เมื่อเผชิญกับสายตากินเืกินเนื้อที่จับจ้องมา ใบหน้าของหลิวหงกับผู้าุโอีกสองคนแปรเปลี่ยนเป็สีม่วง หากมีหลุมปรากฎขึ้นบนพื้นข้างหน้า พวกมันคงมุดเข้าไปอย่างไม่ลังเล
นี่เป็เื่น่าขายหน้าเกินไปแล้ว มันน่าอับอายจนพวกมันอยากฆ่าตัวตายเสียตรงนั้น
หลังจากที่ใช้ชีวิตมานาน พวกมันกลับถูกเด็กหนุ่มและหมาหลอกเอา คำดูถูกที่เกิดจากเหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสามไม่อาจลืมเลือนได้ นับแต่นี้ทั้งสามคงไม่อาจเชิดหน้าชูตาในนิกายชิงิได้อีก
"ท่านผู้นำนิกาย ได้โปรดลงทัณฑ์ข้า ข้าเป็คนนำไข่หมูป่าหนามอัคคีมาที่นี่แต่เพียงผู้เดียว อีกสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย"
หลิวหงขบฟันแน่นขณะพูดออกมา ใน่สำคัญนี้มันยังคงแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด นี่ทำให้ชายแก่อีกสองคนประทับใจในตัวมันอย่างแท้จริง
"ท่านผู้นำนิกาย ตอนที่เ้าหนุ่มนั่นเอาไข่ทองคำออกมา พวกเราทั้งสองก็อยู่ที่นั่นด้วย เช่นนี่นความรับผิดชอบนั่นไม่ควรเป็ของผู้าุโหลิวแต่เพียงผู้เดียว พวกเรามีตา หามีแววไม่ พวกเราไม่สามารถบอกได้ว่าไข่ทองคำนั่นมีลูกหมูป่าหนามอัคคีอยู่ นั่นเป็เหตุว่าทำไมเ้าหนุ่มนั่นถึงสามารถหลอกพวกเราได้อย่างง่ายดาย"
ผู้าุโอีกคน ะโเข้ามาร่วมสนทนา และอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คำพูดของมันได้ดึงดูดการต่อว่าจากฉิงจื่อ แม้แต่หลิวหงกับชายแก่อีกคนจ้องมองที่มันด้วยความโกรธ บัดซบ เ้าแก่โง่นี่ หากเ้าไม่รู้จะพูดอะไร ก็หุบปากไปซะ!
"สารเลว เ้าหมายความว่าข้ามีตาหามีแววไม่ด้วยงั้นหรือ และยังไม่สามารถบอกได้ถึงต้นกำเนิดของไข่ทองคำใช่หรือไม่?ข้ารู้สึกถึงพลังงานที่คุ้นเคยจากไข่ทองคำนั่น แต่ว่าข้าถูกคำพูดของพวกเ้าหลอก นั่นเป็เหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่สนใจที่จะตรวจสอบมันอีก!"
ฉิงจื่อะโออกมาเสียงดัง ส่งผลให้ชายแก่ถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ ตอนนี้มันรู้ว่าคำพูดของมันไม่เหมาะสม เพราะว่าตัวฉิงจื่อเอง ยังไม่สามารถบอกได้ว่าไข่ทองคำนี่คือลูกหมูป่าหนามอัคคี เช่นนั้นเมื่อมันพูดว่ามีตาหามีแววไม่ มันได้บอกเป็นัยว่าฉิงจื่อเป็เช่นเดียวกับพวกมัน
หลิวหงและชายแก่อีกคนถอนหายใจในใจของพวกมัน ดูเหมือนว่าเ้าแก่โง่นี่ไม่ใช่แค่เพียงมีตาหามีแววไม่เท่านั้น แต่มันยังโง่เง่าอีกต่างหาก เป็ปาฏิหารย์จริงๆที่มันอยู่รอดมาได้ถึงอายุปูนนี้ และเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ได้
"ข้าต้องขออภัย ท่านผู้นำนิกาย ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น"
ชายแก่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของมันและรีบร้อนอธิบาย
"พอแล้ว เื่นี้ไม่อาจโทษพวกเ้าทั้งหมด จะโทษก็ต้องโทษเ้าหนุ่มนั่น"
ฉิงจื่อโบกมือ
เมื่อเอ่ยถึงชายหนุ่มชุดขาวกับหมาเหลือง ทันใดนั้นหลิวหงกับชายแก่สองคนก็กราดเกรี้ยวขึ้นมา เปลวเพลิงโทสะในดวงตาของพวกมันแทบแผดเผาอากาศตรงหน้าพวกมัน
"ท่านผู้นำนิกาย ข้าไม่คิดว่าเ้าหนุ่มนั่นจะหลบหนีไปได้ไกล!ข้าจะจับตัวมันและพามันกลับมาที่นี่"
หลิวหงพูดออกมาอย่างดุร้าย
"ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสพวกเ้าชดใช้ความผิด นำเ้าหนุ่มนั่นกลับมาที่นี่ ข้า้าให้มันชดใช้สิ่งที่นิกายชิงิสูญเสียไปทั้งหมด!เ้าหมาที่น่ารังเกียจนั่นก็ด้วย"
ฉิงจื่อรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ในฐานะหนึ่งในนิกายใหญ่ในแคว้นเฉียน อย่างนิกายชิงิที่เกรียงไกรและเป็ที่เคารพนับถือ ไม่เคยเกิดเื่เช่นนี้มาก่อน วันนี้พวกมันได้รับความสูญเสียมากมาย และรากฐานของพวกมันเกือบจะสั่นคลอน หากพวกมันจับคนร้ายไม่ได้ ชื่อเสียงของนิกายชิงิต้องหมดสิ้น และพวกมันคงยากที่จะครองอำนาจต่อไปไว้ได้
