เพราะตำแหน่งของนางสูงกว่าผู้าุโคนอื่น นางเป็ผู้าุโใหญ่!
ในสายเลี่ยนเหยียนมีผู้าุโที่มีคุณวุฒิสูงทั้งหมดห้าพันคน แต่มีผู้าุโใหญ่แค่สิบคนเท่านั้น
ศิษย์ที่ถูกผู้าุโรับไปเป็ศิษย์ล้วนแต่เป็ศิษย์ทั่วไป ตามกฎของสำนัก ผู้าุโทั่วไปจะรับศิษย์ได้เฉลี่ยห้าสิบคน เมื่อมีผู้าุโห้าพันคน นั่นก็หมายความว่าจะมีศิษย์ทั่วไปประมาณสองแสนห้าหมื่นคน
แต่ผู้าุโใหญ่นั้นต่างออกไป เพราะมีความสามารถเหนือกว่าผู้าุโทั่วไป ดังนั้นเกณฑ์ในการรับศิษย์ของพวกเขานั้นก็จะสูงมาก ผู้าุโใหญ่แต่ละคนรับศิษย์ค่อนข้างละเอียด ศิษย์ของพวกเขามีไม่มาก แต่ยอดเยี่ยมทั้งหมด และศิษย์ที่ผู้าุโใหญ่รับไปก็จะถูกเรียกว่าศิษย์ชั้นยอด
ศิษย์ชั้นยอดก็จะแบ่งออกเป็สองประเภท ประเภทที่หนึ่งอายุน้อย ความสามารถสูง ส่วนอีกประเภทนั้นก็คือความสามารถยังไม่ถึง แต่มีกำลังแฝงและมีพร์สูง
ไม่ว่าจะเป็ประเภทไหน ก็สามารถได้รับความสนใจจากผู้าุโใหญ่ได้
ศิษย์ที่ได้รับการเลือกจากผู้าุโใหญ่ในการทดสอบ ภายหลังล้วนแต่มีพลังฝีมือก้าวะโ หลายปีหลังจากนั้นส่วนใหญ่ก็สร้างชื่อได้ ไม่อย่างนั้นก็กลายเป็ผู้ดูแล หรือเป็ผู้าุโ ที่ทำงานให้กับสำนักเทพอัคคี และยังได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากสำนักด้วย
ส่วนศิษย์ที่ไม่อยู่ในสำนักเทพอัคคี หลังจากครบเวลาที่กำหนดแล้ว สร้างคุณประโยชน์ให้กับสำนักเทพอัคคีมากพอแล้ว ก็สามารถยื่นเื่ขอออกจากสำนักเพื่อออกไปท่องโลกภายนอกได้
ถึงแม้ศิษย์ที่มีความสามารถบางส่วนจะสามารถสะสมค่าผลงานได้ภายในสามหรือห้าปี แต่ปกติแล้ว การสะสมค่าผลงานให้เต็มต้องใช้เวลาประมาณสิบปี
ดังนั้น ทุกสิบปีก็จะมีศิษย์กลุ่มหนึ่งที่ออกจากสำนักไป และก็จะมีศิษย์อีกกลุ่มหนึ่งที่เลือกที่จะอยู่ต่อ
ถึงแม้สำนักเทพอัคคีจะพัฒนาบุคคลชั้นยอดเพื่อทำงานให้กับสำนัก แต่ก็จนใจที่คนบางส่วนที่สะสมค่าผลงานได้ครบเลือกที่จะออกจากสำนักไป ดังนั้น สำนักเทพอัคคีจึงจำเป็ต้องรับเืใหม่เข้ามาเพื่อฝึกคนกลุ่มใหม่มาทำงานให้กับสำนัก
ดังนั้น ทุกสิบปีสำนักเทพอัคคีก็จะเข้าสู่การถ่ายเืใหม่ ในแต่ละปี สำนักเทพอัคคีในแต่ละสายก็จะทำการรับสมัครคนใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็รับมาจนถึง่ท้ายแล้ว
เดิมการรับคนใหม่เข้ามาจะมีแค่ผู้าุโเท่านั้นที่มาตรวจสอบและแบ่งศิษย์ คนที่เพิ่งเข้ามาจะเป็ได้แค่ศิษย์ทั่วไปเท่านั้น
หาก้าเป็ศิษย์ชั้นยอดก็จะต้องเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ชั้นยอด ถึงจะสามารถได้รับความสนใจจากผู้าุโใหญ่
