ชิ้ง!
หอกน้ำแข็งแทงทะลุค้างคาวหมูตัวหนึ่งเสียบเข้ากับแผงเกราะทั้งเป็
ในเวลาเดียวกัน ไม่รีรอให้ค้างคาวหมูตะเกียกตะกาย เ่ิูก็บันดาลหอกน้ำแข็งอีกด้ามในมือสำเร็จ
เขาคำรามลั่น ทิ่มแทงหอกยาวในระยะไกล
โผัเกรี้ยวแห่งสี่กระบวนยุทธ์เทพราชันเกราะทอง!
เสียงคำรามแห่งัแว่วมาตามสายลม อำนาจกดดันน่าพิศวงเปิดเผยออกมา ค้างคาวหมูที่เคยน้ำตาร่วงอย่างบ้าคลั่งเริ่มกรีดร้อง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
พลานุภาพแห่งการโจมตีสังหารติดๆ กันะเิออกมา
เ่ิูกลายเป็สายฟ้าแลบ ร่างกายราวกับภูผาพังทลายพุ่งเข้าชนค้างคาวหมูแดนหิมะสี่ห้าตนบนแผงเกราะ
ปั้ง!
เ่ิูใช้กายเนื้อตัวเองกระแทกพวกค้างคาวหมูที่สูงสี่เมตรเข้าเต็มรัก
เผ่าปีศาจโดยทั่วไปล้วนมีความแกร่งในการต่อสู้ระยะประชิดเป็ทุนเดิม ค้างคาวหมูก็มิใช่ข้อยกเว้น สองปีกของพวกมันสร้างขึ้นจากโครงกระดูกและิัประกอบเข้าด้วยกัน แข็งยิ่งกว่าเหล็กบริสุทธิ์ ร่างกายเหมือนหลอมเหล็กทมิฬ แข็งเหมือนได้รับพรจาก์
จอมยุทธ์อาณาเดียวกันโดยสามัญแล้ว หากไม่มีอาวุธใดอยู่ในมือ ก็ยากจะทำลายการป้องกันและจู่โจมของค้างคาวหมูได้สำเร็จ แต่ค้างคาวหมูขนาดั์ตัวนี้ถูกเ่ิูชนทีเดียว กระดูกทั้งตัวก็แหลกเละเหมือนกระเบื้องถูกค้อนเหล็กทุบ โครงกระดูกบนปีกทั้งสองข้างหักไปเจ็ดในสิบ!
“กี๊ซซซ”
ค้างคาวหมูครวญครางเสียงแหลม
กายเนื้ออันใหญ่โตของมันโดนชนจนกระเด็นไปด้านหลัง เหมือนก้อนเหล็กที่ถูกชิงแก่นเหล็กไปอย่างไรอย่างนั้น มันชนกับพวกเดียวกันอีกสองตัวอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง
ภาพตรงหน้าช่างรุนแรงเหลือ เืสดๆ สาดกระจาย เสียงกรีดร้องแหลมแสบแก้วหู ค้างคาวหมูสามตัวโหยหวนเมื่อถูกโจมตีอย่างจังจนกระเด็นจากแผงเกราะ ร่างกายอันใหญ่โตแหลกละเอียดนิ่งค้างอยู่กลางอากาศ จากนันจึงตกลงสู่พื้นดินเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
ปีกพวกมันแหลกละเอียดไม่ต่างกับตัว พวกมันบินไม่ได้อีก มีแต่จะต้องตกลงไปตายเท่านั้น
พลานุภาพโจมตีเพียงครั้งเดียว กลับแกร่งกล้าจนฉีกได้ทุกอย่าง
ทหารเกราะที่เดิมทีโรมรันกับค้างคาวหมูพวกนี้ พอเห็นภาพตรงหน้าต่างก็อ้าปากค้างตาถลนอย่างตะลึงไม่แพ้กัน
พลังอะไรกันนี่?
ร่างกายของทูตถือดาบตรวจการณ์เย่ หรือว่าจะหลอมมาจากเหล็กกล้ากันนะ?
