คิดจะไว้ชีวิตลูกสะใภ้กับหลานในท้อง เื่นี้ทำให้หลินฟู่อินอดรู้สึกเย็นเยียบในใจไม่ได้
คนสกุลโจวโหดร้ายยิ่งนัก อยู่ไปก็มีแต่จะทำให้โลกใบนี้เสื่อมทราม ไม่รู้เื้ัสกุลโจวมีใครเป็นายใหญ่ที่แท้จริง แต่หากภายภาคหน้ามีโอกาส นางต้องลากตัวคนที่เป็นายใหญ่ของบ้านนี้ออกมาให้ได้
เห็นพี่สะใภ้โมโห หลี่ซื่อก็ยิ้มพูดแทนหลินฟู่อิน “พี่สะใภ้เ้าคะ คนบางคนก็ไม่ชอบกลิ่นกุหลาบเข้มข้น ข้าเองก็เช่นกัน เกรงว่าเด็กคนนี้ก็คงจะเหมือนกัน เห็นแก่หน้าข้าเถอะ อย่าโกรธไปเลยนะเ้าคะ ดื่มสุราเถิดเ้าค่ะ”
พี่สะใภ้เล่าให้นางฟังแล้วว่าต่อหน้าผู้อื่นหลินฟู่อินรับบทเป็สาวใช้ประจำตัว เห็นพี่สะใภ้ฝั่งบ้านสามีตำหนิสาวใช้ที่พี่สะใภ้สกุลหลี่พามาต่อหน้าผู้อื่น แม้นางจะไร้เดียงสาเพียงใดก็ทราบว่าพี่สะใภ้จากฝั่งบ้านเดิมของตนใส่ใจนางมากกว่า
อีกอย่างคือนางไม่ได้โง่ แม่นางหลินต่อหน้านางเฉลียวฉลาดเพียงนั้นกลับแสร้งทำท่าโง่เง่าต่อหน้าพี่สะใภ้บ้านสามี แปลว่าต้องมีเื่ผิดปกติแน่นอน
เมื่อคิดว่าหลินฟู่อินปาขวดน้ำกุหลาบที่นางต้องดื่มทิ้งเช่นนี้ หรือน้ำกุหลาบจะมีอะไรผิดปกติ?
ใช่แล้ว เพราะแม่นางหลินเป็หมอ แค่ดมก็ปาขวดทิ้งเสียแล้ว แสดงว่าต้องพบอะไรบางอย่างเป็แน่
หลี่ซื่อคิดได้เช่นนี้สายตาที่มองพี่สะใภ้ฝั่งบ้านสามีก็เปลี่ยนไป
สตรีอ่อนแอ แต่ผู้เป็มารดาล้วนแข็งแกร่ง นางไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำร้ายนางอย่างไร แต่หากเป็ลูกในท้องของนาง แม้แต่ฮ่องเต้ก็อย่าหวัง!
หลินฟู่อินเหลือบมองหลี่ซื่อ เห็นแววตาเฉียบคมที่ปรากฏขึ้นวาบหนึ่งก็แอบถอนใจ
ที่จริงนางไม่ได้พบอะไรทั้งนั้น ที่ปาขวดทิ้ง หนึ่งคือ้าทดสอบนายหญิงใหญ่โจว สองคือเผื่อเอาไว้ก่อน หากในน้ำกุหลาบมีอะไรผิดปกติ ทำลายทิ้งไว้ก่อนดีกว่า
แต่หลินฟู่อินไม่นึกว่าท่าทีของนางจะทำให้หลี่ซื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ ทำให้อีกฝ่ายระมัดระวังตัวมากขึ้นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ถือเป็เื่ที่ถูกต้อง
“เฮอะ เห็นแก่เด็กในท้องของสะใภ้สี่ ข้าจะไม่เอาความเ้า” นายหญิงใหญ่โจวกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ผ่านไปครู่เดียวดวงตาก็ทอประกายอีกครั้งก่อนจะหันไปมองหลี่ฮูหยินแล้วกล่าว “เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ ที่จริงข้าก็ไม่ได้้าเอาความอะไรกับสาวใช้ตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวหรอกเ้าค่ะ แต่น้ำกุหลาบนี้ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจมอบให้สะใภ้สี่ ทว่าของกลับพังไปเช่นนี้ ทั้งยังพูดเื่ยาพิษอะไรนั่นอีก…”
หลี่ฮูหยินได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ก็อดแค่นหัวเราะในใจไม่ได้ ถามกลับพร้อมรอยยิ้ม “มิใช่ว่าน้ำกุหลาบที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้ไร้พิษหรอกหรือเ้าคะ? เหตุใดนายหญิงใหญ่จึงยึดติดอยู่แต่กับเื่นี้เหลือเกิน? หรือจะมีพิษจริงแล้วแทงใจท่านหรืออย่างไร?”
