เมื่อสักครู่ที่เขาเล่าข้ามเหตุการณ์นี้ไป เป็เพราะส่วนหนึ่งคือเขาไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวดและอีกส่วนหนึ่งเป็เพราะเขากลัวว่าตนเองจะถูกอาจารย์ตำหนิว่าเป็พวกใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายยังไม่ทันจะหาเงินได้สักเท่าไรแต่กลับใช้เงินออกไปถึง 3 แสนหยวน หากนับรวมกับเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว เขาก็ใช้เงินไปแล้วห้าหกแสนเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเขาจะใช้เงินรวดเร็วและฟุ่มเฟือยยิ่งกว่าคนอื่นเสียอีก เพื่อให้เขามีโอกาสอยู่อย่างเงียบๆและเพื่อไม่ต้องทำให้ท่านเฮ่อต้องโมโห เขาจึงคิดปิดบังเื่นี้เอาไว้
“อาจารย์พูดถึงเื่นี้เองหรือนี่เป็เพียงเื่เล็กๆ เท่านั้น ดังนั้น ผมจึงไม่ได้บอกกับอาจารย์ครับ”หลินเยว่จึงได้แต่พูดกลบเกลื่อนกับอาจารย์ของตนเพื่อให้เื่นี้ผ่านพ้นไป
“ฮ่าๆ เื่เล็ก สำหรับคุณแล้ว เงินจำนวน 3แสนคงไม่ถือว่าเป็ตัวเลขเล็กน้อยหรอกนะ?คุณไม่ต้องแกล้งหลอกอาจารย์อีกแล้วก็ได้ เพราะบ่ายวันนี้มีคนโทรศัพท์หาอาจารย์แล้วบอกเื่นี้กับอาจารย์แล้วล่ะ”
“ใครครับ?”หลินเยว่ไม่ทันได้คิดอะไรก็หลุดปากถามออกมาทันที
คนแรกที่ปรากฏขึ้นในสมองของหลินเยว่ก็คือเฮ่อโย่วจ้างแต่หลังจากนั้นเขาก็ตัดทิ้งทันที เฮ่อโย่วจ้างน่าจะยังไม่รู้เื่นี้แล้วถึงเขาจะรู้ก็ไม่มีทางที่จะรู้รายละเอียดได้ชัดเจนเช่นนี้คนที่สองคือฉินจงฮั่น แต่ฉินจงฮั่นจะรู้จักท่านเฮ่อด้วยอย่างนั้นหรือ?หลินเยว่เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ
“เื่นี้คุณไม่ต้องสนใจหรอกนะอาจารย์ถามคุณหน่อย คุณได้รับบัตรสีทองใบหนึ่งมาแล้วใช่ไหม ้าพิมพ์ชื่อของคุณไว้ส่วนด้านหลังจะเป็ภาพหยกภาพหนึ่ง แล้วก็มีคำว่า “เถิงชง” สองคำนี้?”