"ได้"
หลิวหงกับชายแก่อีกสองคนที่คุกเข่าอยู่ยืนขึ้นในทันที นี่เป็โอกาสเดียวของพวกมันที่จะชดใช้ความผิด ไม่ว่ายังไง ต้องจับเ้าหนุ่มกับหมาให้ได้ และสับพวกมันทั้งคู่เป็ชิ้นๆเป็ทางเดียวที่จะบรรเทาความโกรธแค้นในใจได้
"เรียน ท่านผู้นำ ในตอนนี้หมูป่าหนามอัคคีเกลียดชังนิกายชิงิของพวกเราแล้ว และมันยังข่มขู่ไม่ให้เข้าไปยังหุบเขาสายหมอกอีก การสูญเสียครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ต่อไปบรรดาศิษย์จะไปหาประสบการณ์ที่ไหนกันดีขอรับ"
หลังจากที่ชายแก่ทั้งสามออกไปจากห้องโถง หนึ่งในผู้าุโก็ได้พูดออกมา
"ใช่แล้ว ท่านผู้นำ เราต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หากเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในหุบเขาสายหมอก นั่นเป็เพราะเหตุการณ์ในวันนี้ หมูป่าหนามอัคคียังแค้นใจและเห็นเราเป็ศัตรูอยู่เช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์ระดับต่ำจะสามารถเข้าไปยังหุบเขาสายหมอกได้อีกต่อไป"
"ฮึ่ม!ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเื่นั้น ข้าไม่ยอมให้ทรัพยากรในหุบเขาสายหมอกต้องเสียเปล่าเป็แน่! นอกจากนี้ นี่ยังเป็โอกาสดีที่จะได้หุบเขาสายหมอกโดยสมบูรณ์อีกด้วย!"
ฉิงจื่อแค่นเสียง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มแสยะขึ้น
"ท่านผู้นำนิกาย ท่านมีความคิดใดๆงั้นหรือ?"
ผู้าุโทั้งหมดต่างรู้สึกยินดียิ่ง
"ใช่ ในระหว่างการต่อสู้ หมูป่าหนามอัคคีได้ผลาญพลังชีวิตเพื่อแลกกับพลังมหาศาล หลังจากที่มันทำเช่นนั้นไม่นาน มันก็จะเข้าสู่ระยะอ่อนแอ ระหว่างนั้น หมูป่าหนามอัคคีที่ทรงพลังก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป มันไม่ใช่พยัคฆ์ที่ดุร้าย แต่เป็แกะเชื่องๆเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ข้าก็ได้รับาเ็สาหัสจากการต่อสู้ครั้งนั้นเช่นกัน ข้าจำต้องใช้เวลาพักฟื้นสองวัน ความแข็งแกร่งของข้าจึงจะกลับมา จากนั้นข้าจะไปยังหุบเขาสายหมอกและสังหารหมูป่าหนามอัคคีลงซะ ดวงจิตอสูรกับลูกของมันทั้งสองอย่างเป็สมบัติล้ำค่า หากข้าสามารถได้ทั้งสองอย่างมา ข้าจะสามารถทะลวงคอขวดที่ทำให้ข้าต้องใช้เวลากว่าสิบปีในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธได้"
ฉิงจื่อยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ วาดฝันเกี่ยวกับแผนการของตน
"วิเศษ นี่มันวิเศษจริงๆ นี่เป็โอกาสดีที่จะสังหารหมูป่าหนามอัคคี!หากท่านผู้นำนิกายสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธได้ ท่านก็จะเป็ผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธคนแรกในแคว้นเฉียน!เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะสามารถล้างบางนิกายอื่นทั้งหมดในแคว้นเฉียนลงได้และควบคุมพวกมันทั้งหมด หลังจากนั้นแคว้นเฉียนก็จะเหมือนกับแคว้นใหญ่แคว้นอื่น ได้รับความสนใจจากราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์"
"ถูกแล้ว แคว้นเฉียนเป็แคว้นระดับท้ายๆในทวีปตะวันออก จึงไม่มีผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธอยู่แม้แต่คนเดียว นั่นเป็เหตุว่าทำไมพวกเราถึงถูกปฏิเสธมาโดยตลอด เมื่อท่านผู้นำทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธ ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์จะต้องให้ความสนใจอย่างมากเป็แน่!"