ท่าทีล้อเล่น น้ำเสียงหยอกล้อ แต่ทำให้อีกฝ่ายเกือบสำลักตาย
“แน่นอนว่าไม่มียาพิษ จะเป็พิษได้อย่างไร? เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ช่างล้อเล่นเก่งนัก” นายหญิงใหญ่โจวฝืนยิ้ม พูดมาถึงขั้นนี้แล้วหากยิ่งพูดคงจะยิ่งผิด จึงได้แต่ต้องข่มกลั้นความโกรธแล้วพูดออกมา “รีบกินเถอะ ประเดี๋ยวอาหารเย็นแล้วจะไม่อร่อย รีบขยับตะเกียบกันดีกว่าเ้าค่ะ”
หลี่ฮูหยินยิ้มตอบ
หลินฟู่อินเดินไปด้านหลังหลี่ฮูหยิน คอยคีบอาหารให้อีกฝ่าย ในขณะที่กำลังคีบเห็ดให้อีกฝ่ายก็กระซิบ “ระวังสุราให้ดีเ้าค่ะ”
สีหน้าหลี่ฮูหยินแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนจะพยักหน้าน้อยนิดจนแทบมองไม่เห็น นางเป็คนหัวไวจึงได้รีบกลอกตาหาความคิดดีๆ
จากนั้นหลี่ฮูหยินก็ลุกขึ้น ใบหน้าเปื้อนยิ้มถือไหสุราที่นายหญิงใหญ่โจวหยิบมารินให้นางก่อนหน้าติดมือ
เมื่อเดินถึงตัวอีกฝ่ายก็กล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ครั้งนี้มาที่นี่สร้างปัญหาให้นายหญิงใหญ่เสียแล้ว จอกแรกนี้ถือเป็การคารวะท่าน!”
นายหญิงใหญ่โจวเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มรับทันที “เช่นนั้นเหตุใดต้องเขินอายกันอีกเ้าคะ ท่านเป็แขกผู้มาเยือน ข้าสิควรเป็ฝ่ายคารวะท่านก่อน”
ขณะที่กล่าว คนก็ลุกขึ้นพร้อมจอกสุราในมือ พอกำลังจะยกขึ้นดื่ม หลี่ฮูหยินกลับมองจอกสุราของนาง จากนั้นขยับเคลื่อนไหวรวดเร็ว เพียงพริบตาก็รินสุราในจอกตัวเองลงในจอกสุราของนายหญิงใหญ่โจวเสียก่อน
เช่นนี้เองสุราเกินครึ่งในจอกของหลี่ฮูหยินจึงถูกเทสู่จอกของนายหญิงใหญ่โจว ส่วนอีกครึ่งหกลงพื้น เหลืออยู่ในจอกจริงๆ เพียงนอนก้นเล็กน้อยเท่านั้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนนายหญิงใหญ่โจวทำได้เพียงยืนถือจอกสุราค้างไว้ในมือเท่านั้น
จากนั้นหลี่ฮูหยินยิ้มกล่าว “นายหญิงใหญ่ใจกว้างยิ่งนัก รินสุราให้ข้ามากเกินไปแล้วเ้าค่ะ จะเป็เช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า? ผู้ที่ทำงานหนักทั้งวันทั้งคืนจึงจะคู่ควร นายหญิงใหญ่ควรร่ำสุราให้มากหน่อยนะเ้าคะ”
ในที่สุดนายหญิงใหญ่โจวก็รู้สึกตัว สีหน้าโกรธเกรี้ยวสลับสับเปลี่ยนไปมา
หลินฟู่อินคอยจับสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายอยู่ตลอด เห็นคนเป็เช่นนี้นางก็ยิ้มเย็น ในใจลอบยกนิ้วโป้งให้กับความรวดเร็วของหลี่ฮูหยิน
“โอ เหตุใดนายหญิงใหญ่ไม่ดื่มล่ะเ้าคะ? จอกนี้ที่รินให้ถือเป็การแสดงความเคารพจากข้า” หลี่ฮูหยินเห็นนายหญิงใหญ่โจวยืนนิ่ง จอกสุราไม่ขยับเข้าใกล้ริมฝีปาก ในใจมีหรือจะไม่เข้าใจ?
