เย่เฟิงสูดหายใจเข้าลึกพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก ในที่สุดก็ทำสำเร็จ เก้าวันมานี้เขาทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่บัดนี้สำเร็จเคล็ดวิชาแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“ด้วยร่างกายที่สมบูรณ์และพลังิญญาแกร่งกล้าของข้าในตอนนี้ ฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานกับเอกลักษณ์หอก เคล็ดวิชาหอกเงินประกายระดับเก้า และพลังแห่งอำนาจ ก็น่าจะเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ทั่ว ๆ ไปได้อย่างง่ายดาย!” เย่เฟิงคิดในใจขณะยิ้มอย่างพอใจ
“ตูม!” พื้นดินสั่นไหวขึ้นฉับพลัน ก่อนจะปรากฏเงาร่างมหึมาที่ด้านหน้าเย่เฟิง พร้อมกับมีพลังอสูรแผ่กำจาย
“สำเร็จทักษะหล่อิญญา เป็ไปตามความ้าของข้า” เสียงหยาบกระด้างของวานรั์ดังก้องภายในหัวของเย่เฟิง
“ข้าสำเร็จทักษะหล่อิญญาได้ภายในเก้าวัน หรือนี่ก็แค่ทำตามความ้าของตาเฒ่านี่?” เย่เฟิงแอบก่นด่าในใจ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดมันออกมา มิเช่นนั้นตาเฒ่านั่นคงจะทรมานเขาอีกก็เป็ได้
“ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้ งั้นข้าก็ควรผ่านการทดสอบของท่านแล้วใช่หรือไม่” เย่เฟิงเอ่ยถาม เขาไม่อยากอยู่สถานที่อันน่าอึดอัดเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว แม้เขาจะได้รับอะไรดี ๆ ไปไม่น้อย พลังก็เปลี่ยนไป ทว่าเขาก็ไม่อยากอยู่ต่อ เก้าวันผ่านไป เย่เฟิง้ารู้ว่าสถานการณ์ที่โลกภายนอกเป็อย่างไรบ้าง
“ที่นี่คือบททดสอบสุดท้ายของแดนทดสอบแห่งหุบเขาเทียนเสวียน เ้าทำในสิ่งที่ข้า้าสำเร็จแล้ว พร์ของเ้าถือว่าไม่เลว ถือว่าผ่านบททดสอบของข้าได้ ในอนาคตก็น่าจะมีบทบาทเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสำนักยุทธ์” วานรั์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดันราวกับว่าไม่มีใครสักคนที่เป็อัจฉริยะในสายตาเขา
เมื่อคำพูดของวานรั์ไปถึงหูเย่เฟิงกลับเป็เื่ที่น่าสมเพชสิ้นดี จึงทำให้เย่เฟิงอดไม่ได้ที่แอบด่าในใจว่า “ข้าผู้นี้ปลุกิญญาาเทพัขั้นคราม สำเร็จทักษะหล่อิญญาทั้งเก้าขั้นได้ภายในเก้าวัน แต่ตาเฒ่านี่กลับบอกว่าไม่เลวอย่างนั้นหรือ?”