หลังจากที่ได้ยินฉิงจื่อพูดว่ามีโอกาสที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธได้ ผู้าุโทั้งหมดรู้สึกปิติยินดีพร้อมกับความตื่นเต้นที่พรั่งพรูออกมา พวกมันได้วาดฝันอนาคตของนิกายชิงิภายในใจของพวกมัน
หากให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไปหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาสายหมอก และรอจนกระทั่งหมูป่าหนามอัคคีเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ พวกมันก็จะสามารถสังหารมันได้ และแม้แต่เจียงเฉินก็ไม่อาจหยุดพวกมันได้ หากเป็เช่นนั้น ความฝันของพวกมันทั้งหมดก็จะกลายเป็จริง
น่าเสียดายที่หมูป่าหนามอัคคีเพิ่งออกจากที่แห่งนี้ และตอนนี้ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปยังหุบเขาสายหมอก พวกมันจึงทำได้แค่เพียงรอผู้นำนิกายของมันฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกมันไม่รู้ก็คือใครบางคนคิดจะลงมือตัดหน้าก่อนพวกมัน
ในใจกลางหุบเขาสายหมอก หมูป่าหนามอัคคีได้วางไข่ทองคำอย่างระมัดระวังกลับเข้าไปในถ้ำ หลังจากนั้น มันก็ออกมานอนลงในสถานที่มันนอนหลับประจำ จากที่ดูมัน ใครก็สามารถบอกได้ว่ามันอ่อนล้ามากเพียงใด ดวงตาของมันมัวหมอง และเพียงไม่กี่อึดใจมันก็เข้าใส่สภาวะหลับลึก มันไม่ได้เอะใจว่าไม่ไกลจากมันมีคนกับหมาเร้นกายอยู่ใกล้ๆ
เจียงเฉินและหวงต้ายังคงนอนราบลงอยู่ในจุดเดิมในใจกลางของหุบเขา พวกเขาจ้องมองไปที่หมูป่าหนามอัคคีโดยไม่แม้แต่กระพริบตา ในตอนนี้ร่างกายของหมูป่าหนามอัคคียังคงปกคลุมไปด้วยแสงสีแดงโลหิต นั่นหมายความว่าเวลาที่มันอ่อนแออย่างแท้จริงยังคงมาไม่ถึง
เจียงเฉินมีความอดทนมากเป็พิเศษ เขาได้รอคอยมาแล้วหลายวัน และจึงไม่เป็อะไรที่เขาจะรอต่ออีกเล็กน้อย ตอนนี้พวกเขายังไม่มีทางที่จะโจมตีมันได้ สภาวะอ่อนแอยังมาไม่ถึง และหมูป่าหนามอัคคียังแข็งแกร่งกว่าพวกเขา หากพวกเขาลงมือตอนนี้ นั่นมันก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
"ข้าคาดว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงก่อนที่มันจะตกสู่สภาวะอ่อนแอ"
หวงต้าพูด
"ใช้แล้ว เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราจะลงมือและสังหารมันซะ"
เหตุผลที่เจียงเฉินมายังหุบเขาสายหมอกก็เพื่อการนี้ ด้วยความ 'ช่วยเหลือ' จากนิกายชิงิ เจียงเฉินจึงสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป แสงสีแดงโลหิตที่ปกคลุมร่างกายของหมูป่าหนามอัคคีได้หายไปโดยสมบูรณ์ แม้แต่สีทองบนร่างกายของมันก็ได้เลือนหายไป เจียงเฉินและหวงต้าสามารถบอกได้ว่าหมูป่าหนามอัคคีเหนื่อยอ่อนอย่างมาก และแก่นแท้พลังของมันอ่อนแอถึงขีดสุด
"หมูป่าหนามอัคคีเข้าสู่สภาวะอ่อนแอแล้ว!"