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ศิษย์เท่านั้นที่จะหาผู้าุโใหญ่มาเป็อาจารย์ของตัวเอง แต่ศิษย์ชั้นยอดของผู้าุโใหญ่ที่คัดเลือกมาอย่างดีนั้นในสิบปีก็จากไปกันไม่น้อย ต่อให้อยู่ต่อก็กลายเป็ผู้ดูแลหรือไม่ก็ผู้าุโกันไปแล้ว ดังนั้น สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือผู้าุโใหญ่กำลังขาดแคลนศิษย์อย่างมาก
การขาดแคลนศิษย์นั่นก็หมายถึงความเหงาและโดดเดี่ยว หมายถึงไม่มีคนอยู่เป็เพื่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเขาไม่มีคนมีฝีมือที่ช่วยเป็หน้าเป็ตาให้กับพวกเขา แล้วหน้าของผู้อาวุใหญ่อย่างพวกเขาจะไปเอาไว้ตรงไหนกัน?
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อาจรอจนถึงการคัดเลือกศิษย์ชั้นยอดได้ไหว เลยมาสังเกตการณ์ดูในสนามคัดเลือกเืใหม่ หากเจอใครที่มีความสามารถไม่สูงพอ แต่มีพร์โดดเด่น พวกเขาก็จะลดเพดานเกณฑ์ของพวกเขาลง
แต่ว่า เพื่อเป็การหลีกเลี่ยงการแย่งชิงศิษย์และทำให้บรรยากาศย่ำแย่จนทำลายความสามัคคี ผู้าุโใหญ่ทั้งสิบคนจึงได้ทำการจับฉลากเพื่อผลัดกันมายังสนามคัดเลือกนี้
นั่นก็หมายความว่า ในปีนี้การทดสอบเด็กใหม่ในแต่ละครั้งก็จะมีผู้าุโใหญ่คนหนึ่งปรากฏตัว หากพบผู้น้อยที่ตัวเองนั้นถูกใจก็ถือเป็เื่ดี แต่หากไม่เจอก็นับว่าโชคไม่ดี ต้องรอการแข่งขันเลือกศิษย์ชั้นยอดอีกที
อาจารย์ของลู่เฟิงก็คือหนึ่งในสิบผู้าุโใหญ่ แต่น่าเสียดาย นี่เป็รอบสุดท้ายของการคัดเลือกเด็กรุ่นใหม่แล้ว อาจารย์ของเขาปรากฏตัวไปแล้วในรอบก่อนหน้านี้ ดังนั้นอาจารย์ของเขาจึงไม่มีทางได้เลือกิอวี่แน่นอน
และผู้าุโใหญ่ที่รออยู่บนยอดเขาก็เป็ผู้หญิงที่ลู่เฟิงรู้สึกปวดหัวมาก เพราะนางคือคู่ปรับของอาจารย์ของเขาเอง ...
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตอนนี้ลู่เฟิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก
เขาอยากจะส่งข้อความไปให้ิอวี่เพื่อดึงตัวมาเข้าค่ายของอาจารย์เขา แต่เขาก็กลัวจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้วทำให้ิอวี่สงสัย จนเอาเื่ที่ตัวเองเอาชนะมู่เฉินป่าวประกาศออกไปจนคนอื่นรับรู้เพื่อเอาตัวรอด
ดังนั้นลู่เฟิงจึงเลือกอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย เขาไม่สามารถเสนออะไรให้กับิอวี่ได้ เพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิดและสงสัย
หากิอวี่ไม่พูดเื่ที่เขาเอาชนะมู่เฉินได้ออกมา ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมองไม่เห็นิอวี่ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ของเขาก็จะยังมีโอกาส!