ทว่าคำพูดของสัตว์อสูรเฒ่า ทำให้เย่เฟิงจนปัญญา
“ในเมื่อผ่านบททดสอบ งั้นข้าก็ออกไปจากที่นี่ได้แล้วใช่หรือไม่?” เย่เฟิงเอ่ยถาม
“ออกไปได้ทุกเมื่อ เ้าเพียงแค่ควบคุมพลังจิตของตนแล้วออกไป จิตเทพของเ้าก็จะกลับเข้าร่าง” วานรั์กล่าวตอบ
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นหากมีโอกาส หวังว่าจะได้พบกันใหม่” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจ แต่เมื่อนึกถึงชีวิตที่เหมือนตกขุมนรกในเก้าวันนี้ก็รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที
ตามที่วานรั์กล่าวเช่นนั้น เย่เฟิงควบคุมพลังจิต ให้จิตเทพถอนตัวออกจากมิตินี้ทีละนิด ๆ
เมื่อจิตเทพของเย่เฟิงถอนตัวออกไป พลันมีเสียงของวานรั์ดังก้องในหัว “200 ปีมานี้เ้าเป็คนแรกที่ผ่านการทดสอบทั้งเก้าของข้า ข้าจะเฝ้าดูผลงานในอนาคตของเ้า”
“บททดสอบทั้งเก้างั้นหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงนี้เย่เฟิงก็กระจ่าง มันเป็ความรู้สึกที่ถูกหลอก เขารู้ว่าตอนสำเร็จทักษะหล่อิญญาขั้นที่ 1 ก็น่าจะผ่านการทดสอบของที่นี่แล้ว แต่วานรั์เฒ่ากลับไม่อธิบายเื่นี้ อีกฝ่ายบังคับให้เขาฝึกทักษะหล่อิญญาในสถานที่บ้าบอนี้จนสำเร็จถึงขั้นสุดท้าย ช่างบัดซบยิ่งนัก
แม้ในใจของเย่เฟิงจะคิดเช่นนี้ แต่ความจริงแล้วก็ไม่ได้เกลียดวานรั์ กลับกันเขารู้สึกซาบซึ้งใจ ถึงอย่างไรด้วยการฝึกฝนของวานรั์ มันทำให้ร่างกายและจิติญญาของเขาได้รับการขัดเกลาเป็อย่างดี หนำซ้ำพลังก็พัฒนาอย่างก้าวะโ ทั้งหมดนี้สำเร็จได้เพราะวานรั์เฒ่า
หลังจากนั้นไม่นาน จิตเทพของเย่เฟิงก็ถอนออกจากมิตินั้นอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะกลับเข้าร่างต้น ซึ่งมิติเสมือนจริงทำให้ร่างกายของเย่เฟิงสมบูรณ์แบบ จิติญญาแข็งแกร่งขึ้น บัดนี้ได้กลับสู่โลกปกติแล้ว
ศึกต่อสู้ระหว่างฉินเยียนหรานกับเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด แต่ฉินเยียนหรานกลับเป็ฝ่ายรุก ส่วนเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่อยู่ในสภาพจนตรอก ทำให้สีหน้าของเขาดูย่ำแย่มาก
“อั้ก!” ฝ่ามือหงส์แดงของฉินเยียนหรานทะลวงพันธนาการ ก่อนจะโดนไหล่ข้างหนึ่งของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ทำให้อีกฝ่ายคร่ำครวญและล่าถอยไปหลายก้าวพร้อมใบหน้าซีดเผือด
“ไอคนสารเลว ตายซะเถอะ!” ฉินเยียนหรานแผดเสียงะโ พลังหงส์แดงแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ จากนั้นเห็นนางก้าวออกมาอีกครั้งพร้อมปล่อยฝ่ามือหงส์แดงออกไป พลันปรากฏเงาหงส์แดงกลางอากาศ นางไม่คิดจะปล่อยให้เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ได้มีโอกาสหายใจ
สายตาของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่นิ่งงันไปชั่วขณะ เขาเป็ถึงเซิ่งจื่อ จะมาถูกผู้หญิงกดขี่เช่นนี้ได้เยี่ยงไร? มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก ฝีเท้าของเขาพลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมใบหน้าฉายแววชั่วร้าย เมื่อฝ่ามือของฉินเยียนหรานจะมาเยือนเขา จู่ ๆ เขาเหวี่ยงแขนข้างหนึ่งไปข้างหน้า ทันใดนั้นแสงเย็นเยือกก็พุ่งออกจากแขนเสื้อ มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างราวกับทะลุทะลวงทุกสิ่ง