เกรงว่าในนั้นคงผสมอะไรลงไปกระมัง?
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ข้าเองก็คงดื่มไม่ได้เช่นกัน ข้าตอบแทนสุราท่านด้วยความจริงใจ หากนายหญิงใหญ่ไม่ดื่ม ข้าจะมีหน้าดื่มได้อย่างไร?” หลี่ฮูหยินตบหลังอีกฝ่าย
นายหญิงใหญ่โจวรู้สึกเหมือนจะกระอักเื ในปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวหวาน
ให้นางดื่มเล็กน้อยก็ไม่เป็ไร แต่หากดื่มมากเกินไป…
นางไม่กล้าแม้แต่จะคิด จึงได้ข่มความโมโหลงไปในใจ มองรอยยิ้มเต็มหน้าของหลี่ฮูหลินแล้วกล่าว “เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ก็ทราบว่าข้าต้องดูแลจวนทั้งจวน ไม่อาจดื่มมากเกินไปจึงได้ทำเช่นนี้ เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ต่างหาก อยากทำอะไรก็สามารถทำได้เต็มที่”
หลี่ฮูหยินพยักหน้าหงึกหงัก
นายหญิงใหญ่โจวก้มหน้าลงจิบสุราเล็กน้อยก่อนจะมองหลี่ฮูหยินด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “หลี่ฮูหยินก็ดื่มด้วยกันเถอะ”
“ได้ ข้าจะดื่มด้วย ข้าจะดื่มด้วย” หลี่ฮูหยินหัวเราะคิกคัก จากนั้นยกจอกสุราขึ้นแตะริมฝีปากให้ััโดนเล็กน้อย ทำท่าคล้ายดื่มจนหมดทั้งที่ไม่ได้จิบลงไปแม้แต่คำเดียว
เห็นนายหญิงใหญ่โจวดื่มลงไปจริงๆ หลินฟู่อินจึงเดาว่าจิบเข้าไปนิดหน่อยคงไม่เป็ไร หรือบางทีคนคงมียาถอนพิษอยู่ แต่หลี่ฮูหยินอย่างไรก็ห้ามดื่มเด็ดขาด
“โอ เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ดื่มเก่งยิ่งนัก มา มาเติมให้เสี่ยวจิ้วไท่ไท่หน่อย!” นายหญิงใหญ่โจวเห็นเช่นนี้ก็ดีอกดีใจยิ่งนัก รีบเรียกคนมาเติมสุราให้หลี่ฮูหยินทันที
ทว่าหลี่ฮูหยินกลับลุกขึ้นมองจอกสุราของอีกฝ่ายแล้วส่ายหน้าไปมา “นายหญิงใหญ่ไม่ซื่อตรงเสียเลย ท่านมิได้ดื่มแม้แต่จิบเดียวไม่ใช่หรือ? ท่านไม่จริงใจ ข้าไม่เอาแล้ว ไม่ดื่มแล้ว!”
