แน่นอนว่าเวินลี่ไม่พอใจกับท่าทีของชวีเสี่ยวปอที่ไม่้าให้คนไปส่งเป็อย่างมาก แต่ความไม่พอใจนี้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะที่ชวีเสี่ยวปอยอมรับปากเธอว่าจะให้หาครูมาสอนพิเศษที่บ้าน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เวินลี่ปล่อยเื่เหล่านี้ไปชั่วคราว โดยเฉพาะหลังจากที่ชวีเสี่ยวปอบอกว่ามีเพื่อนในห้องไปกับเขาด้วย
“ใครเหรอ? ซือจวิ้นหรือเปล่า? ” เวินลี่ยัดกล่องนมที่ชวีเสี่ยวปอไม่ทันได้ดื่มในตอนเช้าลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุม พร้อมทั้งถามขึ้น
“ไม่ใช่ครับ” ชวีเสี่ยวปอพูดออกไปอย่างคลุมเครือ พลางดึงกระเป๋าหนังสือที่มีหนังสืออยู่ไม่ถึงสองเล่มขึ้นมาเล็กน้อย
“ถ้างั้นคือใครล่ะ? ” เวินลี่ถามซักไซ้จนถึงที่สุด “แม่จำได้ว่าซือจวิ้นกับลูกไม่ได้อยู่ทางเดียวนี่? ”
“ผมจะมีเพื่อนคนอื่นไม่ได้เลยหรือไงครับ? ” ในตอนที่ชวีเสี่ยวปอพูดคำว่าเพื่อนคำนี้ออกมาเขามักจะระมัดระวังไปโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยเจิงแล้ว เขาก็มักจะกลัวว่าจะหลุดปากพูดออกไปเป็คำว่าแฟน
“ถึงยังไงแม่ก็ยังไม่เคยเจอเลยนี่” เวินลี่ทำหน้ามุ่ยขึ้นมา แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อารมณ์เสียั้แ่ในยามเช้า หัวข้อสนทนาจึงหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ชวีเสี่ยวปอหยิบไม้ค้ำมาจากมือของเวินลี่มา แล้วเดินออกไปโดยพยุงตัวไว้กับไม้ค่ำอย่างไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่
เมื่อเดินออกไปไกลพอสมควรก็ยังคงได้ยินเสียงเวินลี่ะโขึ้นมาว่า : “ค่อยๆ เดิน !”
ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาเรื่อยๆ แล้ว
ชวีเสี่ยวปอเดินหอบหายใจเฮือกๆ จนมาถึงหน้าประตูหมู่บ้าน ในขณะนี้ท้องฟ้ายังคงเป็สีขาว ราวกับว่ามีหมอกหนาที่ยังไม่จางหายไปปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ชวีเสี่ยวปอก็มองเห็นเซี่ยเจิงที่ยืนรออยู่ตรงนั้นได้ในทันที
กับ...รถสามล้อของเขา?
ชวีเสี่ยวปอขยี้ตาเล็กน้อย ใช่แล้ว มันคือรถสามล้อจริงๆ
ชวีเสี่ยวปอยืนอยู่ที่เดิม พร้อมทั้งผิวปากออกไป
การชอบใครสักคนหนึ่งสามารถทำให้เขามีแสงเปล่งประกายในตัวเองขึ้นมาได้ ชวีเสี่ยวปอมองเซี่ยเจิงที่วางเท้าข้างหนึ่งยันไว้กับพื้น ส่วนอีกข้างหนึ่งก็เหยียบอยู่บนบันไดจักรยาน แม้ว่าเขาจะขี่เพียงแค่รถสามล้อ แต่ชวีเสี่ยวปอเหมือนกับว่าจะเห็นภาพเขากำลังขี่มอเตอร์ไซต์ฮาลีย์อะไรทำนองนั้นอยู่เลย
ในตอนนั้นเองเสียงผิวปากก็ทำให้เซี่ยเจิงที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่มองมาทางด้านนี้ ชวีเสี่ยวปอรีบรวบไม้ค้ำเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาส่งจูบให้เขา
เซี่ยเจิงตอบกลับมาในทันที จากนั้นจึงวิ่งเข้ามาหาเขา
“รอนานไหม? ” ทันทีที่เซี่ยเจิงวิ่งเข้ามา ชวีเสี่ยวปอก็เอาไม้ค้ำมาถือไว้อีกข้างหนึ่งโดยอัตโนมัติ ส่วนเซี่ยเจิงก็เข้ามาประคองแขนของเขาเอาไว้เช่นกัน
