“บึ้ม!” แรงะเิอันรุนแรงจากการแตกของเคียวสู่ภพทำให้เกิดแรงสั่นะเืทั่วล้า ประตูทุกภพภูมิเปิดออกกว้างขึ้น เหล่าิญญา ผี ปีศาจ จิตภูติ เดรัจฉาน ุ์ จากต่างภพ ลุกคลืบคลาน ทุกสิ่งผสมผสานเข้าสู้รบตีรันฟันแทงกลืนกินดูดสิงร่างและจิติญญา วินาทีนั้นทุกสิ่งกำลังมุ่งสู่ความวิบัติเกินผู้ใดจักเยียวยาแก้ไข เฟยฟาพร้อมสัตว์คู่กาย ไป่ชิงหลง ัขาว แหวกว่ายทะยานผ่านทุกสิ่งที่ขวางตรงหน้า ตอนนี้ทุกภพที่ขาวสะอาดปะปนแปดเปื้อน ิญญาร้าย ความดำมืด ภูติผีปีศาจ ไปทุกที่เกลื่อนตา
“วั่งซู! เ้าอยู่ไหน ตอบข้า วั่งซู!” ไป่ชิงหลงัขาวสัตว์คู่กายเกล็ดสีขาวเงินครีบสีฟ้าน้ำทะเลตัวใหญ่ั์เลื่อยลอยพาดผ่านสิ่งแปลกปลอมที่ตีรันฟันแทงไปแบบทะทุทะลวงอากาศ จนถึงปากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ เสียงในหัวร้องเรียกจาก เ้าวั่งซูทะลุผ่านโสตประสาทมากระทบใจ
“อยู่ในนี้! ไปเร็ว! ชิงหลง! วั่งซูรอข้าก่อน รอข้า” เฟยฟาควบชิงหลงทะลุทะลวงลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จืออู่ตี้ผ่านม่านหมอกไอดาราตะกอนสะเก็ดดาวไปยาวไกลสเมือนว่าไม่มีปลายทาง จนเห็นแสงริบหลี่ที่ปลายทาง พร้อมร้องะโ “นั่นไงตรงนั้น!”
รอบๆ ตัวเฟยฟาคือมิติกึ่งคนเป็กึ่งคนตายรอบด้านเงียบสงัดมืดมิด ชิงหลง เลื้อยพุ่งตรงสู่ทางทิศที่มาของลำแสง จนถึง แท้จริงแล้วในนี้คือ
“กระจกบานที่10! กระจกที่สาบสูญ!” เฟยฟาเอ่ย กระจกบานที่10 คือกระจกที่สามารถทะลุหาได้ทุกภพของกะจก เป็เสมือนกระจกที่เป็ทางลัดสู่ทุกภพภูมิ “แต่นี่เป็แค่เื่เล่าและตำนาน ข้าไม่เคยรู้เลยว่ามีกระจกใบนี้อยู่จริง และเหตุใดจึงมาอยู่ใต้บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
“เฟยเฟย” เสียงเรียกที่ดังก้องขึ้นในหู เรียกสติสัมปชัญญะของฮวาเฟยฟากลับมา
“ซูซู! เ้าอยู่ไหน!” ยังไม่ทันขาดคำฮวาเฟยฟา “นั่นไง ผ่านกระจกเข้าไป”
สิ้นเสียงฮวาเฟยฟา ชิงหลง เลื้อยผ่านกระจกแต่กลับถูกกะจกสกัดกั้นเด้งออก ร่างัขาวไม่อาจผ่านกระจกที่สาบสูญบานนี้ เฟยฟาที่อยู่บนศีรษะหน้าคว่ำเทลงทะลุเข้ากระจกเพียงลำพัง ล้มลงหัวคะมำ เค้าลุกขึ้นคลำหัวบริเวณที่เจ็บ หลังจากประคองตัวลุกขึ้น หันกลับมา
“ชิงหลงเ้าจงรอข้าตรงนี้” ชิงหลงพยักหน้ารับคำ เฟยฟาร่ายมนต์จุดแสงไฟขึ้นในมือ และ เริ่มกวาดสายตามองหาเ้าวั่งซู
“วั่งซู เ้าอยู่ไหน” ทันใดพื้นหมุนกลับหัวกลับหางทุกอย่างหมุนกลับด้านหน้าเฟยฟาคะมำลงกระแทกพื้น
“โอ๊ย! อะไรกันที่นี่!” เมื่อลืมตาขึ้นจากความมึนงง ร่างเ้าวั่งซู สิ้นสติลอยประทับจูบตรงกัน แต่เหมือนอยู่อีกด้านของกระจก
