ภายในตำหนักธรณีค่อนข้างแออัด ไม่นานก็มีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น
ศิษย์คนหนึ่งบังเอิญัักับพืชพรรณเ่าั้โดยไม่ตั้งใจ ทำให้เขาถูกผลักไสออกไปและเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่
ลวดลายบนพื้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดอกไม้ ต้นหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ในห้องโถงก็มีลักษณะต่างไปโดยพลันราวกับกลไกลึกลับกำลังเริ่มทำงาน
“ระวัง! รีบออกไปเดี๋ยวนี้” อวี๋เฟยเยี่ยนออกคำเตือนให้ศิษย์สำนักทะยานเวหาบางคนรีบวิ่งหนี
ศิษย์จากสำนักเชียนเฉ่ามีจำนวนมากที่สุด หลังจากกลไกในตำหนักเริ่มเคลื่อนไหว ในไม่ช้าก็มีคนเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ
หนิงเทียนพยายามหลบเลี่ยงอย่างระมัดระวัง ยุทธศาสตร์ครอง์รู้สึกถึงการถูกคุกคาม ทว่าแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกกลับคาดเดาไม่ได้ ทั้งยังนำทางหนิงเทียนผ่านบงกชสีมรกต จนเขาสามารถขยับร่างหนีได้ทันเวลา
แสงแห่งจิติญญาในห้องโถงกะพริบไหว ราวกับคบเพลิงที่กำลังลุกไหม้ปกคลุมผู้บำเพ็ญทั้งหลาย
ดอกไม้ ต้นหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์เ่าั้เคลื่อนไหวราวกับมีลมหายใจ ทั้งยังไล่คร่าทุกชีวิตโดยรอบ
เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ในห้องโถงใหญ่มีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยคน และสุดท้ายก็เหลือเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น โดยหนิงเทียนสังเกตว่าในห้องโถงมีต้นไม้เก้าต้น ดอกไม้เก้าดอก ต้นหญ้าเก้าต้น และเถาวัลย์เก้าเส้น ซึ่งจำนวนดังกล่าวสอดคล้องกับจำนวนผู้รอดชีวิตทุกประการ
ยิ่งไปกว่านั้น พืชพรรณเหล่านี้ยังสลับสับเปลี่ยนกันไปมา เพื่อแยกผู้รอดชีวิตทั้งหมดออกจากกัน
ผู้บำเพ็ญสามสิบกว่าคน บ้างก็กำลังนั่งสมาธิ บ้างก็ครุ่นคิดหาวิธี บ้างก็พยายามไขปริศนา
หนิงเทียนเงยหน้ามองส่วนบนสุดของตำหนัก แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรกััได้ถึงสถานการณ์เบื้องบน บงกชสีมรกตข้างกายยกตัวขึ้นจากพื้น หนึ่งดอกแปดใบส่องสะท้อนให้เห็นวัตถุ้า
มันเป็เปลือกไม้แห้งชิ้นหนึ่งที่ห้อยลงมาด้วยลวดเส้นเล็กๆ
หนิงเทียนเร่งเร้าบงกชสีมรกต เขาอยากคว้าเปลือกไม้นี้ ทว่ากลับถูกกลไกต้านเอาไว้
“ปล่อยข้า!” หนิงเทียนคำรามลั่น เืลมพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง วิชาขัดเกลากายาทำงานเต็มประสิทธิภาพ พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวเอาชนะการปราบปรามจนทวารทั้งเจ็ดของเขามีโลหิตหลั่งริน
บ่อน้ำทิพย์กำลังเดือดพล่านอยู่ในเส้นลมปราณแรก น้ำเต้าเจ็ดสีแสดงสัญญาณของการฟื้นฟูและพุ่งออกมากระแทกกำแพงหินจนเกิดรูโพรง
บงกชสีมรกตใช้โอกาสนี้กลืนกินเปลือกไม้เข้าไป ทันใดนั้นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
กลไกในห้องโถงใหญ่อันตรธานไปในพริบตา ดอกไม้ ต้นหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ซ้อนทับกันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรวมตัวกันเป็พัด
“อาวุธิญญาจื๋อซิว! เอามาให้ข้า!”