“ไม่นานมาก ประมาณสิบนาทีได้” เซี่ยเจิงมองไปยังขาข้างนั้นของชวีเสี่ยวปอที่ยังคงใส่เฝือกเอาไว้อยู่ด้วยความเป็ห่วง “เหนื่อยหรือเปล่า? ฉันให้ขี่หลังไหม? ”
“ไม่เหนื่อยเลย เดินออกมาแค่ห้าร้อยเมตรเอง” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะอย่างมีความสุข “นายไปเอารถสามล้อนี้มาจากไหนเนี่ย? ”
“ของป้าหลี่น่ะ”
“ฉันเดาว่าเป็ของบ้านป้าหลี่”
ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“เดาถูกจริงๆ ด้วย” ชวีเสี่ยวปอเอ่ยขึ้นอย่างโอ้อวด “นายคิดยังไงเนี่ย! ขี่อันนี้มา” ทั้งสองพูดคุยกันพลางเดินไปด้วย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ชวีเสี่ยวปอจึงเห็นว่าด้านหลังของรถสามล้อยังมีเบาะนั่งขนาดเล็ก อีกทั้งบนนั้นยังปูด้วยเบาะรองนั่งกลมอันแสนนุ่มเอาไว้ด้วยหนึ่งอัน
“รถสามล้อคนนี้เป็คันที่บ้านป้าหลี่เอาไว้ใช้ขนถ่าน่หน้าหนาว” เซี่ยเจิงพูดขึ้น “ตอนนั่งนายก็ระวังหน่อยนะ ฉันถูไปแล้วรอบหนึ่งแต่ก็ยังไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่เลย ระวังอย่าให้เลอะตัวล่ะ”
“ไม่เป็ไร !” ชวีเสี่ยวปอเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจ พร้อมทั้งจับมือของเซี่ยเจิงเอาไว้เตรียมจะขึ้นรถ แต่รถค่อนข้างสูง อีกทั้งขาข้างเดียวก็ไม่มีแรงพอที่จะพยุงตัวขึ้นไปได้ “ช่วยฉัน...”
ตอนแรกชวีเสี่ยวปอตั้งใจจะให้เซี่ยเจิงช่วยประคองเขาขึ้นไป แต่เซี่ยเจิงกลับโน้มตัวลงไปทั้งอย่างนั้น ประโยคที่สองยังไม่ทันจะพูดจบก็อุ้มชวีเสี่ยวปอขึ้นมาทันที
“ให้ตายเถอะ” ความรู้สึกที่ลอยขึ้นมากลางอากาศอย่างกะทันหันทำให้ชวีเสี่ยวปอตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่เซี่ยเจิงก็อุ้มได้มั่นคงมาก เพราะชวีเสี่ยวปอรู้สึกได้ถึงกำลังแขนที่กอดด้านหลังเอวของเขาเอาไว้อย่างแน่น ถึงอย่างไรตัวเขาก็สูงตั้งหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเิเ เมื่อถูกเซี่ยเจิงอุ้มเอาไว้ในอ้อมกอดเช่นนี้ ชวีเสี่ยวปอกลับรู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างประหลาด
“นายประคองฉันก็พอ” ชวีเสี่ยวปอบ่นพึมพำ ทั้งยังเขย่าขาข้างที่ยังขยับได้อยู่อย่างเขินอาย
“ไม่ใช่ว่าไม่สะดวกหรอกเหรอ” เซี่ยเจิงพูดขึ้นพลางวางชวีเสี่ยวปอลงบนเบาะที่นั่งอย่างระมัดระวัง เมื่อชวีเสี่ยวปอทรงตัวนั่งลงมาได้แล้ว ในตอนนั้นเขาถึงถอนหายใจออกมา
“เห็นนายทำแบบนี้ จริงๆ แล้วฉัน” ชวีเสี่ยวปอถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันไม่อยากให้ขาหายเร็วๆ เลย”
เซี่ยเจิงทำเสียงจิ๊ปาก “พูดอะไรเนี่ย”
“จริงๆ นะ” ชวีเสี่ยวปอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรพูดอะไร แล้วจึงยื่นนิ้วมือออกไปกวักเรียกเซี่ยเจิง “มาจุ๊บที”
ก่อนที่เซี่ยเจิงขยับเข้าไปเขาหันมองซ้ายขวาไปรอบหนึ่ง หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีคนก็จุ๊บลงไปบนแก้มของชวีเสี่ยวปออย่างรวดเร็วหนึ่งที
“นั่งดีๆ นะ !” เซี่ยเจิงที่อยู่ด้านหน้าะโขึ้นมา
“ได้เลย !” ชวีเสี่ยวปอะโออกไปเลียนแบบเขา
รถสามล้อคันเล็กนี้ดีมาก