นายหญิงใหญ่โจวกัดฟันด้วยความหงุดหงิด ทว่าเพื่อเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายดื่มสุรามากหน่อย นางจึงได้แต่อดทนอยู่เช่นนี้เอง
หลินฟู่อินมองอาหารหรูหราบนโต๊ะ ในใจนึกยินดีไม่น้อย
“เช่นนั้นก็อย่าดื่มเลยเ้าค่ะ ยกอาหารออกไปเถอะ” ทันใดนั้นหลี่ซื่อก็ลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าเหินห่าง
อยู่ๆ นายหญิงสี่จากสกุลหลี่ก็พูดขึ้นมา คำพูดของนางรุนแรงนัก คนใกล้ชิดนางล้วนไม่เป็ไร แต่นายหญิงใหญ่โจวกลับเป็ฝ่ายตกตะลึง
ทันใดนั้นนางก็ยิ้มอย่างวุ่นวายขึ้นมา “น้องสะใภ้สี่เป็อะไรไป? เพิ่งจะกินข้าวไปเล็กน้อย ทั้งที่เ้าก็เจริญอาหารเป็อย่างดี เหตุใดให้เก็บโต๊ะเสียแล้ว?” คนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่งสอน “เสี่ยวจิ้วไท่ไท่ก็เป็พี่สะใภ้เ้า เป็แขกคนหนึ่ง สะใภ้สี่ทำเช่นนี้นับว่าเกินไปแล้ว ไม่เหมาะสมเกินไปหน่อยหรือไม่?”
หลี่ซื่อขมวดคิ้วมองนายหญิงใหญ่โจว “ปีก่อนๆ ข้าเห็นท่านยังร่วมสนุกกับญาติของพี่สะใภ้คนอื่นได้ จอกสุรายกให้ท่านล้วนไม่ปฏิเสธ เหตุใดเมื่อพี่สะใภ้จากบ้านข้ามาท่านจึงไม่ยอมรับเ้าคะ? เช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ?”
“เอ่อ…” โดนถามเช่นนี้ นายหญิงใหญ่โจวก็แทบจะสำลัก วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
เหตุใดเื่จึงไม่เป็ไปตามที่ควรจะเป็เอาเสียเลย?
นางปวดหัวตุบๆ ขึ้นมา แต่ยังพูดกับหลี่ซื่อด้วยความอดทน “สะใภ้สี่ เ้ามิใช่กำลังจะคลอดลูกอยู่รอมร่อหรือ? ข้ายังต้องเตรียมรับการคลอดของเ้า ่นี้ข้ายุ่งวุ่นวายนัก ย่อมไม่อาจดื่มสุราได้”
ดวงตาคู่งามของหลี่ซื่อหรี่ลง นางพยักหน้า “ข้าเองก็มิได้ไม่รู้ความ… ที่สั่งให้บ่าวเก็บโต๊ะก็เพื่อให้ทุกคนมีเวลาไปจัดการธุระของตัวเองเ้าค่ะ”
นายหญิงใหญ่โจวจึงได้ไร้หนทางปฏิเสธ
ทันใดนั้นหลี่ฮูหยินก็กล่าว “ตายจริง ข้าอิ่มพอดี ยกอาหารออกไปเถอะ น้องสะใภ้ข้าอยากพักผ่อนแล้ว ทำให้นางโมโหเช่นนี้จะไม่ดีเอา”
นายหญิงใหญ่โจวไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่มองดูสำรับอาหารถูกเก็บออกไปตามคำสั่งของหลี่ซื่อเท่านั้น
เื่นี้กลายเป็ยุ่งยากอีกแล้ว นางเองก็ไม่กล้ากลับไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าด้วยเกรงว่าจะโดนตำหนิรุนแรงอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน จดหมายที่หลินฟู่อินเขียนถึงนายท่านผู้เฒ่าหลี่ก็ไปถึงมือผู้รับสารแล้ว เมื่อคนแกะจดหมายออกมาอ่านก็โมโหเสียจนแทบหมดสติ รีบร้อนเรียกตัวเหล่าบุตรและหลานทั้งหลายในบ้านมา แสดงเนื้อหาจดหมายให้ทุกคนดู
ลูกหลานสกุลหลี่ต่างตกตะลึง พากันกล่าวว่าเื่นี้ต้องคิดบัญชีกับสกุลโจวให้ได้
นายท่านผู้เฒ่าหลี่ยังมีสติอยู่บ้าง จึงวางแผนว่าจะเดินทางไปยังชิงเหลียนก่อน แล้วค่อยไปสืบเื่นี้ในชิงเหลียนอีกครั้ง