ทุกคนรีบรุดไปข้างหน้า ทว่าพัดวิเศษก็ลอยออกไปนอกห้องโถง หนิงเทียนเองก็้าไล่ตามไปเช่นกัน แต่เขากลับถูกสกัดกั้นไว้
“เมื่อครู่เ้าทำสิ่งใด?” อวี๋เฟยเยี่ยนมองหนิงเทียน เถาวัลย์ในมือราวกับแส้เส้นยาว มันเป็อาวุธิญญาจื๋อซิวที่แผ่รังสีอันตรายออกมา
“ข้าพบเปลือกไม้ชิ้นหนึ่ง ถ้าเ้า้าข้ายกให้เ้าได้นะ” หนิงเทียนผายฝ่ามือออก เปลือกไม้แห้งขนาดสามชุ่นปรากฏขึ้นในดวงตาของอวี๋เฟยเยี่ยน
ทว่าเมื่อมองด้วยตาเปล่า เปลือกไม้ชิ้นนี้กลับดูปราศจากพลังวิเศษ รวมถึงรากบ่มเพาะก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ
“แค่นั้นหรือ?” อวี๋เฟยเยี่ยนไม่เชื่อ นางเป็ถึงยอดฝีมือด้านการพัฒนาจิติญญา และยังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้อีกด้วย
“เ้าไม่เชื่อหรือ? เปลือกไม้นี้อาจเป็ของดีก็ได้” หนิงเทียนพยายามอย่างลับๆ เปลือกไม้ชิ้นนี้แข็งแกร่งมาก แม้จะมีพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัว แต่เขาก็ไม่สามารถกะเทาะมันได้เลย
อวี๋เฟยเยี่ยนมองไปรอบๆ ห้องโถงที่ยามนี้เหลือเพียงนางและเขาเท่านั้น ทั้งยังมีแสงจางๆ กะพริบอยู่บนพื้น
หนิงเทียนกำลังจะไปจากบริเวณนี้ แต่เหมือนบงกชสีมรกตจะสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงเข้ามาหยุดการเคลื่อนไหวของเขา
“เ้าไปเถอะ” อวี๋เฟยเยี่ยนกล่าวกับหนิงเทียน
“เอ่อ... จริงๆ แล้วข้าไม่ได้รีบ” หนิงเทียนเริ่มััได้ถึงสิ่งแปลกปลอม ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่สำคัญกว่าซ่อนอยู่ในตำหนักธรณีแห่งนี้
อวี๋เฟยเยี่ยนขมวดคิ้วแน่น นางรับรู้ถึงความแปลกประหลาดนี้จึงยอมปล่อยหนิงเทียนไป แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสังเกตเห็นเช่นกัน
ทั้งสองคนต่างหวาดระแวงกันและกัน ทั้งยังสำรวจความลึกลับของตำหนักธรณีอย่างระมัดระวัง และสบตากันกลางอากาศเป็ครั้งคราว
เถาวัลย์สีเขียวเจ็ดเส้นปรากฏรอบร่างของอวี๋เฟยเยี่ยน ซึ่งเป็ตัวแทนของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเจ็ด
เถาวัลย์เหล่านี้หยั่งรากลงในพื้นดินและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะก่อตัวเป็รูปร่างที่แปลกประหลาด
เมื่อหนิงเทียนใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์และแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณแรก การเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบก็ปรากฏบนบงกชมรกต จากนั้นก็หยั่งรากลงพื้นและสำรวจสถานการณ์ใต้ผืนดิน
ทันใดนั้นอวี๋เฟยเยี่ยนสะบัดแขนขวา แส้เถาวัลย์ในมือฟาดลงบนพื้น ตำหนักธรณีโบราณพังทลาย และเศษหินจำนวนมากกระจายไปทั่ว ก่อนจะเผยให้เห็นถ้ำแห่งหนึ่ง
หนิงเทียนตกตะลึง พลังของแส้เถาวัลย์นี้น่าทึ่งมาก ถ้าฟาดใส่ใครสักคน คนผู้นั้นจะไม่ถูกเฆี่ยนตีจนตายหรือ?