แต่ปัญหาเดียวของมันก็คือหนาวไปหน่อย บวกกับความเร็วที่ไม่เร็วเท่ากับรถจักรยาน เมื่อขี่ออกจากถนนเส้นนั้นมา เซี่ยเจิงจึงถามขึ้นว่า : “ตอนนี้นายกำลังเสียใจอยู่ใช่ไหม? ”
“ฮะ? เสียใจอะไร? ” ชวีเสี่ยวปอพิงไปบนแผ่นหลังของเซี่ยเจิง “ทำไมพูดแบบนั้นน่ะคุณแฟน”
“ถ้าให้คนขับรถไปส่งก็คงจะไม่หนาวขนาดนี้” เซี่ยเจิงออกแรงถีบพลางอธิบายขึ้น
“ฉันไม่หนาว” ชวีเสี่ยวปอเอียงศีรษะใช้แก้มถูไปบนแผ่นหลังของเขา และอดไม่ได้ที่จะร้องเพลงออกมาว่า : “ความกระตือรือร้นของฉัน! ฮ่า! เป็เหมือนดั่งไฟ! ”
“เสียงฆ้องน้อยของนายแบบนี้นี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ” เซี่ยเจิงหัวเราะ
“ทำไมฮะ! ตอนเด็กฉันอยู่ในกลุ่มร้องประสานเสียงเลยนะ ก็แค่หลังจากที่เสียงเปลี่ยนต้องใช้ความพยายามขึ้นหน่อยเอง” ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอก็คิดบางอย่างขึ้นมา “นี่ เซี่ยเจิง นายรู้สึกไหมว่าถ้าตอนนี้พวกเราเอาโทรโข่งอันใหญ่มาติดไว้ก็จะเหมือนคนรับซื้อของเก่าโดยสมบูรณ์แบบเลย”
“รับซื้อของเก่าคนไหนกันจะเอาแฟนตัวเองไว้ในรถกัน? ” เซี่ยเจิงหัวเราะจนแม้แต่แฮนด์ของจักรยานก็ส่ายไปส่ายมาแล้ว ความคิดต่างของชวีเสี่ยวปอนี่ช่างเหนือกว่าคนปกติทั่วไปจริงๆ “ฉันไปเก็บนายมาจากไหนล่ะ !”
“ที่ไหนก็ได้” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะหึๆ ขึ้นมา “ก็แค่รู้สึกเหมือนว่า...แค่ได้อยู่กับนาย การเก็บของเก่าก็มีความสุขแล้ว”
ประโยคสุดท้าย ชวีเสี่ยวปอพูดออกมาจากใจจริง
หมอกบางในยามเช้าค่อยๆ จางหายไป ตลาดเช้าข้างทางก็เริ่มมีคนมาตั้งแผงขายของแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนเซี่ยเจิงก็กำลังบรรทุกเขาไปบนถนนสายที่ชวีเสี่ยวปอเคยมานับครั้งไม่ถ้วน ผ่านโขมงควันไฟที่ลอยขึ้นมาเป็ชั้นหนา ทั้งยังสร้างความทรงจำใหม่ของเมืองเมืองนี้ให้กับชวีเสี่ยวปอ
ในตอนที่ใกล้จะถึงโรงเรียน ทั้งสองคนเจอกับซือจวิ้นที่กำลังยืนซื้อเครปจีนอยู่ข้างทาง
“ให้ตายเถอะ เป็นายสองคนจริงๆ เหรอเนี่ย? ” ซือจวิ้นรับเครปจีนมาจากเ้าของร้านแล้วกัดลงไปคำใหญ่ พร้อมทั้งพูดอย่างไม่ชัดออกมาว่า : “ฉันนึกว่าฉันดูผิด !” หลังจากพูดจบเขาก็เดินวนรถสามล้อไปรอบหนึ่ง ก่อนที่จะหัวเราะพลางพูดขึ้นว่า : “นายสองคนใครเป็คนคิดวิธีนี้เนี่ย ใช้ได้เลย !”
“ทำไมนายถึงพูดมากขนาดนี้ฮะ” ชวีเสี่ยวปอยื่นแขนไปทางซือจวิ้น ซือจวิ้นเองก็ยื่นมือออกไปรับ ชวีเสี่ยวปอจึงค่อยๆ ขยับลงมา
“จิ๊” ซือจวิ้นมองชวีเสี่ยวปอ จากนั้นจึงหันไปมองเซี่ยเจิง “นายจะบรรทุกเขาอย่างนี้สองเดือนเลย? ”
“อืม” เซี่ยเจิงตอบกลับมาอย่างมั่นใจ “มีอะไรไหม? ”
“เปล่า” ซือจวิ้นรีบส่ายหน้า “ฉันจะไปมีปัญหาอะไรได้ !”
“นายสองคนเขาไปกันก่อนเลย” เซี่ยเจิงเงยคางขึ้นเพื่อบอกชวีเสี่ยวปอ “รถสามล้อโรงเรียนน่าจะไม่ให้เอาเข้า เดี๋ยวฉันหาที่จอดก่อน”
หลังจากเซี่ยเจิงพูดจบเขาก็ขี่รถสามล้อออกไปอีกด้านหนึ่ง ชวีเสี่ยวปอยังคงยืนมองแผ่นหลังของเซี่ยเจิงอยู่ตรงที่เดิมครู่หนึ่ง จนกระทั่งซือจวิ้นเข้ามาเขย่าแขนของเขา :
“ปอเอ๋อร์ ฉันใกล้จะกินเครปหมดแล้ว พวกเราสองคนไปกันเถอะ? ”