ผ่านพ้นวันนับญาติที่ตระกูลอวิ๋นมาหลายวัน เพียงพริบตาก็เป็วันที่หนึ่งเดือนสอง เดิมทีอวิ๋นซีนึกว่าเจิ้นหนานอ๋องจะยอมแพ้แล้ว เพราะหลายวันมานี้เขาไม่ได้มาหาที่บ้านอีกเลย
แต่ใครจะรู้ ตอนบ่ายของวันที่หนึ่งนี้ นางที่เพิ่งจะตื่น เจิ้นหนานอ๋องก็มาเยือนแล้ว ทั้งยังรู้มาจากหวนเอ๋อร์ด้วยว่า ยามนั้นบิดาอวิ๋นออกไปพบเจิ้นหนานอ๋องแล้ว นางนึกประหลาดใจ นี่มันเื่อันใดกัน? ไม่ใช่ว่าท่านพ่อไม่ชอบเจิ้นหนานอ๋องหรือ?
ขณะที่ทางเจิ้นหนานอ๋อง ในใจเขาเองก็กังวลไปต่างๆ นานาพลางมองหน้าบุตรชายตน เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ข้ารู้ว่าในใจเ้ายังโกรธแค้นข้าที่ไม่อาจปกป้องมารดาของเ้าไว้ได้ ด้วยเื่นี้ ข้าเข้าใจดี แท้จริงแล้วหลายสิบปีมานี้ ข้าจะไม่โกรธแค้นตนเองได้อย่างไร หากตอนนั้นให้เวลาและใส่ใจดูแลพวกเ้าแม่ลูกให้มากกว่านี้ ไม่แน่ว่าเื่ร้ายๆ นี้ก็อาจไม่เกิดขึ้นกับแม่เ้าก็เป็ได้”
อวิ๋นซานมองผู้เป็บิดา กล่าวตอบเรียบๆ “มาพูดเื่นี้เอาตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด มารดาข้าตายไปเกือบสามสิบปีแล้ว สิ่งเดียวที่ข้าปรารถนาในตอนนี้มีเพียงอยากจะใช้ชีวิตของตนต่อไปอย่างสงบสุข ข้ามีภรรยา ลูกสาว และหลานๆ อยู่ บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็คนที่ข้าต้องปกป้องต่อไปในอนาคต ดังนั้น ข้าย่อมไม่มีเรี่ยวแรงจะไปเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายใดๆ ในจวนเจิ้นหนานอ๋องของท่าน”
ธิดาทั้งสองของเจิ้นหนานอ๋องไม่ใช่คนดีอะไร นิสัยของพวกนางเหมือนแม่ใหญ่ในตอนนั้นราวกับถอดกันออกมา หากตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีก ความสงบสุขทั้งหลายในตอนนี้ก็คงจะหมดไป
“วางใจเถอะ วันนี้ที่ข้ามาก็เพียงจะนำของที่ตอนนั้นแม่เ้าทิ้งไว้ให้มาให้เ้าเท่านั้น” เจิ้นหนานอ๋องมองลูกชาย พูดต่อ “เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอเ้าเมื่อใด ของพวกนี้ ข้าจึงนำติดตัวไว้ตลอดเวลา”
เขาหยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งออกมา จากนั้นก็มองอวิ๋นซาน “หลังจากที่แม่เ้าแต่งให้ข้า นางก็ใช้เวลาอยู่สิบปีเพื่อตระเตรียมสิ่งนี้ไว้ให้เ้า เดิมทีคิดว่า รอจนวันหน้าที่เ้าแต่งงาน ของเหล่านี้ก็คงจะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า น่าเสียดาย หลังจากที่แม่เ้าจากไป เ้าเองก็หายตัวไป”
อวิ๋นซานรับมาดู ด้านในของกล่องใบนั้นเต็มไปด้วยโฉนดที่ดินของร้านค้า และหมู่บ้านเกษตรกรรมต่างๆ เขากลับมามองเจิ้นหนานอ๋องด้วยสายตาเคลือบแคลง “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ของท่านแม่ข้าหรือ? ”
เจิ้นหนานอ๋องพยักหน้า “อืม ทั้งหมดเลย มาวันนี้ก็แค่้าคืนของกลับสู่เ้าของเดิมเท่านั้น ข้าเชื่อว่า เมื่อเ้ามอบสิ่งเหล่านี้ให้ภรรยาของเ้ารับไปดูแล ิญญาของแม่เ้าบน์จักต้องดีใจเป็แน่ ส่วนกำไลอันนั้นก็เป็ของที่แม่เ้าชอบมากที่สุด เมื่อก่อนข้าเคยคิดจะเก็บมันเป็สมบัติตกทอดต่อไปของวงศ์ตระกูล ทว่า เ้าก็มอบมันให้ภรรยาเ้าไปพร้อมกันเถอะ” พูดจบ เขาลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป ทว่า ตอนที่เดินไปถึงนอกประตู จู่ๆ เจิ้นหนานอ๋องก็หันกลับมามองลูกชายตนแล้วเอ่ยถาม “เฉินปิน ช่วยเรียกข้าว่า เสด็จพ่อ อีกสักครั้งจะได้หรือไม่? ”