“วั่งซู วั่งซู ฟื้นสิ! เ้าได้ยินข้าไหม!” เฟยฟายันมือขึ้นถอยปากประกบออกจากปากเ้าวั่งซู และ ร้องเรียกพร้อมทุบบานกระจกที่กั้นระหว่างพวกเขา “ปึ้ง! ปึ้ง!” วั่งซูนอนไร้สติพร้อมเคียวสู่ปรภพประกบข้างกาย
เฟยฟาหยิบพู่กัน เขียนยันต์บนกระจกพร้อมร่ายเวทย์ “มนต์ทะลายภาพสะท้อน”
“ไป!” ตัวอักษรบนกระดาษลอยเด่นกระแทกพื้นกระจกแตกทำลาย เ้าวั่งซูกับร่างที่ไร้สติหล่นลงในอ้อมกอดเฟยฟา
“ซูซู! ซูซู! เ้าฟื้นสิ! เ้าได้ยินข้าไหม!” เฟยฟาเรียก เขย่า พร้อมร่ายมนต์เรียกสติ ส่งต่อจรดบนหน้าผาก เ้าวั่งซู เกิดแสงกระจายทะลุจักราในร่างกายเปิดสติ เ้าวั่งซูค่อยๆ ลืมตา และเมื่อเห็นเฟยฟาก้ ยิ้มมุมปาก และ เอ่ย
“ข้ารู้เ้าต้องมา! ข้าร้องเรียกหาเ้า เมื่อใดที่ข้าเรียกหาเ้าต้องมา ข้ารู้ ข้ารู้เสมอ!”
“เ้าจะพูดอะไร ข้าอยู่กับเ้าเสมอ ไม่เคยห่างไปไหน” ฮวาเฟยฟาตอบคนรัก พร้อมน้ำตาใสรื้นในดวงตา
“ข้าขอโทษ ข้าทำพลาด ข้าทำอะไรไม่ได้เลย ทุกสิ่งกำลังพังลง รวมทั้งข้าด้วยที่กำลังดับสูญ เคียวนี้แตกสลาย ไม่มีอะไรผนึกประตูสู่ภพต่างๆ ทุกสิ่งกำลังมารวมกัน และมุ่งสู่ความวิบัติ ข้าทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว” เ้าวั่งซูพยายามเล่าเหตุการณ์ด้วยเสียงและลมอ่อนระทวย น้ำตาไหลอาบนองหน้า
“ช่างมันเถอะไม่มีอะไรสำคัญกว่าการที่เ้ายังอยู่ในตอนนี้” ฮวาเฟยฟาน้ำตาไหลพราก กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนปนเศร้า
เ้าวั่งซูฝืนยิ้มเต็มกำลัง “ขอบคุณที่เ้ามา ขอโทษที่ข้าผิดสัญญา ข้าไม่อาจร่วมเดินทางกับเ้าชั่วนิรันดร์ดังที่ข้าเคยให้คำมั่น ชาตินี้ไม่อาจตอบแทนเ้า ขอตอบแทนชาติหน้า”
“ไม่นะ! เ้าพูดอะไร ข้าจะพาเ้ากลับไป!” ฮวาเฟยฟากล่าวทั้งน้ำตา
“ไม่ได้ การที่จะเข้ามาในนี้จะถูกขังในมิติระหว่างภพแห่งนี้ชั่วนิรันดร์ ข้าได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยในที่แห่งนี้ ที่นี่คือที่ของข้า และเวลาของข้า เ้าจงออกไปจากที่นี่ซะ ยังไม่ถึงเวลาของเ้า เมื่อเ้าออกไป ร่างกายนี้ก้จะแตกดับตามวาระ เวลาข้าหมดแล้วในชาตินี้ เฟยเฟยที่รัก ให้ข้าได้เก็บเกี่ยวผลแห่งกรรม เ้าเข้าใจข้านะ” เ้าวั่งซูพูดยิ้มให้ฮวาเฟยฟาน้ำตาอาบแก้ม และ เสียงที่อ่อนระทวยเหมือนกำลังจะขาดใจ
“ไม่นะ! วั่งซู! มันต้องมีทาง”
“เ้าอย่าห่วง ข้าจะกลับมา ข้าจะหาทางกลับมา ข้าสัญญา เ้ารอข้านะ” เ้าวั่งซูเอ่ยอ่อนโยนพร้อมพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นลูบเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าคนรัก
“รอ! ข้ารอ ต่อให้อีกกี่ปี กี่ฤดู กี่ชาติภพที่เปลี่ยนไป ข้าสัญญา!”