ถึงได้กล้าชนจู่โจมพวกสัตว์ปีศาจ สำหรับพวกเขาผู้แข็งแกร่งแห่งแดนมนุษย์ รูปแบบการต่อสู้เช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย เพราะต่างก็รู้กันอยู่ ว่าร่างกายของมารและปีศาจต้องทรหดและแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ไม่รู้กี่เท่า...แต่ทูตถือดาบตรวจการณ์เย่แค่ชนทีเดียวก็ชนะขาดลอย ทำให้พวกค้างคาวหมูนั่นแหลกเป็เครื่องกระเบื้องโดนทุบไปเลย
ระห่ำ!
เผด็จการ!
ป่าเถื่อน!
มุทะลุ!
รูปแบบการต่อสู้ที่ใช้กำลงอย่างบ้าบิ่น ะเืทุกสายตาที่ได้มองถึงขีดสุด
ทหารเกราะทุกผู้รู้สึกเหมือนอัคคีในอกถูกการชนครั้งนี้ราดน้ำมันจนโหมกระพือเต็มพิกัด
“ได้!”
“ใต้เท้าปรีชายุทธ์ยิ่ง!”
“ใต้เท้าเย่เก่งกาจนัก!”
พลทหารหลายคนตะเบ็งออกมา สายตาที่มองเ่ิูเต็มเปี่ยมด้วยความเห็นด้วยและเคารพ
ในสมรภูมิ มีเพียงพลังที่แท้จริง ความกล้าและสามารถในการศึกเท่านั้น ถึงจะได้ความยกย่องศรัทธาและยอมรับจากผู้อื่น
ก่อนหน้าตอนนี้ เ่ิูเงียบงันเป็ส่วนมาก ไม่ค่อยลงมือเอง เหล่าทหารมองเขาเป็แค่ ‘ทูตถือดาบหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ’ ก็เท่านั้น เป็ฉลากที่รู้โดยทั่วกัน เพราะเป็ตำแหน่งทางการทหารของพวกเขาเท่านั้นถึงได้เคารพเพียงแค่เปลือกนอก แต่ว่าตอนนี้ ทุกคนล่วงรู้ในทันที ว่าทูตถือดาบตรวจการณ์เย่ท่านนี้มีพลังของจริง
เ่ิูลงมือคราวนี้ พาให้ใจคนให้ฮึกเหิมเหลือจะเอ่ย
“พี่น้องข้า พวกเรามาร่วมมือกัน สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่!”
เ่ิูหัวเราะร่า ตวัดมือคว้าเอาอากาศ เรียกเอากระบี่ฉ่าวชางออกมา ราวกับเสือคลั่งราชสีห์ผยอง ท่าทีบ้าระห่ำ ก้าวยาวๆ เข้าหาค้างคาวหมูแดนหิมะตัวที่สี่ ด้ามกระบี่มีแสงสีทองไหลเวียนวิบวับ กระชากิญญาผ่าเวหา แห่งสี่กระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์รอการสำแดงฤทธิ์หลังตุนพลังไว้มหาศาล
“ข้าขอสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ท่านทูตถือดาบตรวจการณ์เย่!”
“ฆ่ามัน!”
เหล่าทหารเปี่ยมอารมณ์มาก พวกเขาะโอย่างเกรี้ยวกราด จิติญญาชายชาติทหารสำแดงเดช
“กี๊ซซซ!”
ค้างคาวหมูแดนหิมะตัวที่สี่ใหญ่กว่าสามตัวที่ผ่านมา ใกล้เคียงกับาาค้างคาวหมู มันคำรามเสียงแหลม แล้วกระโจนเข้าใส่ทหารนายหนึ่ง แล้วเบนหน้าปรี่เข้ามาหาเ่ิู
เผ่าปีศาจเองก็มีสติปัญญา ปีศาจระดับค้างคาวหมูแดนหิมะนี้ สติปัญญาใช่จะด้อย พอเห็นกับตาตัวเองว่าเผ่าพันธุ์เดียวกันสามตัวถูกฆ่าเรียงตัว ก็รู้ได้ในทันทีว่ามนุษย์คนนี้ไม่ธรรมดา แต่พลังปีศาจควบคุมกายกลับมีมากกว่า มันตัดสินใจปะทะซึ่งๆ หน้า คิดจะกำจัดเ้ามนุษย์ตัวปัญหานี่ให้สิ้นซาก
เ่ิูประจันหน้า ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ
“กระชากิญญาผ่าเวหา!”
