นางหวาดกลัวจริงๆ หรือ?
เหยียนอู๋อวี้กวาดสายตามองเข้าไปในดวงตาของนาง ก่อนจะขมวดคิ้วพลางเอ่ยกระซิบว่า “เด็กในครรภ์ก็เสียชีวิตไปแล้ว พี่สาวของเ้าก็จากไปแล้ว เต๋อเฟยได้สั่งให้ระงับเื่นี้ไม่ให้เอ่ยถึงอีก”
เซียวเป่าหลินมีท่าทีเศร้าโศกและขุ่นเคืองเล็กน้อย ทว่ายามนี้นางอดรู้สึกเย็นวาบอยู่ในใจไม่ได้ จึงเอ่ยถามเสียงต่ำว่า “จะยอมแพ้เพียงเท่านี้หรือ? ฝ่าาไม่คิดสอบสวนต่อหรือ? พี่สาวของข้าทั้งรักและห่วงใยฝ่าาสุดหัวใจ ทว่าพระองค์กลับไม่สอบสวนด้วยหรือ? เจิ้งเจี๋ยอวี๋ไม่รู้ว่า ฝ่ายไทเฮานั้น...…”
แววตาของเหยียนอู๋อวี้พลันเปลี่ยนเป็เ็าพลางเอ่ยว่า “เซียวเป่าหลินโปรดระวังคำพูดด้วย”
ดวงตาแดงก่ำของเซียวเป่าหลินค่อยๆ หมองหม่นลงก่อนเอ่ยกระซิบว่า “เหยียนเป่าหลินโปรดอภัย”
“พวกเราล้วนเป็สตรีของฝ่าา ไม่ควรกล่าวโทษสิ่งใดต่อฝ่าา พระองค์เป็ฮ่องเต้และพวกเราเป็นางสนองพระโอษฐ์ ยามนี้น้องหญิงเข้ามาในวังหลวงแล้วควรเข้าใจเื่นี้ให้ดี พี่หญิงจะไม่พูดมากไปกว่านี้”
เซียวเป่าหลินตอบรับเสียงต่ำและตั้งสติได้ในที่สุด นางเอ่ยกับเหยียนอู๋อวี้อีกสองสามคำแล้วจึงยืนขึ้นเพื่อกล่าวคำอำลา เนื่องจากขณะที่จากไปนั้นนางมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทำให้มีข่าวลือในด้านที่ไม่ค่อยดีต่อเหยียนเป่าหลินแพร่สะพัดออกไปอีกครั้ง......
หลังจากวันนั้น เซียวหรูเสวี่ยไม่มาพบนางอีกเลย ดูเหมือนว่านางเพียงแค่อยากจะมาทักทายจริงๆ
เหยียนอู๋อวี้มิได้ใส่ใจกับข่าวลือเ่าั้ ทว่าเื่ความบังเอิญของพี่น้องตระกูลเซียวทำให้ไทเฮาเกิดความรู้สึกประหลาดใจ และไทเฮารับมือได้ดี เพียงแต่คล้ายตระกูลเซียวจะไม่รับน้ำใจนี้เท่าใดนัก
คำถามก็คือเหตุใดไทเฮาจึงทำเช่นนี้?
พระองค์มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอีกหรือไม่?
หรือไทเฮารู้สึกผิดอยู่ในใจ?
หลังจากวันนั้น เซียวเป่าหลินไม่เคยมาหานางอีกเลย ทว่าไม่กี่วันต่อมาเหยียนอู๋อวี้กลับได้พบนางอีกครั้งจากระยะไกล
ในขณะเดียวกัน ซินกุ้ยเหรินกำลังอบรมนางกำนัลของนาง ั้แ่นางถูกซ่งอี้เฉินลดตำแหน่งลง นางก็มีอารมณ์หงุดหงิดมากขึ้น เห็นกี่ครั้งก็ทุบตีคนรับใช้ โดยไม่รู้ว่าเซียวเป่าหลินเอ่ยอันใดอยู่ข้างๆ ก่อนนางจะค่อยๆ บรรเทาความเกรี้ยวกราดลง นางเหลือบมองเซียวเป่าหลินด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินตามนางเลี้ยวเข้าไปในสวนด้านข้าง
เหยียนอู๋อวี้เดินตามนางมาตามเส้นทางเล็กๆ ได้สักพัก ก่อนนางจะรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เส้นทางนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังตำหนักอีหลานอย่างชัดเจน!