เมื่อฉินเยียนหรานเห็นฉากนี้ก็ต้องใ นางเก็บพลังฝ่ามือทันที ก่อนจะหลบหลีกด้วยความเร็วสูง
“ฟิ้ว” แม้ว่าฉินเยียนหรานจะตอบสนองได้อย่างฉับไว แต่แสงเย็นเยือกนั่นก็ยังคงกรีดผ่านแขนของนางจนเืซึมออกมา
“หญิงชั้นต่ำ การโจมตีนี้ฆ่าเ้าไม่ได้ ถ้างั้นข้าจะให้เ้าได้ลิ้มรสการโจมตีที่แท้จริงของเซิ่งจื่อผู้นี้” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่กล่าวขณะจิตสังหารปะทุออกจากดวงตาที่ชั่วร้าย ในขณะเดียวกันอสรพิษบุปผาได้ปรากฏตัวที่ด้านหลังของเซิ่งจื่อ พลังอสูรที่น่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อย จากนั้นมันอ้าปากพร้อมเขมือบร่างกายที่ไม่มั่นคงของฉินเยียนหราน
นั่นก็คือิญญาาอสรพิษบุปผาขั้นเหลืองของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ิญญาานี้มีความชั่วร้ายและพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมาก เกรงว่าฉินเยียนหรานจะโชคร้ายแล้ว
“จบแล้ว” ผู้คนรอบข้างต่างสนใจศึกต่อสู้นี้ แต่กลับไม่มีใครอยากเข้าร่วมด้วย
ฉินเยียนหรานต้องหวาดผวาเมื่อเผชิญหน้ากับปากขนาดใหญ่ของิญญาาอสรพิษบุปผา นางได้สติก็คิดจะหนีทันที แต่กลับไร้ประโยชน์ ิญญาาอสรพิษบุปผาเร็วเกินไป เมื่อมาถึงก็รัดตัวฉินเยียนหรานทันที ในขณะนั้นมีเงาร่างหนึ่งที่มีพลังดารารายล้อมร่างกายปรากฏตัวที่ด้านหน้าฉินเยียนหราน และปกป้องเธอจากข้างหลัง
ในเวลาเดียวกันเงาร่างนั้นปล่อยหมัดโจมตีิญญาาอสรพิษบุปผา ซึ่งหมัดนี้ไร้ซึ่งพลังหยวน แต่เป็หมัดธรรมดาที่ใช้พลังกายเพียงอย่างเดียว ทว่าหมัดที่ธรรมดาและเรียบง่ายนี้กลับอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง ไม่ว่าหมัดไปทางใด ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำลาย ส่วนอสรพิษบุปผาก็กู่ร้องโหยหวน
วินาทีต่อมา หมัดนั่นทะลวงร่างิญญาาอสรพิษบุปผา ก่อนจะพุ่งไปโจมตีเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เซิ่งจื่อปล่อยการโจมตีเข้าต่อต้านอย่างเร่งรีบ ก่อนการโจมตีทั้งสองจะปะทะกันในทันที เสียงะเิดังกึกก้อง เซิ่งจื่อถูกหมัดของเย่เฟิงโจมตีจนถอยหลังไปหลายก้าว เืลมภายในกายต้องสั่นคลอน สีหน้าก็ย่ำแย่สุด ๆ ส่วนทุกคนต่างต้องตกตะลึง เมื่อสังเกตเห็นเย่เฟิงที่ปรากฏตัวอย่างฉับพลัน
ฉินเยียนหรานถอนหายใจยาว นางรู้ว่าตัวเองรอดแล้ว หากเย่เฟิงไม่ปรากฏตัวในเวลาวิกฤติ เมื่อครู่นางต้องตายในท้องของิญญาาอสรพิษบุปผาของอีกฝ่ายเป็แน่
“เ้าสวะ คิดไม่ถึงว่าจะเป็เ้า” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่กล่าวพร้อมมีลมปราณเย็นะเืแผ่ออกจากร่าง
“เ้าใช้วิธีเลวทรามต่อสู้กับผู้หญิงคนเดียว ไม่รู้จริง ๆ ว่าระหว่างเราสองคนใครกันแน่ที่เป็สวะ” เย่เฟิงดูแคลนพลางแสยะยิ้ม ในดวงตาล้ำลึกคู่นั้นก็เผยประกายแหลมคม ราวกับคมดาบที่ใช้สังหารคนชั่วช้า
“ฆ่าคนได้ถือว่ามีฝีมือดี เหตุใดพูดว่าวิธีเลวทรามเล่า?” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ยิ้มอย่างไม่สนใจ จากนั้นจึงกล่าวต่อ “เ้าได้อะไรมาจากในรูปปั้นนั่น? แล้วหมัดเมื่อครู่เป็เคล็ดวิชาใด?”