ใต้ตำหนักธรณีมีความผันผวนแสนประหลาดเอ่อล้นออกมา ซึ่งดึงดูดจิตใจของอวี๋เฟยเยี่ยนเป็อย่างยิ่ง
หนิงเทียนก้าวถอยหลังและไม่มีเจตนาฉกฉวยแม้แต่น้อย เหตุผลหลักคือแส้เถาวัลย์นั้นทรงพลังเกินไป และเขาก็รู้สึกกังวลกับบางอย่าง
อวี๋เฟยเยี่ยนกวัดแกว่งแส้เถาวัลย์ การฟาดแต่ละครั้งทำให้ผืนแผ่นดินสั่นะเื ฝุ่นกรวดฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ เพียงครู่หนึ่งหีบไม้ก็ปรากฏขึ้น
แส้เถาวัลย์ม้วนตัวตีหีบไม้แตกกระจาย เผยให้เห็นไข่มุกโปร่งแสงสีฟ้าด้านใน
“โอ้!” ดวงตาของอวี๋เฟยเยี่ยนเป็ประกาย แส้เถาวัลย์เกี่ยวไข่มุกขึ้นมา นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง และร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตของหนิงเทียนตื่นขึ้นทันที และตอบสนองต่อไข่มุก
ร่างของอวี๋เฟยเยี่ยนยังคงสั่นเทา และแส้เถาวัลย์ก็สูญเสียการควบคุมจนนางทำไข่มุกหลุดมือ
โอกาสอันดี!
หนิงเทียนพุ่งตัวคว้าไข่มุกเม็ดงามแล้วรีบหลบออกไป
“เอาคืนมา!” อวี๋เฟยเยี่ยนโกรธมาก
เมื่อลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ยามแส้เถาวัลย์พันรอบไข่มุก นางก็สูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะ ดูเหมือนไข่มุกเม็ดนี้จะมาพร้อมกับความสามารถในการยับยั้งอาวุธิญญาจื๋อซิว
สิ่งสำคัญเช่นนี้จะปล่อยให้ตกอยู่ในมือผู้อื่นได้อย่างไร?
ขณะที่หนิงเทียนคว้าไข่มุก ร่างกายของเขาก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน ซึ่งกระตุ้นให้กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเกิดปฏิกิริยา และปล่อยพลังิญญาออกมาต้านทานพลังอันแปลกประหลาดของไข่มุก
หนิงเทียนหยุดยืนบนพื้น เขาวิ่งควบไปเก็บเปลือกไม้และไข่มุกก่อนจะหนีออกจากถ้ำพร้อมเสียงคำรามของเยี่ยชิง ซึ่งยามนี้หูเถี่ยซินและคนอื่นๆ ต่างจากไปนานแล้ว
อวี๋เฟยเยี่ยนรีบไล่ตามมา ทันทีที่เห็นว่าหนิงเทียนอยู่ห่างออกไปร้อยจั้ง บนใบหน้าก็มีเพียงความโกรธเกรี้ยว
...
ในป่าทึบ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีร่องรอยของผู้คน หนิงเทียนจึงหยิบไข่มุกออกมาสำรวจอย่างระมัดระวัง
ไข่มุกโปร่งแสงสีฟ้าอ่อน เส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งชุ่นครึ่ง ภายในมีิญญาดุร้ายซึ่งเผยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา และทำให้หนิงเทียนรู้สึกหดหู่ใจ
ิญญาดวงนี้แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์อยู่ตลอดเวลา บางคราก็อยู่ในร่างมนุษย์ บางคราก็กลายเป็อสูร ทั้งยังมีดวงตาสีแดงเข้มราวกับสามารถกลืนกินิญญาได้
ร่างกายของหนิงเทียนแข็งเกร็ง เขารู้สึกเหมือนกำลังตกเป็เหยื่อของปีศาจ
นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตโบกสะบัดไปมาในตันเถียนพร้อมปล่อยพลังที่รุนแรง เพื่อสยบิญญาร้ายและเผยให้เห็นต้นกำเนิดของมัน
“อสูรหยิน จิติญญาอันแหลมคมของพืชพรรณและหยินบนูเาที่ถูกปิดผนึกด้วยไม้อาทิตย์มรกต สามารถพิชิตรากบ่มเพาะและสมบัติพฤกษาได้ เกรงกลัวฟ้าร้อง เกลียดแสงแดด ทั้งยังเป็สมบัติหายากแห่งูเาและท้องทุ่ง”
หนิงเทียนใอย่างมากเพราะไม่เคยได้ยินชื่ออสูรหยินมาก่อน เขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าสมบัติหายากแห่งูเาและท้องทุ่งหมายถึงอะไร แต่เขาก็ได้รู้ว่าของสิ่งนี้สามารถยับยั้งรากบ่มเพาะและสมบัติพฤกษาได้ ซึ่งเป็อาวุธที่ยอดเยี่ยมสำหรับจื๋อซิว