การโจมตีสังหารเริ่มต้น
ทุกคนเพียงรู้สึกว่าั์ตาพร่า เ่ิูก็เงื้อดาบตัดบนปีกค้างคาวหมูแดนหิมะเรียบร้อยแล้ว
เสียงฉัวะดังแว่วมา
โครงกระดูกปีกโดนตัดเกือบทั้งหมด
รอยแผลถูกน้ำค้างแข็งสกัดกั้นไว้ เืปีศาจยังไม่กระฉูดออกมาแต่ถูกแช่แข็งอยู่อย่างนั้น
“สลาตันคมกระบี่!”
เ่ิูโจมตีได้เปรียบ เขาไม่ลังเลที่จะะเิกระบวนยุทธ์ทหารเอกหนึ่งนิรันดร์ท่าสุดท้ายออกมา
ลมพายุดาบเต็มฟ้าดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง
ภายในนั้นมีไอหิมะและน้ำค้างแข็งล่องลอยปนกันอยู่ ปราณน้ำแข็งอันเอกลักษณ์ของเ่ิูก็ะเิสรรพคุณในการเข่นฆ่าที่น่ากลัวออกมา กลางหิมะและน้ำค้างแข็งที่ล่องลอยรอบกายนั้น ความหนาวเย็นนั้นส่งกระทบต่อการกระทำและปฏิกิริยาตอบสนองของค้างคาวหมูแดนหิมะ มันเชื่องช้าลงหลายขุม พริบตานั้นก็ไม่รู้ว่าถูกกระบี่ฟันไปกี่ครั้ง รอยแผลน้ำค้างแข็งสีขาวปรากฎขึ้นแผลแล้วแผลเล่า
รูปกายที่ตัดกัน
เ่ิูเข้ามาทางด้านหลังของค้างคาวหมู เขาเก็บกระบี่แล้วยืนหยัดขึ้น
ค้างคาวหมูแดนหิมะตัวนี้หยุดดิ้นรนแล้ว ร่างกายมีแต่รอยแผล แต่โดนความหนาวเย็นผนึกเอาไว้ ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ ห่อหุ้ม ท่าทางน่าอนาถใจนัก...ความจริงแล้วร่างกายใหญ่โตของมันช่างใกล้เคียงกับยอดเขาน้ำแข็งในความเหน็บหนาวนัก
เ่ิูหันกาย เหาะขึ้นเบื้องบน
เปรี้ยง!
ค้างคาวหมูตัวใหญ่ถูกเตะกระเด็นออกจากแผงเกราะ
กำจัดไปอีกหนึ่ง
บนแผงเกราะเหลือเพียงค้างคาวหมูสองตัวสุดท้ายเท่านั้น
แม้จะมีอุปนิสัยดุร้ายและแข็งกร้าวแต่กำเนิด แต่เมื่อเห็นเพื่อนถูกฆ่าเป็ผักปลาไปติดๆ กัน ค้างคาวหมูสองตัวนี้ก็รู้ดีว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี พวกมันไม่กล้าอยู่บนแผงเกราะนี่อีกต่อไป มันขยับปีกกระพือเตรียมจะบินหนี
“คิดหนีหรือ?”