พอคิดได้แบบนี้ ในใจของลู่เฟิงก็เหมือนจะมีความหวัง เขาพูดขึ้นมาต่อหน้าผู้กล้าสามร้อยกว่าคนว่า “ตอนนี้ ตามข้ามา ข้าจะพาพวกเ้าไปพบเหล่าผู้าุโ”
พูดจบเขาก็เดินไปทางเขาลูกที่สาม และพวกของิอวี่ก็เดินตามเขาไป
ถึงแม้เมื่อครู่ในเวลาครึ่งนาที ทุกคนจะได้รับาเ็ที่แตกต่างกันออกไป แต่ในฐานะผู้มีความสามารถรุ่นเยาว์ร่างกายของแต่ละคนจึงยังไม่แย่ แค่ระยะเวลาสั้นๆ พวกเขาก็ฟื้นฟูพลังกลับมาไม่น้อย
เขาลูกนั้นมีความสูงถึงหนึ่งพันห้าร้อยเมตร มีลู่เฟิงเป็ผู้นำทาง และทุกคนก็ปีนขึ้นตามไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายอยู่บนยอดเขา
ก่อนหน้านี้ิอวี่ก็แอบััได้ถึงลมปราณที่แข็งแกร่งอย่างมากจากบนเขาลูกนี้ พอยิ่งเข้าใกล้ พลังอำนาจแรงกดดันที่หนักหน่วงนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ิอวี่รู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย และเริ่มเวียนหัวอย่างมาก
ในสถานการณ์แบบนี้ ิอวี่จึงรีบถ่ายน้ำสีดำในบ่อศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในจุดเซินถิงของเขา และเปิดััแห่งิญญาขึ้นมา ความสดชื่นพุ่งเข้าสู่สมองจนทำให้ความรู้สึกที่หนักอึ้งนั้นลดลงไปกว่าครึ่ง
และในเวลานี้เอง ลู่เฟิงก็พาทุกคนมาถึงยอดเขา!
ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้ากระจ่างชัด บนยอดเขาซึ่งมีรัศมีสามร้อยเมตร พื้นที่ตรงลานกว้างนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณร้อยเมตร บนแท่นหินที่ยกสูงมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่สี่คน
ชายสี่คนนี้มีรูปร่างเป็เอกลักษณ์ของตัวเอง แต่จอนผมของพวกเขาทั้งสองข้างนั้นขาวโพลน ถึงแม้จะอายุไม่น้อยแต่ดวงตาของพวกเขายังดูแหลมคม มันมีพลังอำนาจบางอย่างแผ่ออกมา
และดวงตาของพวกเขายังลึกซึ้งมาก นั่งอยู่บนที่สูงแบบนั้นดวงตายังไม่กะพริบเลย ถือว่ามีอานุภาพอย่างมาก!
ดูจากลมปราณที่แผ่ออกมาจากตัวพวกเขาแต่ละคนแล้ว มันเหมือนมีูเาสี่ลูกคุมอยู่ทั่วบริเวณ ต่อใหู้เาลูกนี้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่เมื่ออยู่ภายใต้พลังอำนาจของพวกเขาแล้ว ก็ไม่สามารถตั้งตระหง่านสูงใหญ่งดงามได้อีก
“ทั้งสี่ท่านนี้น่าจะเป็ผู้าุโ ลมปราณแต่ละคนไม่ได้ด้อยไปกว่าลู่เฟิงเลย แล้วยังดูเหนือกว่าด้วย!”
ิอวี่เปิดััแห่งิญญาสำรวจไปที่ร่างกายของทั้งสี่คน เขาพบว่าในจุดตันเถียนของพวกเขาสี่คนนั้น เหมือนมีลมปราณที่เปล่งประกายระยิบระยับหนักแน่นอยู่ภายใน!
ขอบเขตอมฤตขั้นที่หก!
ิอวี่ตกตะลึงมาก ผู้าุโทั้งสี่เหมือนไม่ได้ตั้งใจปล่อยลมปราณในร่างกาย แต่บนตัวของพวกเขามีพลังอำนาจที่น่ายำเกรง ลมปราณเทวะทั้งห้าจุดหลอมรวมเป็หนึ่งเดียว กลายเป็ลมปราณเทวะที่แท้จริง ราวกับมีเทพเ้าช่วยเหลือ ลมปราณหนักแน่นแข็งแกร่ง แค่กวาดสายตาก็สามารถสยบไปทั่วทุกทิศแล้ว!