เ้าวั่งซูมอบพัดคู่กายไว้แก่เฟยฟา “เ้าจำได้ไหมครั้งแรกที่เราพบกัน ฤดูใบไม้ร่วงของพวกเรา และเ้าจะรู้เอง อย่าวิตกไป รีบไป รีบออกจากที่นี่ ก่อนทุกสิ่งจะหายไป” เ้าวั่งซูยกมือเร่งพลังจักราสีทองเข้าห่อหุ้มร่างคนรัก
“ไม่นะ! ซูซู ไม่! อย่าทิ้งข้าไป!” ฮวาเฟยฟาน้ำตาไหลนองหน้า
เ้าวั่งซูยิ้มให้คนรักครั้งสุดท้าย “ลาก่อน” และผลักลูกบอลสีทองที่โอบอุ้มร่างฮวาเฟยฟาลอยฝ่า กระแทกกระจกแตกทะลุกันนับชั้นไม่ถ้วน จนบอลสีทองวิ่งลิ่วทะลุกลับออกมา ปากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ภพมนุษย์
เ้าวั่งซูคว้าเคียวที่แตกทำลาย ดึงพลัง ทำลายปรภพแสงสีขาววาบ “บึ้ม!” เกิดแรงะเิที่แรงมากและสั่นะเืไปทุกภพ จนทุกสิ่งเกือบดับสูญ
ขณะที่ทั้งสองสบตากัน เหล่าพืชพันธุ์บริเวณรอบเริ่มร่วงหล่น ดั่งฤดูใบไม้ผลิกลืนกินอาณาบริเวณนี้ฉับพลัน
“เอ่อ! ข้า ข้า ไม่ได้ตั้งใจมาแอบดู แค่บังเอิญข้าเดินผ่านมา” เ้าวั่งซูกล่าวแก้ตัว
“อย่ากังวล ข้าหาได้คิดงั้นไม่ ขอทราบนาม เราเคยพบเจอกันมาก่อนไหม” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“ข้าก็รู้สึกบรรยากาศที่คุ้นเคยนี้ ใบไม้ร่วงหล่น แต่กลับไม่เห็นไอมารหรือพลังด้านมืดแผ่ออก แต่ กลับััได้แค่ความอบอุ่น แต่ข้าคิดว่าเราไม่เคยพบกันมาก่อน เอ่อ! ขออภัย! ข้า “เ้าวั่งซู” ทายาทโดยธรรมแห่งสกุลเ้ารุ่นที่ 11” เ้าวั่งซู แววตาเคลิ้ม ประหม่ากล่าวตอบ
“ออ งั้นท่านก็คือ คุณชายเ้าที่โด่งดังไปทั่วสิ ช่างงดงามสมคำร่ำลือ ข้า “ฮวาเฟยฟา” หัวหน้ามือปราบมาร สำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกราแห่งหุบเขาเก้ากระจกหมู่บ้านชุนเทียน เป็เกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบ คู่หู” ฮวาเฟยฟากล่าวและยิ้มมุมปาก
“ฮะฮะ งั้นท่านก็คือ บุตรชายหนึ่งเดียวในรอบหมื่นปีของเทพแสงอาทิตย์ และ แม่ของท่านคือเทพธิดาองค์เดียวในรอบหมื่นปีของเ้าเผ่าพันธุ์ัขาว”
เ้าวั่งซู อ้าปากค้างและใ ในใจก็คิดว่าเหตุใดคนที่มาเป็คู่หูข้าถึงได้ยิ่งใหญ่คับฟ้า มีแต่ชื่อเสียงระบือในความเมตตาและสร้างความดีไปทั่ว เมื่อเทียบกับข้า คนที่โดนสาปแช่งนิรันดร์ มาอยู่ด้วยกัน ข้าจะกลายเป็ตัวอะไรในสายตาผู้คน!