เซียวหรูเสวี่ยพาซินกุ้ยเหรินไปที่ตำหนักอีหลานทำอันใด? นางนึกสงสัยอยู่ในใจและอดเร่งฝีเท้าเดินตามไปไม่ได้ ทว่านางนึกไม่ถึงว่าข้างหน้าจะมีขันทีที่เดินนำใครบางคนมาจากระยะไกล นางจึงเปลี่ยนทิศทางเดินออกจากสวนไปอย่างเงียบเชียบ และค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น นางรู้สึกคุ้นกับบุรุษที่อยู่ด้านหลังขันที นางจึงเดินเข้าไปแอบดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ โดยมองผ่านช่องว่างของใบไม้
ขันทีทำความเคารพซินกุ้ยเหรินและเซียวเป่าหลิน ทว่าชายผู้นั้นกลับนิ่งเฉย เขายืนตัวตรงราวกับต้นไผ่ในป่าโดยมีสีหน้าเ็า ราวกับไม่รู้สึกสนใจหญิงงามที่อยู่ตรงหน้า ฉับพลันดวงตาคู่นั้นพลันหรี่ตาลงเล็กน้อยและมองไปในทิศทางที่นางอยู่
เหยียนอู๋อวี้รู้สึกใและรีบหลบทันที เมื่อมองจากหางตาจึงเห็นว่าเขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและหลบไปด้านข้างพวกนางเพื่อบดบังสายตาของซินกุ้ยเหรินและเซียวเป่าหลิน
ที่แท้เป็เขานั่นเอง! เหยียนอู๋อวี้นึกออกได้ทันทีและยิ่งเกิดความสงสัยมากขึ้น นางพยายามตั้งสติและฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันให้ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเก่า เพียงแต่เมื่อพวกเขาเอ่ยจบต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไป
ครั้งที่แล้วนางพบบุรุษผู้นี้ที่ตำหนักของลี่เจาอี๋ จากท่าทางของขันทีในขณะนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าสถานะของเขาไม่ธรรมดา
นางแน่ใจว่าเมื่อครู่นี้เขาจะต้องเห็นนางอย่างแน่นอน ทว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนั้น?
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดเื่นี้ บุรุษผู้นั้นก็เดินไปไกลแล้ว เหลือเพียงเงาร่างของเขาเท่านั้น
บุรุษที่สามารถเข้ามาในวังหลวงได้จะต้องเป็ผู้สูงศักดิ์ และจากท่าทีของขันที เขาคงเป็เชื้อพระวงศ์ ทว่านางไม่เคยเห็นเขาในวังหลวงมาหลายปีแล้ว เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาจะเป็เชื้อพระวงศ์ที่อยู่นอกวังและเพิ่งกลับมา?
ลมพัดผ่านต้นไม้ในสวน ใบไม้พลิ้วไหว ดึงความคิดของนางกลับมา ทันใดนั้นนางพลันพบว่าตนเองสูญเสียอาการ!
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง เซียวหรูเสวี่ยและซินกุ้ยเหรินที่อยู่ด้านหน้าได้หายไปแล้ว
ไม่มีที่หลบซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ความเป็ไปได้เดียวก็คือพวกนางเข้าไปในตำหนักอีหลานแล้ว
“ไปกันเถิด!” เหยียนอู๋อวี้หายใจลึกๆ พลางกระซิบกับป้าโฉ่วที่อยู่ด้านข้าง นางไม่สามารถเข้าไปในตำหนักอีหลานได้
เซียวหรูเสวี่ยพาซินกุ้ยเหรินมาที่นี่ นางจะต้องมีแผนการของนางอย่างแน่นอน ก่อนที่ความจริงจะปรากฏ นางทำได้เพียงเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ไม่คาดคิดว่า เมื่อนางเพิ่งกลับมาที่ตำหนักพลันเห็นซูอิ่งรีบเข้าคำนับด้วยท่าทีเร่งรีบและโน้มตัวมากระซิบว่า “เต๋อเฟยไปที่ตำหนักอีหลานเ้าค่ะ”
“รู้หรือไม่ว่าเป็เื่ใด?” เหยียนอู๋อวี้นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทันที “เห็นว่า ซินกุ้ยเหรินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษ!” ซูอิ่งตอบเสียงต่ำ
วางยาพิษ? สองคำนี้ทำให้นางเกิดความสนใจ ซินกุ้ยเหรินกระทำการประมาทเลินเล่อมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นจะไม่ดำเนินการกับนาง แล้วนางเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร?
เป็ไปได้หรือไม่ว่าเซียวหรูเสวี่ย้าหยั่งเชิงท่าทีของเต๋อเฟย?
หรือว่านางใช้วิธีการของนาง เพื่อหยั่งเชิงฆาตกรตัวจริง?