เ่ิูตวาดลั่น กระตุ้นเกราะศึกอาชาขาวให้ปีกกางออกมาในทันที
เขาขยับตัวกลายเป็ดั่งลำแสงติดตามไป สังหารค้างคาวหมูแดนหิมะสองตัวที่เหลือกลางอากาศ
“ท่านทูตถือดาบตรวจการณ์เย่ กลับมาเร็ว” หลิวจงหยวนะโลั่น
เ่ิูสังเกตความเร็วในการบินของค้างคาวหมูผืนหิมะ ในใจเริ่มคิดวิเคราะห์ ปีกนี้ทั้งว่องไวและปราดเปรียว เขาตอบกลับกลางอากาศ “แม่ทัพหลิว รีบบังคับเรือเหาะหนีไปเดี๋ยวนี้ ข้าจะกันพวกมันไว้สักพัก ถ้ารักษาระยะห่างไว้ พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว ตอนนี้ห้ามทำศึกยืดเยื้อ”
“ไม่ได้ อันตรายเกินไป” หลิวจงหยวนร้อนใจ
เ่ิูหัวเราะร่า “วางใจเถอะ ข้าจะระวังตัว”
เอ่ยพลางหันหลังเผชิญหน้ากับพวกค้างคาวหมูแดนหิมะที่กรูกันเข้ามาจากเบื้องบน
หลิวจงหยวนร้อนใจมาก เขาสั่งการทหารใต้อาณัติให้กระตุ้นเรืออักขระพุ่งไปข้างหน้าด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ราวกับสายฟ้าตัดผ่านกลางห้วงเวหา เขากระโจนขึ้นกลางอากาศ ปีกสีดำคู่หนึ่งกางออกกลางแผ่นหลัง หน้าตาคล้ายเกราะศึกอาชาขาว เป็สิ่งของที่เกิดจากการหลอมอักขระ ยามควบคุมก็ปราดเปรียวยิ่งนัก ครู่เดียวก็มาอยู่ข้างเ่ิู เขาว่า “ข้าจะถ่วงเวลาพวกมันไว้กับท่าน แต่อย่างไรก็ห้ามยืดเยื้อเป็อันขาด ถ้าโดนเดรัจฉานพวกนี้ล้อมได้เมื่อไรเราจะตกอยู่ในอันตราย”
เ่ิูพยักหน้า
ระหว่างเอ่ยกันอยู่นั้น หลิงจงหยวนก็คว้าฝักดาบออกมาจากบั้นเอวแล้วต่อเข้ากับด้ามดาบ
ดาบโค้งกลายเป็ดาบยาวพิฆาต
“ฆ่า!”
เขาเงื้อดาบผ่าอากาศ
ไอดาบสีทองอ่อนขนาดั์ระบายจากตัวดาบผ่าออกไป
อากาศธาตุพลันอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าอันเฉียบขาด
ค้างคาวหมูแดนหิมะสามสี่ตัวตรงหน้าถูกฟันจนแหลกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย โลหิตสีดำสาดเทดั่งสายฝน
“หลิวจงหยวนปลุกิญญาปราณทองคำ ในบรรดาห้าธาตุนั้น ปราณทองคำใช้ฆ่าได้เยี่ยมที่สุด และเป็ยอดธาตุที่มีพลังบุกแข็งแกร่งที่สุดธาตุหนึ่ง จอมยุทธ์ที่มีปราณทองคำ เน้นเข่นฆ่าเป็หลัก ดุร้าย หลิวจงหยวนเป็พลทหาร เขาเหมือนกับทหารคนอื่นๆ ชอบปราณที่แรงบุกแกร่งที่สุด”
เ่ิูพินิจในใจ
เขาควบคุมเกราะศึกอาชาขาว แสงสีขาวรอบกายไหลเวียน ปีกด้านหลังขยับไหว ทั่วทั้งกายประหนึ่งเป็เส้นแสงทะลุผ่านร่างค้างคาวหมูแดนหิมะกลุ่มใหญ่ กระบี่ฉ่าวชางะเิคมกระบี่ฉับแล้วฉับเล่า ประหัตปะาไม่ยั้งมือ
เพราะมีเกราะศึกอาชาขาว พลังภายในที่ต้องสูญเสียในการบินจึงเบาลงมาก เ่ิูที่ใจคะนองกับการศึกอันพลุ่งพล่าน รู้สึกถึงเพียงความสบายกายสบายใจอย่างสุดซึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
