สตรีนางหนึ่งไปหักร้างถางพงหญ้าที่มีความสูงเท่าตัวคนเพียงลำพังนั่นไม่ต่างอะไรกับการบุกเบิกพื้นที่รกร้างเลย!
เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!
ท่านลุงสี่รีบส่งสายตาให้ภรรยาที่อยู่ข้างๆ"เ้ารีบไปเอาเมล็ดถั่วเหลืองให้จื่อเซวียนจำนวนหนึ่ง"
ท่านป้าสี่รีบขานตอบ “อ่อ” อยู่หลายครั้ง เข้าไปในบ้าน เพียงครู่เดียวใช้ผ้าห่อถั่วเหลืองออกมาหนึ่งห่อ “เอ้า ถั่วเหล่านี้น่าจะพอสำหรับที่นาบ้านเ้าแล้ว”
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้รับแต่ยื่นส่งไข่ไก่ไป “ท่านป้าสี่ ไข่ไก่เหล่านี้ พอหรือไม่?”
ไข่ไก่ห้าฟอง เท่ากับห้าอิแปะตามหลักแล้วย่อมไม่พอ แต่ไข่ไก่เหล่านี้เป็ไข่ทั้งหมดที่บ้านเขามีแล้ว
ท่านลุงสี่ “พอไม่พออะไรกันเ้านำไข่เหล่านี้กลับไป รอให้ถั่วเหลืองบ้านเ้างอกแล้ว ค่อยคืนข้า ดีหรือไม่?”
ท่านป้าสี่ก็กล่าว “จริงด้วยเ้านำไข่ไก่เหล่านี้กลับไป รอให้เ้าปลูกถั่วได้แล้วค่อยคืนเรา”
แต่เซียวจื่อเซวียนกลับไม่รับยังคงยืนกรานที่จะยื่นส่งไข่ไก่ให้ “ข้ารู้ว่าไข่ไก่เหล่านี้ไม่พอแน่ ท่านลุงสี่ท่านป้าสี่ ไข่ไก่เหล่านี้พวกท่านรับไว้ก่อน รอให้บ้านข้ามีเงินก็จะรีบนำมาให้ท่าน”
ท่านลุงสี่ “เื่นี้...”
“หากท่านไม่ยอมรับข้าได้แต่ไปแลกที่บ้านอื่นแล้ว!” เซียวจื่อเซวียนกล่าวกล่าวจบก็กำลังจะไป
ท่านป้าสี่เรียกเขาไว้ “เ้านี่นะทำไมถึงทำตัวห่างเหินกับพวกเรานัก แค่ถั่วเล็กน้อยเท่านั้นทำราวกับเป็เื่ใหญ่อย่างไรอย่างนั้น!”
ไข่ไก่ห้าฟอง กับถั่วจำนวนหนึ่งแม้จะยังต่างกัน แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก
เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“พี่สะใภ้ใหญ่บอกไว้ว่าจะรับของของคนอื่นโดยง่ายไม่ได้”
พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่เซียวจื่อเซวียนกล่าวอะไรก็เกี่ยวกับพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา เซียวิจูโมโหจนใบหน้าแดงก่ำหันขวับเข้าบ้านไป ปิดประตูเสียงดังสนั่น
ท่านลุงสี่หันมองตามแผ่นหลังของบุตรสาวตัวเองด้วยความประหลาดใจกล่าวกับท่านป้าสี่ที่อยู่ข้างๆ “ิจูนาง… นางเป็อะไรไป?”
ภายในใจท่านป้าสี่รู้สึกอึดอัดใจนักแต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า ยิ้มพร้อมกล่าว “บางทีอาจเพราะวันนี้นางเหนื่อย”
ท่านลุงสี่ขานตอบ
เซียวจื่อเซวียนกล่าวเช่นนี้แล้วท่านป้าสี่ก็ได้แต่รับไข่ไก่ เซียวจื่อเซวียนเอ่ยคำขอบคุณจากนั้นจึงโค้งคำนับทั้งสองคน แล้วจึงจากไป
มองส่งแผ่นหลังของเซียวจื่อเซวียนที่เดินจากไปท่านลุงสี่ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก “ภรรยาอายวี่ เหตุใดถึงประหลาดนัก! แต่แบบนี้ก็ดีหากอายวี่กลับมา เห็นว่าภรรยาของเขาทั้งดีต่อเด็กๆ ทั้งทำอะไรมากมายต้องรู้สึกดีใจแน่!”