“อาจารย์รู้ได้อย่างไรครับ?” เมื่อพูดจบหลินเยว่ก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมานี่ก็เป็คำถามที่มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ในเมื่อมีคนบอกท่านเฮ่อแล้วก็ย่อมเล่าเื่ทั้งหมดให้ฟังสิ
“ไม่ต้องสนใจว่าอาจารย์รู้ได้อย่างไรคนที่อาจารย์รู้จักในวงการพนันหินหยกย่อมมากกว่าคนที่คุณเคยพบเจอมาเสียอีกอาจารย์ถามคุณหน่อย คุณรู้ไหมว่าบัตรสีทองใบนั้นมีประโยชน์อย่างไร?” เวลานี้เองน้ำเสียงของท่านเฮ่อฉางเหอก็เริ่มมีความตื่นเต้นแฝงอยู่
“ไม่ทราบครับ” หลินเยว่ตอบอย่างหนักแน่นเด็ดขาด การที่เขาได้สิทธิพิเศษในการซื้อหินหยกที่เถิงชงราคาพิเศษน่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัตรสีทองใบนี้และฉินจงฮั่นก็ไม่ได้บอกเขาว่าบัตรใบนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
“อ้อดูแล้วว่าคนของเถิงชงก็ยังคงรักษากฎเกณฑ์ธรรมเนียมปฏิบัติเป็อย่างดีสำหรับเื่นี้หากไม่มีคนที่เหมาะสมบอกกับคุณ อย่างน้อยคุณต้องรออีกสักสองสามปีถึงจะรู้เื่นี้ได้ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมที่เป็อาจารย์ของคุณบอกกับคุณก็แล้วกัน ไอ้หนูคุณช่างโชคดีเหยียบขี้หมานำโชคจริงๆถึงคนอื่นอยากจะเหยียบขี้หมาบ้างแต่ก็เหยียบไม่โดนสักที ฮ่าๆ......”ท่านเฮ่อฉางเหอพลันหัวเราะผ่านโทรศัพท์ด้วยเสียงดังที่มากเสียงหัวเราะนี้เต็มไปด้วยความพอใจและความชื่นชมตอนแรกเขาคิดจะพูดเข้าเื่โดยตรงแต่เมื่อพูดถึงเื่นี้แล้วเขาก็รู้สึกควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นของตัวเองไม่ได้เลยดังนั้น เขาจึงต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง
หลินเยว่ก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ท่านเฮ่อฉางเหอพูดได้ตรงมากจริงๆคำว่า “โชคดีเหยียบขี้หมานำโชค”ที่หลุดออกมาจากปากของชายชราที่อายุหกสิบกว่าปีอย่างเป็ธรรมชาติก็ทำให้คนฟังรู้สึกขำเป็อย่างมาก
เมื่อท่านเฮ่อฉางเหอหัวเราะเสร็จแล้วเขาก็พยายามควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นของตัวเองลง ทำให้น้ำเสียงของเขากลับมาเหมือนปกติอีกครั้งแล้วพูดขึ้น“เื่นี้หากจะพูดจริงๆ ก็ยาวมาก คุณรู้หรือเปล่าว่า สมญานาม ‘ปรมาจารย์แห่งหยก’ได้มาได้อย่างไร?”
การพูดด้วยน้ำเสียงปกติของท่านเฮ่อฉางเหอก็ทำให้หลินเยว่เริ่มเอาจริงเอาจังขึ้นมาทันทีเขารู้ว่าคำพูดต่อไปนี้จะต้องมีความสำคัญมาก เขาจึงคิดอยู่สักครู่แล้วพูดตอบ“เมื่อก่อนตอนที่ผมตัดหินหยกก็เคยได้ยินคนอื่นพูดมาบ้างดูเหมือนว่าจะต้องได้รับการยอมรับจากคนในวงการการพนันหินหยกครับ”
“ก็ไม่ผิดหรอกนะ คุณรู้หรือเปล่าว่าแบบไหนถึงจะถือว่าได้รับการยอมรับล่ะ?”
แบบไหนถึงจะถือว่าได้รับการยอมรับล่ะ?
หลินเยว่ไม่รู้เลย เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนตอนนั้นคนที่พูดถึงเื่นี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยรู้เื่เช่นกัน
แล้วทำไมอาจารย์ถึงได้ถามถึงคำถามนี้ล่ะ?
หลินเยว่รู้สึกสงสัยแต่แล้วพลันเหมือนมีแสงสว่างวาบผ่านเข้ามาในสมองของเขาเขารู้สึกเกร็งค้างไปทั้งตัว ใบหน้ามีแต่ความตกตะลึงและก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
หรือว่า......
เขาจับโทรศัพท์ไว้อย่างแ่าและถามอย่างตื่นเต้น“หรือว่าบัตรใบนี้เป็สัญลักษณ์ว่าได้รับการยอมรับแล้วหรือครับ?”