เดิมทีเหยียนอู๋อวี้้ารอดูสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ดำเนินการใดๆ ไม่คาดคิดว่าหลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามเต๋อเฟยจะส่งคนมาที่ตำหนักของนาง และเชิญนางไปตำหนักเยถิง นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทว่านางยังคงเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะพาป้าโฉ่วเดินไปพร้อมกับนาง
ยังไม่ทันเดินเข้าไปภายในตำหนัก นางพลันเห็นเซียวเป่าหลินและซินกุ้ยเหรินอยู่ด้านใน นางกำนัลในวังหลวงกำลังคุกเข่าบนพื้นด้านหนึ่ง ขณะที่ฮวารั่วซียืนอยู่ข้างเต๋อเฟยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
นางกำนัลผู้นั้นมีลักษณะหน้าตาใจดี ป้าโฉ่วเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยกระซิบข้างหูนาง “เป็นางกำนัลใกล้ชิดของลี่เจาอี๋”
เหยียนอู๋อวี้เก็บความสงสัยไว้ในใจและกล่าวทักทายทุกคน ขณะที่ยืนอยู่นั้นนางพลันเห็นซ่งอี้เฉินเดินเข้ามา
“เชิญข้ามาที่นี่มีเื่อันใดหรือ?” ซ่งอี้เฉินกวาดสายตามองนางกำนัลที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนจะเดินตรงไปที่นั่งหลัก
เซียวหรูเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และกำลังจะเอ่ยปากพูด ทว่าซินกุ้ยเหรินที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “ลี่เจาอี๋ถูกใส่ร้าย ฝ่าาทรงโปรดสอบสวนเื่ให้กระจ่างด้วยเพคะ”
เมื่อทุกได้ยินคำพูดนี้ สายตาของทุกคนจึงมองไปที่เซียวหรูเสวี่ยเป็ตาเดียว ลี่เจาอี๋เป็พี่สาวคนโตของนาง คำกล่าวของซินกุ้ยเหรินในครั้งนี้เกี่ยวข้องอันใดกับนาง? เหยียนอู๋อวี้เห็นว่าแม้นางจะก้มศีรษะและมีท่าทางที่แสดงถึงความเคารพ ทว่าท่าทางของนางดูแข็งกร้าวผิดปกติ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์่บ่าย เหยียนอู๋อวี้มิได้เอ่ยอันใดและรอดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ให้ซินกุ้ยเหรินเอ่ยต่อ
“วันนี้หม่อมฉันกำลังพูดคุยเื่ราวทั่วไปกับน้องหญิงเซียว และรู้สึกซาบซึ้งในความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของนางกับลี่เจาอี๋ หม่อมฉันจึงเล่าเื่บางอย่างเกี่ยวกับลี่เจาอี๋ให้นางฟัง เพื่อคลายความคิดถึงบ้านของนาง ซึ่งนั่นทำให้หม่อมฉันนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาได้เพคะ”
ซินกุ้ยเหรินชี้ไปทางนางกำนัลที่อยู่บนพื้นพร้อมเอ่ยเสียงเย็น “ก่อนลี่เจาอี๋จะเกิดเหตุร้าย หม่อมฉันเคยไปหานาง และระหว่างทางได้พบกับนางกำนัลผู้นี้ทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบเข้าไปในตำหนักของนาง ในเวลานั้นหม่อมฉันไม่ได้คิดมาก ทว่ายามนี้พบนางแล้ว ทำให้จำได้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของนางในวันนั้นคือขวดยาพิษ”
ซ่งอี้เฉินเอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “เป็แค่ขวด จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่ามันมียาพิษ?”
“เอ่อ......” ซินกุ้ยเหรินลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยทันทีว่า “หม่อมฉันจำได้ว่าขวดนี้มิได้มาจากวังหลวงของเรา ทว่ามาจากชาวเหมียว ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นกันได้ง่ายๆ นัก อีกทั้งยังมีรอยแตกเป็รูปคนที่้าของขวด”
สิ่งของของชาวเหมียวหรือ? ดวงตาขอเหยียนอู๋อวี้พลันเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังด้านข้างของฮวารั่วซีและรีบหลุบสายตาลงต่ำ
ฮวารั่วซียิ้มอย่างเย้ยหยันพลางเอ่ยว่า “นางกำนัลมาจากตำหนักของลี่เจาอี๋ และพบยาพิษในตำหนักของนางอีกด้วย หลักฐานทั้งตัวบุคคลและสิ่งของเป็ที่แน่ชัดแล้วมิใช่หรือ?”
“บ่าวเป็ผู้บริสุทธิ์เ้าค่ะ บ่าวไม่รู้เื่ว่าซินกุ้ยเหรินกำลังเอ่ยถึงเื่อันใด บ่าวถูกใส่ร้าย...…” หลังจากฮวารั่วซีเอ่ยจบ นางกำนัลพลันะโเสียงดังขึ้นมาทันทีว่านางถูกใส่ร้าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้