“ม่ายยยย!” เ้าวั่งซูเผลอ ะโร้องออกมาหลังจากความคิดอันน่าใในใจ
“ฮะ! ท่านเป็อะไรไปหรือ หรือท่านไม่พอใจที่จะมีข้าเป็คนสนิทของท่าน” ฮวาเฟยฟา แกล้งเอ่ยถาม อมยิ้ม
“ปะปะ! เปล่า! ข้าไม่ได้! คิดอะไรแบบนั้น! แต่ข้าแค่!....” คำพูดหยุดหายไป ....แค่คิดว่ามายืนคู่คนยิ่งใหญ่แบบเ้าข้าจะกลายเป็ฝุ่นผงธุลีไร้ค่าในสายตาผู้คน” ความคิดวิ่งต่อในใจและไร้ซึ่งเสียง
เ้าวั่งซูยิ้มแหยๆ และ เอ่ยถามฮวาเฟยฟา “ท่านมาทำอะไรอยู่ที่นี่ เหตุใดไม่เข้าร่วมงานในตอนนี้” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ข้าไม่ชอบพบปะผู้คน และ อยู่ท่ามกลางผู้คนมากๆ ข้าแค่ชอบที่จะอยู่เงียบๆ กับคนที่ข้าไว้ใจ เช่นเ้า ในอนาคต” ฮวาเฟยฟา พูดพร้อมก้มต่ำเหลือบหางตามองไปที่เ้าเว่ยซูแบบมีเสน่ห์สะกดและเ้าเล่ห์
. ” อะ! ฮ่าๆๆ! แหมท่านฮวาเฟยฟา ท่านก็พูดไปข้ามันคนบาปที่ใครเห็นก็รุมประณาม อยู่กับท่านมีแต่จะทำให้ข้าแปดเปื้อนลดราศี แหะแหะ!” เ้าวั่งซูกล่าวถ่อมตัวติดตลก
“หาได้ไม่! ข้ากลับคิดว่าแท้จริงแล้วท่านต่างหากที่ยิ่งใหญ่ ด้วยภาระหน้าที่ และ พลังความสามารถขนาดนั้นของสกุลเ้าที่ตกทอดมา และ ปกป้องชีวิตผู้คนมากมายจากภยันต์อันตราย รวมถึงการเป็เ้าภพมนุษย์ เหล่านี้หาใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่และควรได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนหรือ” เฟยฟากล่าวเงียบสงบ ทิ้งให้คิด
พลังที่ยิ่งใหญ่หรอ ภาระที่ใหญ่ยิ่งหรอ ผู้คนตายเกลี้ยง หมู่บ้านชุนเทียนกลายเป็ดินแดนผสมสิ่งประหลาดแปลกปลอม โดนผู้คนสาปแช่ง หึหึ! วั่งซูคิดในใจ และพูดออกมาว่า “ข้าอยากให้ผู้คนคิดแบบที่ท่านว่า มันคงเป็อะไรที่น่าดีใจหาที่สุดๆ ไม่ได้”
ฮวาเฟยฟาหันมองหน้าเ้าวั่งซูอย่างอ่อนโยนและเข้าใจ “แน่นอน เ้าอย่าห่วงเลย ผู้คนจะเข้าใจสิ่งนี้ในวันหนึ่ง ว่าเื่ที่เหล่าบรรพบุรุษสกุลเ้าทำมาล้วนเพื่อปกป้อง ผู้คน และ ภพภูมิมนุษย์ และท่านจะมีข้าคอยอยู่ข้างๆ คอยย้ำเตือนและสนับสนุนให้มันเกิดขึ้นจริงเสมอ และ เร็วขึ้น” ฮวาเฟยฟายิ้มอ่อนโยน
เ้าวั่งซูมองไปที่ฮวาเฟยฟา ตาทั้งสองพบสบกันอีกครา และ เหมือนความทรงจำจะพาย้อนสู่เวลา บางส่วนในอดีตวันวาร
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาในห้องเรียน ที่นี่คือสำนักฝึกตนหลิงชงิของเหล่าเซียน ขณะที่อาจารย์กำลังสอน วั่งซูเอนหน้าแนบลงกับโต๊ะเรียน ข้างๆ ถัดไปคือเฟยฟาสงบนิ่งตั้งใจเรียน ทั้งสองคือสหายสนิทตั้งยังวัยเยาว์
ฮวาเฟยฟาสงบเยือกเย็นดั่งัยามหลับรอผงาด แต่ พลังจักรารุนแรงดั่งแสงตะวันสาดยามเที่ยงวัน รูปงาม ความคิดเฉียบคม เฟยฟาใส่ชุดสีขาวปักเลื่อมลายัฟ้าพาด มีสัตว์ภูติประจำตัวัฟ้าสีขาว “ไป่ชิงหลง” พี่น้องและสหายคู่ใจที่กำเนิดมาพร้อมกัน