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมาหลินเยว่ก็พบว่าน้ำเสียงของตนเองมีแต่ความตื่นเต้น มันสั่นจนควบคุมไว้ไม่ได้เลย
“ใช่แล้ว ดังนั้นอาจารย์ถึงบอกว่าคุณโชคดีเหยียบขี้หมานำโชคไงล่ะ ฮ่าๆ......” ความรู้สึกของท่านเฮ่อฉางเหอที่เพิ่งถูกควบคุมให้สงบเยือกเย็นก็ถูกทำลายออกมาอีกครั้ง
จริงหรือ
นี่เป็ความจริงจริงๆ หรือ?
หลินเยว่รู้สึกตื่นเต้นจนรู้สึกสั่นไปทั้งตัว
ปรมาจารย์แห่งหยกเป็สมญานามที่นักพนันหินหยกจำนวนมากใฝ่ฝันอยากได้คาดไม่ถึงว่าเขากลับได้รับสัญลักษณ์การยอมรับนี้แล้ว
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนที่เขาเจอท่านหวังอีเตาปรมาจารย์แห่งหยกที่โรงงานจางจี้ในอำเภอชางตอนนั้นเขามองท่านด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธาผสมความตื่นเต้นแต่ก่อนเขาได้แต่ชื่นชมยกย่องความสง่างามของคนอื่น ฟังเื่ราวการพนันหินหยกของเหล่าปรมาจารย์แห่งหยกแต่ในวันนี้เขากลับได้รับบัตรที่เป็สัญลักษณ์การยอมรับว่ามีความเหมาะสมในการเป็ปรมาจารย์แห่งหยก
และปรมาจารย์แห่งหยกก็เหมือนกับการแกะสลัก มันเป็ความใฝ่ฝันของเขาและเป็ความใฝ่ฝันที่ไม่มีทางเป็จริงอย่างหนึ่ง
ด้านการแกะสลัก เขาสามารถค่อยๆ ฝึกทีละขั้นๆแต่ปรมาจารย์แห่งหยกกลับเหมือนเป็เพียงตำนานที่ดูห่างไกลอย่างหนึ่งเขาทำได้เพียงฟังจากคำพูดของคนอื่นทีละเล็กละน้อย และมีบางโอกาสที่จะได้เจอความสง่างามของท่านปรมาจารย์แห่งหยกเท่านั้น
ความฝันนี้ก็เหมือนกับการแกะสลักที่เขาซ่อนมันไว้ในส่วนลึกของจิตใจคาดไม่ถึงว่าขณะที่เขาสามารถทำความฝันด้านการแกะสลักให้เป็จริงในเวลาเดียวกันความฝันนี้กลับถูกคนอื่นพูดถึงอย่างไม่ตั้งใจและเนื้อหาของมันกลับเป็ว่าเขาได้รับสัญลักษณ์การยอมรับว่าเขาเหมาะสมกับสมญานามปรมาจารย์แห่งหยก
หรือว่าโอกาสของเขาจะมาถึงแล้วโชคชะตาของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว?
ไม่กี่เดือนมานี้ชีวิตของหลินเยว่ราวกับตกอยู่ในความฝันอันงดงามและในวันนี้ ความฝันของเขาก็สวยงามจนถึงจุดสูงสุดราวกับว่ามันสามารถแตกสลายได้ตลอดเวลา และมันทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็ความจริงเขาเกรงว่าหากสิ่งเหล่านี้เป็เพียงเื่โกหก เขาอาจจะรู้สึกรับไม่ได้จนเสียสติ!
แต่เพียงไม่นาน ท่านเฮ่อฉางเหอก็พูดในสิ่งที่ทำให้หลินเยว่ต้องตื่นขึ้นมาราวกับถูกสาดอย่างแรงด้วยน้ำที่เย็นจัด“หลินเยว่ คุณกำลังตื่นเต้นใช่ไหมล่ะ? หึ! ตอนนี้ทำมาตื่นเต้นก็เหมือนจะเร็วเกินไปแล้วนะคิดอยากจะกลายเป็ปรมาจารย์แห่งหยก มันก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้นหรอก!”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็ได้สติขึ้นมาเขาตื่นขึ้นมาจากความตื่นเต้นทันที
เขายังควบคุมสภาพจิตใจได้ไม่ดีเลย!