เซิ่งจื่อเคยเห็นฝีมือของเย่เฟิงก่อนหน้านี้แล้ว แม้จะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นนี้ได้ แค่หมัดเดียวก็ซัดเขาจนกระเด็นถอยหลังได้แล้ว
“เคล็ดวิชาอะไรน่ะหรือ? เ้าล้อข้าเล่นหรือเปล่า จัดการเ้าต้องใช้เคล็ดวิชาด้วยหรือ?” เย่เฟิงยิ้มอย่างเ็าพลางเผยสีหน้าเย้ยหยัน หมัดของเขาใช้เพียงพลังกายเท่านั้น แต่ก็ทำให้เซิ่งจื่อเซถอยหลังได้ หมัดนี้กระทั่งไร้ซึ่งพลังหยวนด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเขาได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชามาจากการเรียนรู้ของรูปปั้น ช่างน่าขันยิ่งนัก
“เลิกพล่ามไร้สาระกับเขาได้แล้ว ทุกคนฆ่าคนผู้นี้ให้ได้ก็จบ จากนั้นแบ่งผลเทียนเสวียนทั้งแปดผลเท่า ๆ กัน ในส่วนที่เป็ข้าเฟิงเฉียนไม่เอาก็ได้ แค่ได้ตัวหญิงผู้นี้ก็พอแล้ว” ขณะนั้นเฟิงเฉียนเดินมาข้างหน้าและกล่าวเช่นนั้น ยุยงให้ทุกคนโจมตีเย่เฟิงและฉินเยียนหราน ส่วนเขาเฟิงเฉียน้าเพียงฉินเยียนหรานเท่านั้น เขาหันไปมองฉินเยียนหรานด้วยสายตาชั่วร้ายไร้ซึ่งความอ่อนโยนเฉกเช่นในอดีต แต่มีเพียงความปรารถนาทางอารมณ์เท่านั้น
สีหน้าของฉินเยียนหรานดูไม่สู้ดีนัก คำพูดของเฟิงเฉียนช่างไร้ยางอายเกินไปมาก
“วิธีนี้ไม่เลว คนผู้นี้เคยฆ่าศิษย์ร่วมสำนักของข้าไปไม่น้อย ถึงเวลาแล้วที่ข้าซ่างกวนหงจะต้องสะสางบัญชีแค้นนี้” ซ่างกวนหงกล่าว ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ แต่กลับชอบเอาเปรียบผู้อื่น
“ข้าเห็นด้วย เ้าสวะนี่เป็พวกขี้แพ้ ไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้” โจวมู่ไป๋กล่าวเสียงเ็า ความเกลียดชังที่เขามีต่อเย่เฟิงไม่จำเป็ต้องพูดเยอะ ไม่แน่อาจจะมากกว่าคนอื่นที่อยู่ในที่แห่งนี้
“พวกเ้าคิดจะร่วมมือกันจัดการข้า? แล้วชิงผลเทียนเสวียนไปจากข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงกวาดสายตามองทุกคน แม้ว่าเฉินอ้าวเทียนจะยังไม่แสดงท่าที แต่เย่เฟิงก็ไม่สงสัยในแรงอาฆาตของอีกฝ่ายที่มีต่อเขาแม้แต่นิดเดียว
“ใช่แล้วจะทำไมหรือ?” เฟิงเฉียนกล่าว ั้แ่วินาทีที่ฉินเยียนหรานพูดแทนเย่เฟิงที่น้ำตกเทียนเชี้ยน เฟิงเฉียนก็บันทึกชื่อเย่เฟิงไว้ในบัญชีดำของเขาแล้ว
“วิ้ง” เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันและคิดจะกำจัดพวกเย่เฟิงสองคน ทันใดนั้นมีลำแสงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ลงมายังจุดกึ่งกลางของรูปปั้นทั้งแปด
ฉากนี้ทำให้ทุกคนนิ่งงันไปเล็กน้อยขณะมองลำแสงนั่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้