ท่านป้าสี่ถลึงตามองเขาทีหนึ่งเขารู้สึกงงงวย “เ้าถลึงตาใส่ข้าทำไม?”
เย็นนี้เซียวิจูไม่ได้ออกมากินข้าว ท่านป้าสี่เป็คนยกเข้าไปไม่รู้ว่าสองแม่ลูกคุยอะไรกันอยู่ข้างใน สุดท้ายท่านป้าสี่ก็ออกมาด้วยท่าทางโมโหโมโหแทบตาย
เมื่อกลับถึงห้องตัวเองท่านลุงสี่กำลังจิบสุรา กล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดี “เ้าเป็อะไรไป? ทำไมถึงโมโหขนาดนี้?”
เขาหันมองออกไปด้านนอกจากนั้นจึงเอ่ยถาม “ิจูอารมณ์เสียใส่เ้า? ิจูก็โตแล้วเื่บางอย่างเ้าอย่ากล่าวหนักเกินไป นางเป็สตรีย่อมหน้าบาง”
กล่าวจบจึงแหงนหน้าจิบสุราอีกคำหนึ่ง ท่าทางมีความสุขทั้งยังเริ่มฮัมเพลงราวกับว่าไม่มีเื่วุ่นวายใจใดๆ!
ท่านป้าสี่นั่งลงบนเตียงเตาเมื่อเห็นท่านลุงสี่ที่ทำตัวประหนึ่งคนไร้หัวจิตหัวใจ ก็โมโหแทบตายอีก “พวกเ้าสองคนพ่อลูกต่างก็ชอบหาเื่ ข้าเหนื่อยยากมาครึ่งค่อนชีวิต ก็เพื่อพวกเ้าไม่ใช่หรือพอมาตอนนี้ กลับพูดเหมือนข้าเป็คนไม่ดี”
“เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?” ท่านลุงสี่โดนกล่าวว่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร ภายในใจจึงรู้สึกอัดอั้นนัก
เซียวจื่อเซวียนหอบถั่ววิ่งเหยาะๆกลับบ้านไป
ปลายเดือนสองแล้วพระจันทร์ครึ่งเสี้่ยวลอยอยู่บนท้องฟ้า เส้นทางไม่สว่างเท่าไหร่แต่เซียวจื่อเซวียนไม่กลัวแม้แต่น้อย หอบถั่วไว้ ท่าทางหวงแหนราวกับหอบอนาคตวันข้างหน้าไว้อย่างไรอย่างนั้น
พี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้วว่าอนาคตวันข้างหน้า จะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เซียวจื่อเซวียนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เมื่อมีถั่ว ก็มีเมล็ดพันธุ์เซี่ยยวี่หลัวทำงานอย่างขมักเขม้นยิ่งขึ้น เพียงแต่นางไม่เคยทำงานหนักถึงเพียงนี้เช้าวันรุ่งขึ้น จึงมีตุ่มน้ำพองขึ้นที่มือจำนวนหนึ่ง เมื่อจับของก็เ็ปถึงหัวใจ
นางไม่กล้าพูดได้แต่ใช้ผ้าห่อฝ่ามือไว้อย่างแ่า จึงทุเลาลงบ้าง แต่เพราะต้องใช้แรงมากตุ่มน้ำถูกบีบอัด ทั้งน้ำและเืไหลออกมา เ็ปจนเซี่ยยวี่หลัวกัดฟันแสยะปาก
เพียงแต่ นางไม่ได้ให้เด็กสองคนเห็นและไม่ได้บ่นเจ็บแม้แต่คำเดียว
ทำมาสองวันในที่สุดก็กำจัดหญ้าในที่นาจนสะอาดไปกว่าสามส่วนแล้วส่วนที่ลากกลับบ้านได้ก็ลากกลับ ส่วนที่ลากกลับไม่ได้ ก็กองรวมกันไว้จุดไฟค่อยๆเผาทิ้ง
เพียงแต่ต้นอ่อนต้นหญ้าที่อยู่ใต้ดินไม่สามารถใช้ไฟเผาได้
โบราณกล่าวไว้ ไฟป่าเผาไม่สิ้นเมื่อสายลมวสันต์พัดผ่านก็กำเนิดใหม่ หากไม่ขุดรากถอนโคน ผ่านไปไม่กี่วันก็จะงอกขึ้นใหม่
เซี่ยยวี่หลัวเห็นที่นาที่สะอาดขึ้นไม่น้อยก็แบกจอบขึ้นมาขุดต้นหญ้าต่อ
ชาวบ้านที่กำลังง่วนอยู่กับงานไม่ห่างนักเห็นว่าตรงตีนเขามีควันไฟลอยขึ้นต่างก็หันมองไปทางนั้น เมื่อเห็นอย่างชัดเจนจึงเห็นว่าเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังขุดถอนหญ้าอยู่ในที่นา
คนขุดนำที่ตัวสูงนั่น คือเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่หรือ?