หลินเยว่ฝืนยิ้มออกมาตรงมุมปากเขาคิดถึงคำพูดของท่านอาจารย์ฉางไท่เมื่อหลายวันก่อนอาจารย์บอกกับเขาว่าการเรียนการแกะสลักจำเป็ต้องมีจิตใจสงบนิ่งเยือกเย็น การฝึกฝนการแกะสลักก็ต้องเป็เช่นนี้และการทำการแกะสลักก็ยิ่งต้องเป็เช่นนี้แต่ทว่าเมื่อสักครู่เขากลับตกอยู่ในอาการตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้
การฝึกฝนจิตใจของเขายังคงไม่เพียงพอ
การแกะสลัก้าจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กการพนันหินก็้าจิตสงบนิ่งเช่นกัน เพราะมีเพียงเช่นนี้ถึงจะทำให้ไม่พลาดในทุกๆรายละเอียด
การควบคุมจิตใจของเขายังแย่มากจริงๆ
หลินเยว่รู้ดีว่าท่านอาจารย์เฮ่อฉางเหอของตนอาจจะดูเป็คนอารมณ์ร้อนไม่ค่อยสนใจอะไร แต่ความไม่สนใจสิ่งใดๆ กลับมีความละเอียดอ่อนเพราะหากท่านอยู่กับการพนันหินหยกหรือเครื่องเคลือบที่จำเป็ต้องรวบรวมสมาธิให้เป็หนึ่งเดียวแล้วท่านก็เปลี่ยนเป็คนละคนทันที ท่านดูเคร่งขรึมจริงจัง ไม่มีการล้อเล่นเลย ซึ่งก็มีความคล้ายกับสภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กของเขาอย่างน่ามหัศจรรย์
เส้นทางที่เขาต้องเดินยังอีกยาวไกลนัก
หลินเยว่ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างเคารพนับถือ“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่อบรมชี้แนะครับ”
ท่านเฮ่อฉางเหอฟังออกว่าน้ำเสียงของหลินเยว่มีความราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือดังนั้น เขาจึงพูดอย่างพอใจ “อืม ไม่เลว ยังสามารถสั่งสอนได้อยู่อาจารย์กลัวว่าคุณจะหลงใหลไปกับสิ่งเหล่านี้จนนิสัยเปลี่ยนไปชื่อเสียงพวกนี้ทำลายคนมาเยอะแล้วแต่ว่าหากมีชื่อเสียงพวกนี้เป็เป้าหมายก็ดีอยู่เหมือนกันอย่างน้อยคุณก็จะได้มีแรงผลักดันและความกระตือรือร้นไงล่ะ”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ท่านจึงหยุดชะงักไปชั่วครู่หลังจากนั้นจึงกลับมาพูดประเด็นปรมาจารย์แห่งหยกต่อ“หากคิดจะกลายเป็ปรมาจารย์แห่งหยกมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่คุณคิดหรอกนะในวงการการพนันหินหยกไม่ได้มีแค่เถิงชง ยังมีคุนิ รุ่ยลี่ อิ๋งเจียง ผิงโจวของมณฑลกวางตุ้งแล้วยังมีย่างกุ้งของเมียนมาอีกด้วยคิดอยากจะกลายเป็ปรมาจารย์แห่งหยกยังต้องได้รับการยอมรับจากทั้ง 5 แห่งนี้ด้วย นั่นก็หมายความว่า คุณต้องได้รับบัตรอีก5 ใบที่ต้องมีการพิมพ์ชื่อสถานที่ของแต่ละแห่งด้วยไงล่ะเมื่อได้รับบัตรการยอมรับทั้งหมดนี้แล้วก็ยังไม่เพียงพอหรอกนะคุณยังต้องไปที่ย่างกุ้งประเทศเมียนมาเพื่อไปรับการทดสอบจากปรมาจารย์แห่งหยกรุ่นก่อนเมื่อผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็การได้รับสมญานามปรมาจารย์แห่งหยกอย่างแท้จริง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้