เสียงเ็าของม่อหลิงหานดังขึ้น “หากว่าพระชายาไม่อยากกินขาหมูนี้ เช่นนั้นก็ให้ชายารองฉินกินเถอะ”
เขาพูดพลางหันไปสั่งสาวใช้ด้านหลัง “ยกจานขาหมูนี้ไปให้ชายารองฉิน”
ฉินหว่านเห็นว่านี่เป็ครั้งแรกที่ม่อหลิงหานให้นางกินขาหมู ถึงแม้นางจะรู้ว่าการที่เขาทำเช่นนี้เป็เพราะตั้งใจยั่วโมโหเยว่เฟิงเกอ แต่นางก็ยังดีใจ
สาวใช้ยกจานขึ้นเตรียมจะย้ายออกไป กลับถูกเยว่เฟิงเกอรีบร้อนแย่งกลับมา
“ขาหมูนี้เป็ของข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามมาแย่งกับข้า” เยว่เฟิงเกอแย่งขาหมูกลับมาแล้วปกป้องไว้อย่างดีอยู่ตรงหน้าตน
สาวใช้มองม่อหลิงหาน เห็นอีกฝ่ายส่งสายตาให้นางถอยออกไปถึงได้ล่าถอยไปและเตรียมยกอาหารอย่างอื่นขึ้นมาต่อ
เมื่อฉินหว่านเห็นว่าเยว่เฟิงเกอแย่งขาหมูร้อนๆ จานนั้นกลับไปก็ให้ไม่พอใจทันที
“พระชายาทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ขาหมูจานนี้ ท่านอ๋องประทานให้ข้าแล้ว ท่านแย่งไปได้อย่างไร? ” ฉินหว่านโกรธจนอยากจะด่าออกมาแล้วจริงๆ แต่เพราะม่อหลิงหานอยู่ตรงนั้นด้วย นางจึงต้องกล้ำกลืนคำกลับลงไป
เยว่เฟิงเกอถลึงตาใส่ฉินหว่าน นางเยาะหยันด้วยเสียงเ็า “ช่างน่าขำนัก เดิมทีขาหมูนี้ก็เป็ของเปิ่นกง ในเมื่อท่านอ๋องอยากประทานให้เ้า เช่นนั้นก็ควรต้องได้รับความเห็นชอบจากเปิ่นกงก่อนถึงจะถูก หากเปิ่นกงไม่ยินดี ไม่ยอมยกขาหมูจานนี้ให้เ้ากิน เ้าก็นั่งดมกลิ่นต่อไปเถอะ”
เยว่เฟิงเกอพูดพลางใช้มือน้อยๆ โบกพัดไปมาอยู่เหนือขาหมู ทำให้กลิ่นหอมลอยโชยไปถึงฉินหว่าน ทำให้ฉินหว่านโกรธจนอยากกระทืบเท้า
“ท่านอ๋อง ทอดพระเนตรพระชายาสิเพคะ นางทำเช่นนี้ เผด็จการเกินไปแล้ว” ฉินหว่านเห็นว่าตนเองไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ จึงทำได้แค่ออดอ้อนออเซาะม่อหลิงหาน
เยว่เฟิงเกอไม่แม้แต่จะมองฉินหว่าน หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อหมูใส่ปาก
“อืม อร่อยจริงๆ ” เยว่เฟิงเกอหรี่ตาลง ท่าทางเหมือนกำลังเสพสุขอย่างที่สุด
ท่าทางนี้ของเยว่เฟิงเกอยิ่งทำให้ฉินหว่านโกรธจนลมแทบจับ นางมองม่อหลิงหานด้วยหวังว่าเขาจะช่วยพูดคืนความยุติธรรมให้
ทว่า ม่อหลิงหานกลับราวกับไม่ได้ยินคำพูดของนางก็ไม่ปาน ยังคงตั้งอกตั้งใจกินอาหารตรงหน้า ทำเหมือนนางไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่
ฉินหว่านยิ่งคิดยิ่งโกรธ นางกินไปไม่กี่คำก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องอาหาร
นางไม่อาจกินอาหารร่วมชายคากับเยว่เฟิงกอได้จริงๆ เพราะแค่ความโกรธก็เรียกได้ว่าแน่นเต็มท้องแล้ว
เมื่อฉินหว่านจากไปแล้ว ม่อหลิงหานที่เดิมทียังวางท่าอยู่ก็ปล่อยวางลงทันที เขายื่นตะเกียบไปที่จานขาหมูนั่น ท่าทางคล้ายกำลังจะคีบเนื้อมา แต่กลับถูกตะเกียบคู่หนึ่งยื่นมาปัดออก