ดังนั้นผู้เฒ่าแห่งสกุลหลี่จึงได้สั่งให้ลูกหลานหลายสิบคนที่หนุ่มแน่นแข็งแรงเดินทางไปยังชิงเหลียนพร้อมกัน มิคาดเมื่อเดินทางมาถึงชิงเหลียนกลับไม่จำเป็ต้องสืบความจากใครแม้แต่น้อย ผู้คนทั่วเมืองต่างพากันพูดถึงเื่นี้ให้สนุกปาก
ดังนั้นสกุลหลี่จึงได้กำหมัดมุ่งหน้าไปยังจวนสกุลโจว
อีกด้านหนึ่ง หลิวฉินจับตามองประตูเล็กหลังจวนสกุลโจวอยู่หลายวันแต่ไม่มีใครออกมาส่งจดหมาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงาของหลินฟู่อิน ทำให้เขาเป็กังวลแทบแย่
เขาส่งคนจากกลุ่มคนใต้ดินที่จ้างมาเป็พิเศษให้นำเงินจำนวนหนึ่งไปยังประตูเล็กของจวนสกุลโจว แล้วจัดการเื่บ่าวที่เฝ้าประตูให้เรียบร้อย
แต่เมื่อคนผู้นั้นไปถึงก็กลับมาแจ้งว่าประตูเล็กของจวนมิได้มีบ่าวหญิงชราเฝ้าอีกแล้ว กลับเป็บุรุษร่างใหญ่สี่คน
หลิวฉินได้แต่ต้องยอมแพ้ ในใจนึกรังเกียจความเ้าเล่ห์หัวไวของเ้าตระกูลสกุลโจวที่ลงมือรวดเร็วเกินไป
หากเป็เช่นนี้เขาก็คงได้แต่ต้องหาทางอื่นเพื่อสืบความว่าหลินฟู่อินกับหลี่ฮูหยินที่อยู่ในจวนสกุลโจวเป็อย่างไรบ้าง
ทว่าจวนสกุลโจวราวกับถังเหล็ก จะบ่าวไพร่เรือนหน้า หรือกระทั่งสาวใช้และหมัวมัวในเรือนหลังก็แทบจะไม่ออกมานอกจวน
หลิวฉินลอบกัดฟัน รู้ว่าสกุลโจวทำเช่นนี้หากมีเื่สกปรกเกิดขึ้นก็คงปิดบังเอาไว้ได้อย่างน้อยสองสามปีทีเดียว
เมื่อไม่ได้ยินข่าวจากหลินฟู่อินมาสามวัน ชายหนุ่มก็เหมือนมดบนกระทะร้อนๆ แต่ในยามนี้นายท่านผู้เฒ่าหลี่ที่รีบร้อนเดินทางมาชิงเหลียนพร้อมลูกหลานสกุลหลี่สิบกว่าคนก็มาถึงพอดี
คนไม่เสียเวลาหาโรงเตี๊ยมพักผ่อน ทว่ามุ่งหน้าตรงไปยังสกุลโจวทันที
คนสกุลหลี่สิบกว่าชีวิตยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าจวนสกุลโจว ทำเอาบ่าวเฝ้าประตูใกลัวจนแทบฉี่ราด
คนตัวสั่นรีบร้อนเข้าไปแจ้งข่าวในจวนทันที
จากนั้นไม่นาน คุณชายใหญ่สกุลโจวก็รีบร้อนออกมาทักทายพวกเขาพร้อมพี่น้องหลายคน
เื่ที่เกิดขึ้นในจวนแน่นอนว่าพวกเขาทราบ แต่อย่างไรก็ต้องเชื่อฟังคำของฮูหยินผู้เฒ่า ต่อให้รู้ก็ต้องแสร้งทำเป็ไม่รู้
แต่พอเห็นคนสกุลหลี่บุกมากันรวดเร็วเพียงนี้ สีหน้าของคุณชายทั้งหลายจึงดูไม่ดีนัก แน่นอนว่าอย่างไรก็ยังต้องแสดงท่าทีเคารพต้อนรับพวกคนสกุลหลี่ที่บุกมาก่อน
นอกจากพี่ชายของหลี่ซื่อไม่กี่คนที่เป็พี่แท้ๆ แล้ว คนอื่นๆ นั้นนายท่านผู้เท่าหลี่จงใจเลือกมาเป็กลุ่มญาติๆ ที่ชมชอบศึกษาเื่วรยุทธ์ เมื่อเทียบกับคนสกุลโจวที่เป็บัณฑิตอ่อนแอแล้ว กลุ่มของคนสกุลหลี่ก็ดูเหนือกว่าจนเทียบไม่ได้
นายท่านผู้เฒ่าหลี่ไม่สนใจคุณชายใหญ่แม้แต่น้อย เขานำคนบุกเข้าไปในจวนโดยตรงแล้วะโลั่นด้วยความโมโห “ข้าผู้ชราไม่คุยกับเด็กๆ เช่นพวกเ้า ไปเอาโจวต้าฉวนออกมาพบข้า! ข้าผู้ชราคงต้องถามให้ดีเสียแล้วว่ามันสอนลูกชายออกมาอย่างไรจึงได้ไร้ศีลธรรมเช่นนี้ แล้วยังคิดจะมาสังหารลูกสาวกับหลานของข้าอีก?”