อวิ๋นซานมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังคู่นั้น เขาเพียงพูดออกไปด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย “ข้าจะให้คนออกไปส่งท่าน เจิ้นหนานอ๋อง” ในดวงตาของเขา แท้จริงแล้วมีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่อ่อนลง แต่ว่า เมื่อคิดถึงการตายของมารดา เขาก็ไม่อาจเรียกคนว่าเสด็จพ่อโดยไม่รู้สึกกีดกันได้
อวิ๋นซีไม่รู้ว่าบิดาตนและเจิ้นหนานอ๋องคุยอะไรกัน เพียงแต่ได้ยินมาจากปากของเหล่าสาวใช้ว่า หลังจากที่ได้พบกับเจิ้นหนานอ๋องแล้วดูเหมือนว่าท่านพ่อจะอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็อดไม่ได้ให้ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงสั่งให้หวนเอ๋อร์ไปนำเสื้อกันลมมา ก่อนที่นางจะนำมาห่มคลุมตนเองไว้แล้วออกเดินไปยังเรือนของบิดาอวิ๋น
นางเคาะประตูอยู่ด้านนอก โดยปราศจากเสียงตอบรับใด ท้ายที่สุดจึงได้ตัดสินใจผลักประตูเข้าไปเลย ตอนนั้นนางเห็นบิดากำลังจดจ้องกล่องไม้กล่องหนึ่งด้วยดวงตาเลื่อนลอย สายตาของนางมืดขรึมลง เ้ากล่องไม้นี้ต้องเป็สิ่งที่เจิ้นหนานอ๋องให้มาแน่
อวิ๋นซีก้าวเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงตรงข้ามอวิ๋นซาน นางยิ้มถาม “ท่านพ่อ ของเหล่านี้คืออันใดหรือเ้าคะ? ”
ตอนนี้เองที่อวิ๋นซานเพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ เขามองลูกสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มนั้นงดงามราวบุปผา ทำให้จิตใจของเขาที่มืดมนเล็กน้อยพลันสว่างไสวขึ้น “นี่คือของที่ท่านย่าเ้าทิ้งไว้ให้ข้า ข้าไม่รู้ว่าในนี้ยังมีจดหมายของท่านย่าเ้าอยู่ฉบับหนึ่งด้วย เมื่อครู่ตอนที่ข้าจัดเก็บของพวกนี้เพิ่งจะได้เห็น”
อวิ๋นซีมองกล่องไม้นี้ด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเห็นว่าด้านล่างสุดมีกระดาษที่ออกสีเหลืองวางอยู่ แค่ดูด้วยตาเปล่าก็พอจะรู้ได้ว่า กระดาษแผ่นนี้มีอายุหลายปีแล้ว อวิ๋นซีถามเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าขอดูได้หรือไม่เ้าคะ? ”
อวิ๋นซานยิ้มพยักหน้า “ได้แน่นอน”
เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบจดหมายที่กระดาษแปรเปลี่ยนเป็สีเหลืองแล้วไปวางไว้บนฝ่ามือของบุตรสาว “นี่เป็ตัวอักษรของท่านย่าเ้า ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเกือบสามสิบปีจนข้าเองก็จดจำใบหน้าของแม่ตัวเองได้ไม่ชัดเจน แต่ตัวอักษรเหล่านี้ ข้าไม่มีทางลืมเลือน”
ตอนที่เขายังเด็ก ทุกครั้งที่เสด็จพ่อไม่อยู่จวนอ๋อง ท่านแม่ก็จะพาเขาฝึกคัดตัวอักษรอยู่ในสวน อักษรของท่านแม่งดงามมากเสียจนเขาเคยคิดว่า วันหน้าเมื่อโตขึ้นจักต้องแต่งภรรยาที่เขียนอักษรสวยเช่นนี้ให้ได้ ตอนนั้นท่านแม่ยังหัวเราะขำเขา บอกว่าตัวเขาอายุยังน้อยจะรู้อะไรเื่แต่งภรรยา