“ท่านอ๋องอย่าได้คิดจะมาแตะต้องขาหมูของหม่อมฉัน เมื่อครู่ท่านอ๋องยังทรงคิดจะยกขาหมูของหม่อมฉันให้ชายารองฉิน นี่แสดงให้เห็นว่าในพระทัยของท่านอ๋อง หม่อมฉันยังสำคัญน้อยกว่าชายารองฉิน ในเมื่อเป็เช่นนี้ ขาหมูของหม่อมฉันคงไม่อาจให้ท่านอ๋องลิ้มรสได้” ตอนนี้เยว่เฟิงเกอโกรธมาก ดังนั้น ขาหมูที่นางซื้อมานี้ นางจะไม่ให้ม่อหลิงหานได้กิน
ม่อหลิงหานไม่ได้โกรธเพียงเพราะตะเกียบของเขาถูกปัดออก ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มออกมา
“เมื่อครู่พระชายาเองก็ยอมรับแล้วว่านี่คือขาหมูของเ้า ในเมื่อเป็ส่วนหนึ่งบนร่างของพระชายา เช่นนั้นเปิ่นหวางย่อมต้องลิ้มรสได้ อย่าลืมสิ พระชายาเคยนอนกับเปิ่นหวางมาสองคืนแล้ว ตอนนี้แม้แต่ตัวของพระชายาก็นับเป็ของเปิ่นหวางแล้ว แล้วจะนับประสาอะไรกับขาหมูจานนี้”
คำพูดของม่อหลิงหานทำให้เยว่เฟิงเกออึ้งไปราวสองสามวินาที
นางตอบสนองกลับมาอย่างว่องไว หันไปะโใส่ม่อหลิงหาน “ม่อหลิงหาน เหตุใดท่านถึงหน้าไม่อายเพียงนี้”
ชิงจื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังเยว่เฟิงเกอถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดหู
เมื่อครู่นางไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ม่อหลิงหานไม่สนใจที่เยว่เฟิงเกอะโว่าเขาแม้แต่น้อย เขาคีบเนื้อเข้าปากทันทีพร้อมเอ่ยชมไม่ขาดปาก “อืม ขาหมูของพระชายาอร่อยจริงๆ ”
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอโกรธจนอยากจะทำลายโต๊ะแล้ว เหตุใดนางถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขายังมีด้านที่กวนประสาทเช่นนี้อยู่ด้วย
“ท่านกินไปเองคนเดียวเถอะ ข้าไม่กินแล้ว” เยว่เฟิงเกอพูดพลางลุกขึ้นยืนทันที
ทว่า ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังจะหมุนตัวจากไป มือของนางกลับถูกม่อหลิงหานคว้าจับไว้
เขาออกแรงดึงเพียงนิด เยว่เฟิงเกอก็ซวนเซล้มลงบนตักเขา
เยว่เฟิงเกอถูกม่อหลิงหานกอดรัดไว้ ขยับไม่ได้ นางโกรธจนต้องร้องะโขึ้นอีกครั้ง “ม่อหลิงหาน ปล่อยข้านะ”
ม่อหลิงหานคล้ายไม่ได้ยิน เขาคีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ยื่นไปข้างปากเยว่เฟิงเกอ “เอานี่ พระชายาก็กินด้วยสิ”
ท่าทีของเขาคล้ายว่ากำลังกล่อมให้เด็กน้อยกินเนื้ออยู่ก็ไม่ปาน
เยว่เฟิงเกอแค่นเสียงเ็าด้วยความโมโห ก่อนจะผินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากสนใจเขาอีก
การโต้ตอบของคนทั้งสองทำให้ชิงจื่อที่ยืนอยู่อีกด้านหน้าแดง
นางหน้าแดงหันกายหนี ทำเป็มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
ตอนที่ม่อหลิงหานกำลังจะหยอกล้อเยว่เฟิงเกอต่อนั้น จู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ว่าพิษในร่างตนกำลังจะกำเริบอีกแล้ว