เ้าวั่งซู หนุ่มรูปงามใบหน้าหยก แต่ ขี้เล่นอารมณ์ดี จิตใจงดงาม รักการฝึกวิชาการต่อสู้ เป็คนสร้างเสียงหัวเราะและเป็ที่รักของทุกคน เป็ต้นสกุลเ้ารับการตกทอดเคียวสู่ภพเหมือนเ้าวั่งซูรุ่นอื่นๆ ก่อนหน้า เ้าวั่งซูรุ่นที่ 1 ยอมสละแลกชีวิตตนและชื่อเสียงตัวและสกุลที่มาแต่โบราณในฐานะผู้รักษาความสมดุลแห่งภพ ยอมะเิศาสตราที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของตระกูล เพียงเพื่อหวังว่าจะนำพาความสงบปิดประตูทุกภพ ทำลายทุกดวงิญญาที่แปลกปลอม จบภัยพิบัตรให้กับภพมนุษย์ใบนี้ แต่ผลกลับตรงข้าม ทุกภพเกิดรอยแยก และ หมู่บ้านต้องสาปแห่งภพภูมิมนุษย์ยังถูกกลืนกินไม่อาจจะหลุดจากคำสาป ผู้คนก็ต่างพากันเข้าใจผิด คิดว่าสกุลเ้าเป็พวกปรภพและ้าปกครอง ทำลายภพมนุษย์ ทำให้สกุลเ้าโดนสาปแช่งชั่วนิรันดร์
หลังจากสละชีวิตตนดวงจิตกลับชาติมาเกิดเป็หลานรุ่นที่11 (ชื่อ หน้าตา รูปร่าง ดวงจิต เฉกเช่นเดิม) อาภรณ์สีดำขลิบทองมีพัดสีดำขลับทองพู่ทองประจำตัว มีเคียวสู่ภพอาวุธประจำกาย และมีสัตว์ภูติ “หลิ่งกวาง” จิ้งจอกดำเก้าหางภูตประจำกายวั่งซู
เ้าวั่งซู และ ฮวาเฟยฟา ทั้งสองคนร่วมเรียนเขียนอ่านฝึกฝนวิชาจนคนหนึ่งกลายเป็ผู้กล้านำตระกูลเซียน อีกคนหนึ่งเป็เทพตำแหน่งสูงบนภพ์ ด้วยสมองและสติปัญญา รวมถึงชาติกำเนิดและพลังเวทย์ ทำให้เป็ที่นับถือละบือไปไกลทุกภพภูมิ แต่ทั้งคู่ก็อยู่ร่วมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ใช่เวลาร่วมกัน เฉกเช่นสหายรักจนถึงเวลาแยกจาก
“หลังจากเรียนจบเ้าอยากทำไรวั่งซู” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม
“เป็เ้าภพมนุษย์ เป็ปรมาจารย์ เป็ผู้นำสกุลเ้า รักษาสมดุลระหว่างภพ ปกป้องผู้คนจาก อันตราย ตามหน้ามี่ที่มีมาแต่ต้นตระกูลข้า จะตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม”เ้าวั่งซูกล่าวตอบอย่างมั่นใจและภูมิใจ
ฮวาเฟยฟาเหลือบมองสีหน้าที่จริงจังและจริงใจของเค้าอยู่ด้านข้าง และยิ้มอย่างพอใจและภูมิใจ
“จริงๆ แล้ว ท่านเป็ได้มากกว่านั้นนะ แต่ข้าก็จะขอติดตามท่าน เป็สหายที่รู้ใจร่วมสนับสนุนท่านตลอดไป” ฮวาเฟยฟากล่าว
“ทำไมท่านต้องทำขนาดนั้น เ้าเป็เทพ เ้าไม่ต้องพิสูจน์อะไร “เ้าวั่งซูกล่าว
“เราทั้งสองล้วนต้องพิสูจน์ วันหนึ่งเ้าก็จะรู้เอง ว่าทำไม หรือว่าเ้าอยากจะไปตามทางเ้าไม่ต้องมีข้า” ฮวาเฟยฟาพูดขึ้นหางเสียงถาม
“ไม่! ไม่! ท่านฮวาเฟยฟา ข้าน้อยมิบังอาจ มนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นข้าได้ท่านผู้สูงศักดิ์เป็สหายนับว่าเป็บุญอย่างยิ่ง” เ้าวั่งซูพูดขี้เล่นปนเอาใจ
“ฮ่าๆๆๆ!” ทั้งสองมองไปท้องฟ้าที่กว้างไกลด้านหน้าและหัวเราะร่าออกมาพร้อมกัน คล้ายว่าจะไม่มีไรแยกเค้าทั้งสองจากกันได้แม้กระทั่ง ความตาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้