“การที่แส้เถาวัลย์ของอวี๋เฟยเยี่ยนสูญเสียการควบคุมไปก่อนหน้านี้ก็เพราะมันัักับไข่มุก แสดงว่าต้องอาศัยการััเพื่อยับยั้งอาวุธิญญาจื๋อซิว เช่นนี้คันธนูของเ้าโหราจารย์นั่นก็ยังคงเป็ภัยคุกคามครั้งใหญ่”
หนิงเทียนเก็บมุกอสูรหยินลงไปแล้วหยิบเปลือกไม้ออกมาศึกษาอย่างถี่ถ้วน ทว่าไม่พบสิ่งใดเลย
ในเวลานี้เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากบริเวณข้างหน้า ซึ่งค่อนข้างดึงดูดความสนใจของหนิงเทียน
ทันทีที่มาถึงตีนเขา เสาแสงสองต้นในเส้นลมปราณที่สองก็เริ่มกระตือรือร้นขึ้นมา
“ที่นี่มีซากไม้แห้งเหี่ยว!” หนิงเทียนรีบเข้าไปในูเาลูกนี้ด้วยดวงตาลุกวาว ก่อนจะพบว่ามีคนจำนวนมากกำลังแย่งผลไม้สีทองอยู่ระหว่างทาง
หนิงเทียนไม่เคยเห็นผลไม้ชนิดนี้มาก่อน แต่เขารับรู้ต้นกำเนิดของมันได้ทันที เนื่องจากลำแสงทั้งสองในร่างก็สนใจผลไม้ชนิดนี้เช่นกัน
“ผลไม้ทองคำศักดิ์สิทธิ์ สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย ใช้ในการปลูกฝังกายาสุวรรณะ และเป็หนึ่งในยาอายุวัฒนะที่ดีที่สุดสำหรับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก”
ทันใดนั้นหนิงเทียนก็นึกถึงบ่อน้ำทิพย์และจุดชีพจริญญาขึ้นมา ูเาทุกลูกที่มีต้นไม้แห้งเหี่ยวมักมีสมบัติล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งด้วยเสมอ และที่นี่ก็คงไม่ต่างกัน
ยอดฝีมือหลายสิบคนต่างยื้อแย่งผลไม้ทองคำศักดิ์สิทธิ์ โดยสองคนในนั้นคือหวังต้งและหลี่ซือ ศัตรูมักพบกันบนทางแคบ[1]เสียจริง
ในบรรดาคนเหล่านี้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปด ซึ่งเป็กำลังหลักในการ่ชิงผลไม้ทองคำศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่หนิงเทียนวิ่งเข้ามาในที่เกิดเหตุ หวังต้งและหลี่ซือก็สังเกตเห็นเขาอย่างรวดเร็ว
“เ้าตัวดี เ้ายังกล้าปรากฏตัวอีกหรือ? ไปลงนรกเสียเถิด!” หลี่ซือะโพร้อมตบฝ่ามือด้วยพลังแห่งอัสนี ซึ่งถูกหมัดของหนิงเทียนทำลายในชั่วพริบตา
ในเวลาเดียวกัน หวังต้งก็ปรากฏตัวข้างกายหนิงเทียนราวกับผี ดอกไม้หกดอกบานสะพรั่งบนหมัด เขากลืนแสงแห่งจิติญญาและโจมตีไปที่หลังของหนิงเทียน
“ตายเสียเ้าหนู!” หวังต้งยิ้มอย่างดุร้าย พลังหมัดนี้รุนแรงถึงขั้นทำให้รูปปั้นแตก หินทลาย แล้วร่างกายที่มีเพียงเืเนื้อจะสามารถทนได้อย่างไร?
หนิงเทียนกระเด็นไปด้านหน้าเล็กน้อย เืลมยังคงลอยอยู่ในอก แน่นอนว่าหมัดของหวังต้งไม่ได้สร้างรอยขีดข่วนให้เขาเลยสักนิด
“เ้า... ไม่! เป็ไปไม่ได้!” ใบหน้าของหวังต้งมืดมน เนื่องจากไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ ก่อนจะออกแรงชกอีกครั้งหนึ่ง
หนิงเทียนยิ้มเยาะ ยามเข้าสู่แดนลับคราแรกเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังต้ง แต่ตอนนี้กลับสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยมือเดียวแล้ว
เขาโต้กลับด้วยหมัดอันรุนแรง ความภาคภูมิใจทะยานอยู่ในอกจนพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีภาพลักษณ์สูงส่งราวภูผา เขาปลิดชีพหวังต้งด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“จะ...เ้า! ไม่... ไม่!”
กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต หวังต้งก็ยังคงสงสัยว่าหนิงเทียนอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก แล้วความแข็งแกร่งของเขาจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
หลังจากปล้นหวังต้งและหลี่ซือเรียบร้อยแล้ว หนิงเทียนก็รีบเข้าไปในพื้นที่หลักของการต่อสู้
บริเวณนี้มีคนสองคนอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปด และอีกสี่คนอยู่จิตหยั่งลึกขั้นเจ็ด ซึ่งพวกเขาล้วนแย่งชิงผลไม้ทองคำศักดิ์สิทธิ์
“อยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรก แต่กล้ามาปล้นคนถึงที่นี่ ช่างกำลังมองหาความตายจริงๆ”
“เ้ามดที่ไม่้าชีวิต จงออกไปเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่หนิงเทียนก้าวเข้ามา เขาก็ถูกไล่ออกไปโดยผู้แข็งแกร่งในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดคนหนึ่ง
นั่นคือยอดฝีมือจากสำนักั์พฤกษา ต้นไม้ใหญ่แปดต้นหยั่งรากลงดิน พร้อมดูดกลืนพลังิญญาราวกับเตาหลอม มันมีพลังที่รุนแรงและดุร้าย
หนิงเทียนใช้พลังไปเก้าส่วน ทว่ากลับถูกฝ่ายตรงข้ามพัดหายไปทันที สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกร้อนรน ทั้งยังตระหนักได้ว่าขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดนั้นทรงพลังและน่าทึ่งเพียงใด
“อีกครั้ง!” เขาคำรามอย่างไม่พอใจ แล้วใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ร่วมกับทะลวงพันชั้นและวิชาขัดเกลากายาระดับหนึ่ง
เมื่อพลังทั้งสามผสานรวมเป็หนึ่งเดียว จึงสามารถดึงประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้
มวลอากาศโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว ลมพายุโหมกระหน่ำ พลังหมัดคำรามลั่นไปทุกทิศทาง จนเกิดเสียงสนั่นที่สั่นะเืฟ้าดิน
หนิงเทียนกระเด็นกลับไปอีกครั้งพร้อมเสียงคำรามก้อง หลังจากเท้าแตะพื้น เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยอาการชาที่แขนขวาและเืเดือดพล่าน เขาต้านทานการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ ทว่าก็ยังคงเสียเปรียบ
ด้วยวิชาขัดเกลากายาระดับหนึ่ง หนิงเทียนจึงมีร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังที่น่าทึ่ง แม้จะมีความแตกต่างอย่างมากเื่ขอบเขต แต่เขาก็สามารถสู้กับยอดฝีมือขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดได้
“แข็งแกร่ง ขออีกที!”
หนิงเทียนหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง จิติญญาการต่อสู้ยกระดับสูงขึ้น เขาพุ่งเข้าไปที่ใจกลางกลุ่มคน แล้วเอาชนะผู้บำเพ็ญจิตหยั่งลึกขั้นเจ็ดเ่าั้จนเกิดเสียงร้องโอดครวญ บ้างก็แขนหัก บ้างก็อาเจียนเป็เื
ส่วนการเผชิญหน้ากับผู้อยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปด หนิงเทียนจะเน้นการหลีกเลี่ยงและรอโอกาสปล้นผู้ที่อ่อนแอกว่า เพื่อลดจำนวนศัตรูที่เข้ามาแย่งชิง
ผ่านไปไม่นาน จากการปล้นคนไม่กี่คนก็กลายเป็การปล้นหลายสิบคน และสุดท้ายผลไม้ทองคำศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในมือของหนิงเทียน
---------------------------------------
[1] ศัตรูมักพบกันบนทางแคบ (冤家路窄) หมายถึง ผู้ที่ไม่อยากเห็นหน้ากันมักพบกันง่ายๆ หรือการที่มักจะเจอกับคนที่ไม่อยากเจอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้