ดวงตาของหวงต้าส่องประกายขึ้นมา เพียงแค่หมูป่าหนามอัคคีเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ หมูป่าหนามอัคคีก็ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุด มันไม่สามารถใช้พลังได้มากกว่าหนึ่งส่วน มันอ่อนแอลงอย่างมาก ตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นก็สามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย
พลังปราณของเจียงเฉินพวยพุ่ง ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง และท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็จริงจัง มันอาจพูดอูฐผอมแห้งอย่างไรก็ใหญ่กว่าม้า ดังนั้นแม้หมูป่าหนามอัคคีจะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ ก็ไม่อาจประมาทได้
"หวงต้า เ้าพุ่งไปหาหมูป่าหนามอัคคีและโจมตีมันจากด้านหน้า ขณะที่ข้าจะลอบโจมตีมันจากด้านหลัง เราต้องลงมือเต็มกำลังสังหารมันเพียงครั้งเดียว และไม่เปิดโอกาสให้มันโต้ตอบได้ ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีความสามารถสุดยอดอื่นๆอยู่อีกหรือไม่"
เจียงเฉินหรี่ตาของเขาแล้วพูดออกมาชัดเจนทีละคำๆ เขามักวางแผนล่วงหน้าเสมอ ครอบคลุมฐานทั้งหมดก่อนที่จะลงมือ เขาไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้น แม้ว่าหมูป่าหนามอัคคีจะเข้าสู่สภาวะอ่อนแอ สัตว์อสูรอย่างมันยังคงมีความสามารถที่สั่นะเืฟ้าดินได้หากชีวิตตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้น เจียงเฉินจึงไม่้าให้หมูป่าหนามอัคคีมีโอกาสที่จะสู้กลับ เจียงเฉิน้าสังหารมันในครั้งเดียว
"ตกลง"
บนใบหน้าหวงต้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แสงสีทองเจิดจ้าปกคลุมร่างกายของมัน ทันใดนั้นมันได้พุ่งไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า อักขระลึกลับได้ปรากฏขึ้นบนหัวที่แข็งราวกับเพชรของมันก่อนที่จะกระแทกเข้ากับหัวของหมูป่าหนามอัคคี
พรึ่บ!
ทันใดนั้นหมูป่าหนามอัคคีที่นอนหลับได้ลืมตาของมันขึ้น มันรู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างยิ่ง มันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีภัยอันตรายอยู่ใกล้ตัวมัน
แต่น่าเสียดาย ความเร็วหวงต้ารวดเร็วมาก ราวกับสายฟ้าฟาด แม้หมูป่าหนามอัคคีจะรู้สึกตัวในเวลาคับขันเช่นนี้ แต่มันก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของหวงต้าได้
ปัง!
หัวของหวงต้ากระแทกเข้ากับหัวของหมูป่าหนามอัคคี เพราะว่ามันไม่ทันป้องกันตัว มิหนำซ้ำยังอยู่ในสภาวะอ่อนแอจึงไม่อาจต้านทานการกระพุ่งกระแทกที่ทรงพลังของหวงต้าได้
อย่างที่รู้กันว่า หัวของหวงต้าสามารถบดขยี้ยุทธภัณฑ์ระดับกลางได้
อี๊สสสส.......
ร่างกายอันใหญ่โตของหมูป่าหนามอัคคีกระเด็นไปด้านหลังเป็เส้นตรง ในเวลาเดียวกัน มันกรีดร้องอย่างหวาดผวาบนท้องฟ้า หัวที่ใหญ่โตของมันเป็หลุมเืขนาดใหญ่ที่ได้รับจากการโจมตีที่รุนแรงของหวงต้า เืและสมองของมันเผยออกมาจากหลุมนั่น มันเป็าแร้ายแรง
หัวของหวงต้าเป็อาวุธไร้เทียมทาน หากใช้มันลอบโจมตี มันจะร้ายแรงมาก
แม้ว่ามันจะาเ็สาหัส หมูป่าหนามอัคคียังคงไม่ตายในเร็วๆนี้ สายเืของมันแข็งแกร่ง แม้มันจะอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด และาเ็สาหัส แต่มันยังสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ สัตว์อสูรดุร้ายเช่นนี้น่ากลัวที่สุดในตอนที่มันดิ้นรนเพื่อการรอดชีวิตของมัน
อู๊ดดดด!!
หมูป่าหนามอัคคีเดือดดาลนัก มีราชันย์สัตว์อสูรกล้าบุกถึงถิ่นมันและลอบจู่โจมมัน นี่มันไม่อาจทนได้อีก มันรู้สึกถึงศักดิ์ศรีของมันกำลังถูกท้าทาย
หลังจากที่หมูป่าหนามอัคคีเตรียมโต้ตอบกลับ เสียงะเิก็ดังขึ้นเหนือหัวของมัน วินาทีต่อมา มันก็เห็นกรงเล็บัสีแดงโลหิตกดทับมันราวกับูเากดทับ