การลับคมในสนามรบจริงเช่นนี้ ไม่เพียงแค่มีประโยชน์ต่อการยกระดับและฝึกปรือพลังต่อสู้ในาจริงของเ่ิูเท่านั้น สำหรับความเข้าใจในเื่เกราะศึกอาชาขาว ก็ยิ่งคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน กำลังภายในไหลเวียนในกระบวนอักขระของเกราะเริ่มสะดวกขึ้นทุกที ตัวเกราะเปล่งแสงร้อนแรง เ่ิูผู้สวมใส่อยู่จึงราวกับเป็เทพาที่อาบแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงตะวัน
“เกราะศึกเยี่ยมยุทธ์อะไรอย่างนี้ ปีกนี่ไม่เพียงบินได้เท่านั้น ยังเป็ศาสตราวุธได้อีก เอามาฆ่าศัตรูก็ได้”
เ่ิูบินผ่านไวเหมือนฟ้าแลบ สองปีกดุจดาบฟันค้างคาวหมูแดนหิมะสองตัวขาดเป็สี่ท่อน
“เอ๋? หมวกเกราะเหมือนจะมีความลับบางอย่างนะ” เ่ิูพบว่าภายในหมวกเกราะสีขาวมีกระบวนอักขระซ่อนเร้นอยู่โดยบังเอิญ
หลังกระตุ้นกำลังภายในเข้าใส่ หมวกเกราะขาวที่เคยนิ่งแข็งกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมา ของเหลวอ่อนจางราวกับเงินชั้นหนึ่งค่อยๆ หลั่งไหลออกมา ห่อหุ้มใบหน้าของเ่ิู แต่กลับไม่ปิดกั้นการมองเห็นและประสาทััของเขาต่อโลกภายนอกเลย กระทั่งยังเสริมประสิทธิภาพในการมองเห็นของเ่ิู ยกระดับศักยภาพประสาทััและความเร็วในการตอบสนอง เป็ความรู้สึกที่พิเศษยิ่งนัก เ่ิูพบว่าตัวเขามองเห็นได้แม้แต่จากด้านหลังตัวเอง
นี่กระมังความลับแท้จริงของเกราะศึกอาชาขาว?
เ่ิูทั้งใทั้งยินดี
มิน่าเล่าเกราะศึกตัวนี้ถึงได้เป็เกราะศึกประจำตัวของเ้านายแห่งหอคอยอาชาขาวตลอดมา
หลังพบความลับของหมวกเกราะแล้ว เ่ิูไม่ต่างอะไรกับปลากระดี่ได้น้ำ
อีกด้าน หลิวจงหยวนลงมือโเี้นัก เสือกดาบออกไปทีไรล้วนจะมีค้างคาวหมูแดนหิมะแหลกเละทุกครั้งไป
เพลงดาบของหลิวจงหยวน มีรังสีอาฆาตหนักหน่วง มีกลิ่นอายน่าเวทนาอย่างไปไม่หวนกลับ
หลังกรำศึกยาวนานกว่าแปดนาที ฆ่าค้างคาวหมูแดนหิมะไปสองร้อยตัวติด กระทั่งระดับาาค้างคาวหิมะยังเจ็บสาหัสด้วยน้ำมือเขา กองทัพปีศาจมีปีกที่เดิมทีบ้าคลั่งพวกนี้ เมื่อเจออุปสรรคหนักหน่วงเข้าก็ไม่คลั่งอย่างเดิมอีกแล้ว พวกมันแสดงอาการอลหม่านจากนั้นก็เหมือนจะหลบหนี
“พวกเรากลับ!”
หลิวจงหยวนหันกายกลับ บินตามไปในทิศที่เรือเหาะอักขระจากไป
เ่ิูรีบตามไป
อยากจะสังหารพวกนี้ให้หมดสิ้นไปนั้นไม่อาจเป็ไปได้เท่าไรนัก ทำได้แค่สกัดกั้น ถ่วงเวลาออกไปสักหน่อย ให้เรือเหาะอักขระเพิ่มความเร็วไปจากที่นี่ได้ก็พอแล้ว
พักต่อมา
ทั้งสองกลับมาถึงบนเรือเหาะ
เมื่อนับจำนวนคน พบว่าจากศึกไม่คาดฝันเมื่อครู่นี้มีพลทหารทัพหน้าตายไปสี่นาย อีกยี่สิบกว่านายได้รับาเ็ ที่สาบสูญก็นับเข้ากับพวกที่ได้รับาเ็นี้ด้วย