นานวันเข้า บางสิ่งบางอย่างก็ถูกสลักลึกอยู่ในกระดูก
อวิ๋นซีเปิดจดหมายออกอ่าน ในใจคิดว่า วันที่บิดาอวิ๋นของนางควรได้อ่านจดหมายฉบับนี้ควรเป็วันที่เขาแต่งงาน เพราะของเหล่านี้ล้วนเป็ของขวัญที่ท่านย่าเตรียมไว้ให้ลูกสะใภ้ ทั้งยังย้ำเื่ที่ลูกชายจักต้องดูแลภรรยาอย่างดี หากมีภรรยาเป็ของตนแล้วไม่รู้จักรักใคร่ทะนุถนอม แล้วจะให้ใครมารักใคร่ทะนุถนอมนาง? ถ้อยคำต่างๆ มากมายล้วนเน้นย้ำให้บิดาต้องเคารพรักภรรยา ปกป้องภรรยา
ชั่วขณะนั้นอวิ๋นซีก็รู้สึกดีกับผู้เป็ย่าที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนผู้นี้มาก สตรีเช่นนี้จักต้องเป็สตรีที่จิตใจงดงามยิ่งเป็แน่ น่าเสียดาย คนยังอายุน้อยก็เป็ต้องจากไปเสียก่อนแล้ว
คิดๆ ดูแล้วก็เริ่มจะเข้าใจว่า เหตุใดตอนนั้นที่ท่านย่าป่วยตาย บิดาอวิ๋นถึงได้เลือกที่จะไปจากบ้านนั้น บ้านที่เมื่อสูญเสียมารดาไปแล้วก็หาความอบอุ่นไม่เจออีกต่อไป หากจะรั้งอยู่ก็มีแต่จะยิ่งปวดใจเท่านั้น
เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่เศร้าหมองเล็กน้อยนี้ อวิ๋นซียิ้มแย้ม เอ่ยขึ้น “มารดาข้าช่างโชคดีจริงๆ ที่แม่สามีตระเตรียมสิ่งต่างๆ ไว้ให้นางมากมายเพียงนี้” นางหยิบกล่องไม้ขึ้นมาดู ชั่วขณะนั้นดวงตาก็เปล่งประกายทันที “ท่านพ่อ ข้ารู้สึกอิจฉาท่านนิดหน่อยเสียแล้วสิ”
เมื่อพูดจบ นางก็เริ่มรู้สึกกลัดกลุ้มน้อยๆ มือทั้งสองข้างยกขึ้นเท้าคางมองบิดาตน จากนั้นจึงถามว่า “ท่านย่าข้าทิ้งของดีๆ ตั้งมากมายเพียงนี้ไว้ให้ท่านและท่านแม่ เช่นนั้นตัวข้าเองก็ควรถือโอกาสตอนที่เด็กทั้งสามยังเล็กอยู่นี้จัดเตรียมสินเดิมและสินสอดไว้ให้เรียบร้อย รวมถึงเตรียมของไว้ให้ลูกสะใภ้ข้าด้วย ในเมื่อท่านย่ายอดเยี่ยมเพียงนี้ ข้าที่เป็หลานสาวก็ย่อมจะแพ้นางไม่ได้”
อวิ๋นซานเห็นท่าทางบุตรสาวเช่นนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ เขาพูดสนับสนุน “ใช่แล้ว ถึงเวลาที่ต้องเตรียมสินเดิมให้หวานหว่านได้แล้ว ลูกสาวต้องเลี้ยงดูอย่างดี ยามที่แต่งออกก็ต้องให้ขบวนสินเดิมทอดยาวไปไกลนับสิบลี้ มิเช่นนั้นเมื่อไปอยู่บ้านสามีก็จะถูกรังแกเอาได้ แม้ว่าหวานหว่านจะเป็จวิ้นจู่น้อย แต่เมื่อแต่งให้ผู้อื่น นางก็ย่อมต้องเป็ภรรยาบ้านผู้อื่น ชีวิตของนางจักต้องดำเนินต่อไปด้วยตนเอง สินเดิมต่างๆ เ้าสามารถช่วยนางจัดเตรียมได้ แต่ชีวิตของนาง เ้าจะเข้าไปดำเนินแทนไม่ได้ พ่อรู้ว่า เ้าเป็เด็กฉลาด พ่อเชื่อว่าเ้าต้องสามารถสั่งสอนหวานหว่านได้อย่างดีแน่”
อวิ๋นซีอืมไปเสียงหนึ่ง “ท่านพ่อ ขอบคุณท่านมากเ้าค่ะที่ตลอดมาท่านปฏิบัติต่อหวานหว่านราวกับเป็หลานสาวแท้ๆ อีกทั้ง ตอนนี้ท่านยังมีหลานถึงสามคนแล้ว แต่กลับไม่เคยลำเอียงเลยแม้สักครั้ง”
หากเป็คนที่ไม่รู้ก็ช่างเถอะ แต่อวิ๋นซานรู้อยู่แก่ใจว่า หวานหว่านไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของนาง ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงรักใคร่ราวกับเป็หลานสาวของตนก็ไม่ปาน หากจะบอกว่าอวิ๋นซีไม่ซาบซึ้งใจก็คงเป็เื่โกหกแล้ว