“นายท่านผู้เฒ่าขอรับ ข้าต้องขออภัยด้วย แต่บิดาข้าแก่ชรานอนติดเตียง สับสนมาตั้งนานแล้ว ต่อให้พบท่านก็ไม่ทราบว่าเป็ท่าน หากนายท่านผู้เฒ่าประสบเื่ใดมาก็บอกข้าเถอะขอรับ” คุณชายใหญ่โจวยิ้มขออภัย จากนั้นจึงขมวดคิ้วน้อยๆ “ว่าแต่นายท่านผู้เฒ่าพูดเื่อะไรกันขอรับ? เื่เป็อย่างไรกันแน่? ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย!”
นายท่านผู้เฒ่าหลี่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว “ไอ้พวกสกุลโจวตัวดี! ตอนนั้นข้าตาบอดจริงๆ พ่อเ้ามาขอให้ข้ามอบเจียโหรวให้คุณชายสี่บ้านเ้า ข้าเองก็ยินยอม แต่ยามนี้พวกเ้ากลับทำผิดต่อนนางแล้วยังคิดหลอกลวงข้า!”
“เื่นี้ เื่นี้หลานชายจะว่าอย่างไรดี? หลานชายไม่เข้าใจนัก…” คุณชายใหญ่โจวมิใช่คนมีไหวพริบนัก เมื่อถูกคนสกุลหลี่ที่บุกมาข่มขวัญมากเข้าก็ได้แต่อึกอักพูดซ้ำๆ ไม่หยุด
นายท่านผู้เฒ่าหลี่สวนกลับไปทันที “ข้าไม่มีหลานเป็พวกเ้าคนสกุลโจว! พ่อเ้าเป็ใครก็ช่าง ในเมื่อจำข้าไม่ได้ ข้าก็จะไปหาฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเ้าเพื่อทวงความเป็ธรรม! หรือฮูหยินผู้เฒ่าบ้านเ้าก็ไม่รู้จักข้าไปด้วย?”
คุณชายใหญ่โจวผงะ ดูท่าทางนายท่านผู้เฒ่าหลี่แล้วก็เกรงว่าหากให้คนวิ่งไปหาฮูหยินผู้เฒ่าโจวเอาตอนนี้จะยิ่งทำให้เื่เลวร้ายลงได้…
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้เขาพาน้องๆ มาหยุดกลุ่มผู้เฒ่าหลี่ ไม่้าพบอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
เพราะความกลัว…
เื่ที่เคยคิดว่าดี ตอนนี้กลับอยู่นอกเหนือการควบคุมเสียแล้ว!
“นายท่านผู้เฒ่าขอรับ มารดาของหลาน… ก็ป่วยเช่นกัน ยามนี้นอนซมอยู่บนเตียงขอรับ”
“อ้อ เป็เช่นนั้นหรือ?” นายท่านผู้เฒ่าหลี่แค่นหัวเราะ ดวงตาเย็นเยียบ ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ “ข้าผู้ชราเกรงว่าพวกเ้าคนสกุลโจวทำเื่ชั่วช้าแล้วจะทนไม่ไหวจนล้มป่วยพร้อมกัน จึงได้นำตัวหมอมาด้วยเสียหลายคน ไม่ต้องเป็ห่วง ยาที่มีต้องรักษาโรคได้แน่นอน!”
น้ำเสียงของนายท่านผู้เฒ่าหลี่ทำให้คุณชายใหญ่รู้สึกเย็นเยียบไปถึงกระดูก เขาหลับตาลง คิดในใจว่า ไอ้เ้าสี่ตัวดีทำเื่ทำร้ายสกุลโจวลงไปเสียแล้ว!
ตอนฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่านายท่านผู้เฒ่าหลี่พาลูกหลานมาสิบกว่าคนบุกมาถึงสกุลโจว ในใจก็สั่นสะท้านรุนแรง ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเื่นี้จะหลุดไปถึงหูสกุลหลี่ไวเพียงนี้ ต้องทราบว่าจากบ้านบรรพบุรุษของสกุลหลี่นั้นอยู่ชานเมืองห่างไกล ต้องใช้เวลาเดินทางจากที่นี่ไปสองวันหนึ่งคืน!
หากเป็เช่นนั้น เื่ของบ้านสี่ก็ต้องไปถึงหูสกุลหลี่ั้แ่เมื่อสี่ห้าวันก่อนแล้ว?
นายหญิงใหญ่โจวนับนิ้วคำนวณ ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดเผือด
สี่ห้าวันก่อน? มิใช่เป็ตอนที่เสี่ยวจิ้วไท่ไท่สกุลหลี่มาถึงจวนหรอกหรือ?
สุดท้ายก็แพ้ให้นางคนบัดซบนั่น?
ฮูหยินผู้เฒ่ายามนี้หน้าซีดขาวท่าทีดุร้าย คนตบโต๊ะปังๆ สบถด่านายหญิงใหญ่โจวที่คุกเข่าอยู่ไม่หยุด “นางโง่ ทั้งหมดล้วนเป็ความผิดเ้า! ข้าให้เ้าจัดการเสี่ยวจิ้วไท่ไท่นั่น มีเวลาสองวันติดๆ กันก็ยังหาโอกาสลงมือไม่ได้! ยามนี้ผู้เฒ่าหลี่ถูกลากมาเกี่ยวด้วยแล้วอย่างไรก็จบไม่สวยแน่ นางหัวทึบปัญญานิ่มพอใจหรือยัง?”
นายหญิงใหญ่โจวนั่งตัวสั่นอยู่บนพื้น ไม่ว่าแม่สามีจะด่าอย่างไรนางก็ไม่กล้าโต้กลับแม้แต่น้อย
มิใช่นางไม่อยากโต้เถียงด้วย แต่เป็เพราะเข้าใจว่ายามนี้ทุกสิ่งจบสิ้นแล้ว
ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้า เงยหน้าซีดขาวขึ้นอ้อนวอน “ท่านแม่เ้าคะ เห็นแก่ลูกหลานสกุลโจว กำจัดอนุนอกบ้านนั่นเถอะเ้าค่ะ…”
“เ้าจะให้ข้าทิ้งลูกสี่?” ฮูหยินผู้เฒ่ามองลูกสะใภ้คนโตที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าคล้ายจะกินเืกินเนื้อ
นายหญิงใหญ่โจวปิดตาแน่น ก่อนจะเบิกโพลงขึ้นกะทันหันแล้วกล่าว “ล้วนเป็โชคชะตาเ้าค่ะ พวกเราสกุลโจวไร้วาสนา หาไม่เหตุใดวางแผนมาหลายปี ทุกสิ่งล้วนเป็ไปได้ด้วยดี อยู่ๆ จึงมาพังเอาใน่ท้าย? แล้วเสี่ยวจิ้วไท่ไท่สกุลหลี่นั่นเล่า? คนมาถึงเพียงไม่นานข่าวลือเื่น้องสี่ก็แพร่ไปทั่วเมือง ข้าเองก็ทำตามที่ท่านแม่สั่งอยู่หลายครั้ง แต่คนกลับหลีกเลี่ยงได้ตลอด มิใช่เป็โชคชะตาหรอกหรือเ้าคะ?”
“ฮ่าๆ โชคชะตาหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวยิ้มเย็น ก่อนจะกล่าวเสียงแข็ง “ข้าไม่เชื่อเื่โชคชะตาเื่กรรมอะไรนั่นที่สุดแล้ว!”
นางชะงักครู่หนึ่ง ก่อนดวงตาจะทอแสงวาบ โบกมือเรียกนายหญิงใหญ่โจว “มานี่ ข้ามีเื่จะให้เ้าไปทำ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้