ความรู้สึกที่คล้ายว่าประเดี๋ยวก็ราวกับอยู่ในโพลงน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ ประเดี๋ยวก็ราวกับอยู่กลางทะเลเพลิง ทำให้ม่อหลิงหานทรมานเหลือรับ
เมื่อก่อนยามที่พิษกำเริบ เขาจะใช้กำลังภายในสะกดไว้ แต่วันนี้กำลังภายในของเขากลับไม่อาจช่วยอะไรได้ ทั้งยังยิ่งทำให้ความเ็ปนี้รุนแรงขึ้น
ม่อหลิงหานแตกตื่นในใจ “แย่แล้ว”
เขารีบปล่อยมือที่กอดเยว่เฟิงเกอไว้
ชั่วขณะนั้นเยว่เฟิงเกอเองก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของชายที่อยู่ด้านหลัง นางรีบหันไปดู เห็นว่าม่อหลิงหานหน้าซีดขาว หน้าผากมีเหงื่อผุดพรายคล้ายกำลังอดทนอะไรอยู่
ความผิดปกติที่เห็นได้ชัดนี้ ทำให้นางไม่แง่งอนกับม่อหลิงหานอีก กลับกันยังรีบจับมือม่อหลิงหานไว้ ถามด้วยความตื่นใ “ม่อหลิงหาน ท่านเป็อะไรไป? ”
ม่อหลิงหานผลักตัวเยว่เฟิงเกอออก จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยไม่อยากให้เยว่เฟิงเกอรู้เื่พิษร้ายในร่างกายเขา ทว่า ในตอนที่เขาเดินไปถึงหน้าประตู กลับไม่อาจฝืนทนอาการพิษกำเริบของร่างกายตัวเองได้อีกต่อไป เขากระอักเืออกมา
ฉับพลันนั้นดวงตาดับวูบ ม่อหลิงหานเป็ลมหมดสติไป
“ม่อหลิงหาน”
“ท่านอ๋อง”
เยว่เฟิงเกอกับเฉียวเฟยและถานอี้ที่ยืนอยู่ในมุมมืดะโออกมาพร้อมกัน
และเป็เยว่เฟิงเกอที่รีบร้อนวิ่งเข้าไปประคองม่อหลิงหานที่กำลังจะล้มลงไป
เฉียวเฟยและถานอี้ต่างก็รีบร้อนพุ่งเข้ามาเช่นกัน
พวกเขาทั้งสองต่างรู้เื่พิษร้ายในร่างม่อหลิงหานดี นับเวลาดูแล้วก็คล้ายว่าจะใกล้เวลาที่พิษต้องกำเริบอีกครั้งแล้ว
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอไม่มีเวลามาถามว่าเื่ราวเป็มาอย่างไร นางเตรียมจะประคองม่อหลิงหานกลับเรือนิโยว
ตอนนี้เองเฉียวเฟยและถานอี้เอ่ยปากขึ้น “พระชายามอบท่านอ๋องให้พวกกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เยว่เฟิงเกอส่ายหน้าให้คนทั้งสอง นางไม่อยากทิ้งม่อหลิงหานไปในเวลานี้ด้วยรู้สึกว่า ไม่ว่าจะมอบม่อหลิงหานให้ใคร นางก็ล้วนไม่วางใจ
เฉียวเฟยและถานอี้สบตากันไปทีหนึ่ง เห็นว่าเยว่เฟิงเกอมีท่าทีแน่วแน่ พวกเขาก็ไม่อาจฝืนได้
เยว่เฟิงเกอประคองม่อหลิงหานเดินไปข้างหน้า ร่างกายของเขาเอนมาซบนาง
นางคิดไม่ถึงว่าม่อหลิงหานจะตัวหนักเพียงนี้ ตอนนี้นางเดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวด้วยความยากลำบากยิ่ง
ถานอี้ทนมองไม่ได้อีกต่อไป เขาขึ้นหน้าไปรับม่อหลิงหานมาแบกไว้บนหลัง
ตอนนี้ไม่อาจเสียเวลาได้แม้แต่นิด ถานอี้เร่งฝีเท้าจึงออกห่างหายไปจากคลองสายตาของเยว่เฟิงเกออย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อพระชายาทรงยืนกรานจะอยู่ข้างกายท่านอ๋อง เช่นนั้นพระชายาได้โปรดตามกระหม่อมไปที่หอแปดทิศด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เฉียวเฟยเดินมาถึงข้างกายเยว่เฟิงเกอ นำทางนางไปยังหอแปดทิศ