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวมาทำงานในไร่นาคนที่อยู่ในไร่นาจึงเกิดความชุลมุน ทุกคนต่างหยุดทำงาน บ้างก็มองจากไกลๆบ้างก็วิ่งมาพูดคุยอย่างสนุกปาก
“พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วมาดูเร็ว เซี่ยยวี่หลัวมาทำงานในไร่นาด้วย!”
“นั่นสิข้ารู้สึกว่าหญ้ารกในที่นาบ้านนางเกรงว่าจะสูงเท่าตัวคนแล้วคิดไม่ถึงว่าจะขุดถอนจนสะอาด เ้าดูสิ เก็บกวาดได้สะอาดทีเดียวพวกเขาคงไม่ได้คิดจะปลูกพืชผลกระมัง?”
“ไม่ปลูกพืชผลแล้วจะขุดดินทำไม!”
“เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ปลูกพืชผลเป็หรือ?ตอนนั้นนางอาละวาดไม่ยอมให้เซียวยวี่ทำงานในไร่นาไม่ใช่หรือ?ไหนบอกว่าเป็งานที่คนชั้นต่ำถึงจะทำ เหตุใดตอนนี้นางถึงทำเสียเองล่ะ?”
“ใครจะไปรู้… เ้าดูเด็กสองคนนั้นสิ พูดคุยหัวเราะ พวกเขาไม่กลัวเซี่ยยวี่หลัวแล้วงั้นหรือ?”
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยมาหัวเราะเยาะนางแต่นางไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ กวัดแกว่งจอบในมือ ทำงานอย่างแข็งขัน เพียงแต่สองวันที่ผ่านมาเหวี่ยงจอบมากเกินไป บนมือจึงเกิดตุ่มน้ำพองจำนวนไม่น้อยเมื่อเหวี่ยงจอบ กระทบโดนตุ่มน้ำพอง ก็ปวดจนนางขมวดคิ้วมุ่น
แต่นางก็ไม่บ่นอะไรแม้แต่คำเดียวตอนนี้เลย่เวลาในการไถพรวนดินมาหลายวันแล้วหากยังไม่จัดเตรียมที่นาให้เรียบร้อย หว่านเมล็ดลงไป พลาด่เวลาที่เหมาะสมผลผลิตก็จะลดลง
เด็กสองคนตามหลังนางติดๆถอนโคนหญ้าที่ผ่านการพรวนดินแล้วออกมา โยนไปไว้ตรงคันนา ขอเพียงตากแดดสองวันก็สามารถทำให้ต้นหญ้าอ่อนตายได้
ต้นหญ้าอ่อนเหล่านี้มีพลังชีวิตล้นเหลือขุดออกมาแล้ว หากไม่เผาทิ้งหรือตากให้แห้งขอเพียงมีดินที่สามารถหยั่งรากเติบโตได้แม้เพียงน้อยนิด ใช้เวลาไม่ถึงสองวันก็จะโตขึ้นอีก
เซี่ยยวี่หลัวเหยียดกายทีหนึ่งมองดูที่นาที่ใกล้จะจัดการเสร็จสมบูรณ์ ภายในใจรู้สึกยินดียิ่งตุ่มน้ำพองที่ฝ่ามือก็ไม่ได้รู้สึกปวดเท่าไหร่แล้ว
ในตอนนี้เองเสียงหนึ่งที่ไม่คาดคิดดังขึ้นจากด้านหลัง “อัยยะ นี่คือน้องยวี่หลัวไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงมาทำงานในไร่นาล่ะ? สตรีที่งดงามดุจบุปผายังต้องทำงานหนักที่สกปรกแบบนี้ เ้าว่าทำไมเซียวยวี่นั่นถึงทำได้ลงคอ!”
เซี่ยยวี่หลัวหันกลับมาช้าๆก็เห็นบุรุษคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดทั้งเก่าและขาด แสยะปากจนเห็นฟันเหลือง หรี่ตาที่ฉายประกายมักมากในกามเพ่งมองเซี่ยยวี่หลัว