ิอวี่แทบไม่กล้าคิดเลยว่า หากพวกเขาสี่คนปล่อยลมปราณที่แท้จริงออกมามันจะเป็อย่างไร เป็ไปได้ว่าูเาลูกนี้ทั้งลูกคงถล่มลงได้!
ก่อนหน้านี้คนที่ิอวี่เคยเจอและคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดก็คือต้วนอู๋ซวงของราชวงศ์ปิงซวง ตอนที่ต้วนอู๋ซวงเล่นงานิอวี่จนหมดสภาพยังเกือบฆ่าเขาจนตาย ซึ่งความสามารถของต้วนอู๋ซวงยังเป็แค่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด
ถ้าอย่างนั้น หากผู้าุโทั้งสี่คนแค่ปล่อยพลังอะไรสักอย่างแบบลวกๆ ออกมา อาจจะเป็แค่การดีดนิ้ว ิอวี่ก็คงสลายกลายเป็ผุยผงได้แล้ว!
ร้ายกาจขนาดนี้ หากติดตามผู้าุโไม่ว่าคนใดคนหนึ่งคงได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะมากมายเป็แน่?
ิอวี่แอบทำการสำรวจ แต่กลับพบว่าทางด้านขวามือของเขานั้น ตรงด้านข้างแท่นหินสูงยังมีเก้าอี้หินตัวหนึ่ง บนเก้าอี้นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังปรากฎสู่สายตาของเขา
ตอนที่ิอวี่จ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นก็ถึงกับทำให้เขาตะลึงไปเลย
ผู้หญิงคนนี้มีดวงตาเป็ประกาย จมูกไม่โด่งมากแต่ก็เข้ารูป ริมฝีปากหนานิดหน่อยแต่ไม่กว้าง สีอมชมพูเล็กน้อยดูสุขภาพดี
ใบหน้าของนางเล็กแต่เป็ทรงกลมและมีแก้มเล็กน้อย ผิวพรรณขาวผ่อง ผมสีดำเงางามสั้นเท่าหูจนทำให้เห็นต่างหู ต่างหูคู่นั้นเป็ทรงกลมสีทองดูสวยงามเป็ประกาย ซึ่งดูแล้วมีความแวววับ
นางสวมชุดกี่เพ้าสีขาวนวลขอบทอง เอวเข้ารูปสมส่วน หน้าอกเต่งตึง มันถูกกี่เพ้ารัดแน่น ราวกับจะมีกระต่ายน้ำะโออกมาจากร่องกลางตรงนั้น ทำให้คนที่ได้เห็นทั้งกังวลและเหมือนจะตั้งหน้าตั้งตารอด้วย ...
ชุดกี่เพ้าสีขาวนวลเหมือนตั้งใจตัดเย็บมา ขอบเป็ด้ายสีเขียวเข้ม เมื่อรวมต่างหูที่ลวดลายดูเหมือนเปลวไฟเข้ากับชุดกี่เพ้านี้ สีขาวนวล สีทอง สีเขียวเข้ม มันทำให้ดูโบราณแต่ก็งดงาม
ใบหน้าที่งดงามและรูปร่างที่สมส่วนเร่าร้อน ถึงแม้นางจะนั่งไขว่ห้างอย่างี้เีอยู่บนเก้าอี้หินก็ดูสง่างาม ทำให้ชายหลายคนแทบคลั่ง!
แม้แต่ิอวี่ยังมองจนลืมตัวถึงกับจ้องไป มันเป็ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของชายหนุ่มเืร้อนอย่างเขา
ถึงแม้หากพูดกันแค่หน้าตา นางอาจจะสู้เฮยจีไม่ได้เลย แต่นางมีความสง่างามแบบอื่นอีก ซึ่งทำให้ดูแตกต่างออกไป
และพลังฝีมือของผู้หญิงคนนี้ก็คาดเดาไม่ได้เลย ตอนที่ิอวี่ใช้ััแห่งิญญาสำรวจไปที่จุดตันเถียนของนาง เขาถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกมาก
มันทำให้เขารู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาในทันที!
