เมื่อถังเหล่ยมาถึงลานประลอง ก็มีผู้คนรออยู่มากมายเต็มไปหมด
เมื่อวานยังมีที่ว่างพอให้คนสามารถยกเก้าอี้มานั่งได้ แต่วันนี้แม้แต่ที่จะวางเก้าอี้สักตัวยังไม่มี นอกจากบริเวณที่สงวนไว้ให้ตระกูลใหญ่แล้ว ที่ว่างอื่นๆ ล้วนอัดแน่นไปหมด
ดูท่าการประลองเมื่อวานจะดุเดือดเกินไป สำหรับผู้ชมเหล่านี้ พวกเขาไม่สนใจว่าใครจะอยู่ใครจะตาย ขอเพียงมีจุดที่ทำให้น่าดูมากก็พอแล้ว
คนจากสี่ตระกูลใหญ่ล้วนมากันพร้อม ถังเหล่ยหันมองตงฟางอวิ๋นชิง
ตงฟางป้าเทียนก็จ้องมาทางถังเหล่ยด้วยสายตาดุร้าย เขาไม่ได้เก็บซ่อนจิตสังหารในดวงตาแม้แต่น้อย
เยว่มู่จือกับเยียนหลิงซานปรากฏตัวกลางลานประลอง เหมือนรอยเืของเมื่อวานจะถูกเช็ดจนสะอาดแล้ว
“ประชาชนเมืองอวิ๋นหลิวทุกท่าน การประลองเมื่อวานยอดเยี่ยมใช่หรือไม่?”
หลังสิ้นเสียงพูดของเยียนหลิงซาน ผู้ชมรอบด้านล้วนตอบสนองอย่างคึกคัก ในลานประลองล้วนเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องยินดี ถังเหล่ยรู้สึกเหมือนว่าหูของเขาใกล้จะแตกแล้ว
เยียนหลิงซานโบกมือลงต่ำ ส่งสัญญาณให้ผู้คนเบาเสียงลง
“วันนี้คืองานแข่งขันหวู่เต้าอย่างเป็ทางการ ศิษย์จากตระกูลใหญ่แห่งเมืองอวิ๋นหลิวและผู้ชนะสองคนเมื่อวานจะแข่งขันกันชิงอันดับหนึ่ง ดังนั้นข้ากับเ้าเมืองเยว่ตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงกฎของการแข่งขันอีกครั้ง การประลองครั้งนี้จะใช้การต่อสู้แบบกลุ่มเหมือนเมื่อวาน และคนสุดท้ายที่เหลืออยู่บนลานประลองจะได้อันดับหนึ่งไป!”
คำพูดของเยียนหลิงซานกระตุ้นเสียงผู้คนอีกครั้ง เมื่อเทียบกับการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว ระดับการนองเืของการต่อสู้แบบกลุ่มได้รับความนิยมมากกว่าอย่างชัดเจน การทำเช่นนี้มีแต่ทำให้ผู้ชมพอใจ
“อะไรนะ!?”
ถังจงเวยกำหมัดแน่น คิดไม่ถึงว่าเยียนหลิงซานผู้นี้จะกล้าทำถึงขนาดนี้ ในเมื่อเื้ัตระกูลตงฟางมีเฮยฉานฉู่คอยชักใยอยู่ เช่นนั้นศิษย์ตระกูลถังจะโดนรุมโจมตี!
ตระกูลหวังกับตระกูลซินก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น ศิษย์ในตระกูลต่างรู้สึกใ เมื่อวานพวกเขาได้เห็นภาพการต่อสู้แบบกลุ่มเองกับตา ไม่มีใครอยากตายบนลานประลอง โดยเฉพาะศิษย์ยอดฝีมือในตระกูล
“ท่านทูตเยียน ท่านอย่าทำเกินไปนัก กฎการแข่งขันหวู่เต้าจักรวรรดิเป็ผู้ตั้ง ถึงแม้ท่านจะเป็ทูตของจักรวรรดิ แต่ไม่อาจเปลี่ยนกฎได้ตามใจชอบเช่นนี้”
เยว่มู่จือทนดูต่อไปไม่ไหว
“เหมือนว่าเ้าเมืองเยว่จะไม่เห็นด้วยกับข้าแซ่เยียนนะ ข้าคือทูตจากจักรวรรดิ ได้รับคำสั่งจากจักรวรรดิให้จัดการแข่งขันหวู่เต้านี้ขึ้น แต่ท่านกลับขัดขวางข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ทราบว่าท่าน้าอะไรกันแน่!?”
เยียนหลิงซานกล่าวด้วยใบหน้าเ็า
“นี่ท่าน...!”
เยว่มู่จือคิดไม่ถึงว่าเยียนหลิงซานจะกล้าตำหนิเขาเช่นนี้ เสียดายที่พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขามาก ถึงแม้อีกฝ่ายจะป่าเถื่อนไร้เหตุผลแค่ไหน เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เยียนหลิงซานไม่รอให้เยว่มู่จือพูดอีกครั้ง เขาก็เอามือจับที่ไหล่ของเยว่มู่จือ แล้วก็ะโขึ้นไปบนแท่นสูงทันที
ถึงเยว่มู่จือจะโมโห แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป เพราะหลังจากโดนเยียนหลิงซานจับไหล่แล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองไม่อาจโคจรพลังิญญายุทธ์ได้ เหมือนถูกอะไรบางอย่างผนึกเอาไว้
“เ้าเมืองเยว่รอดูเื่สนุกอยู่เฉยๆ เถอะ”
เยียนหลิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ หากไม่กังวลเื่สถานะเ้าเมืองของเยว่มู่จือ เขาคงทำลายิญญายุทธ์ของเยว่มู่จือในกระบวนท่าเดียวไปแล้ว
“ศิษย์จากตระกูลต่างๆ ขึ้นลานประลองได้!”
เมื่อเสียงนั้นจบลง ศิษย์สามคนของตระกูลตงฟางก้าวขึ้นลานประลองโดยมีผู้นำเป็ตงฟางอวิ๋นชิง
จากนั้นชายหนุ่มชุดดำสองคนที่ปรากฏตัวเมื่อวานก็ะโขึ้นเวทีเช่นกัน พวกเขาจดจ้องไปทางตระกูลถัง
“เหล่ยเอ๋อร์ ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ต้องขึ้นไป”
ถังจงเวยกล่าวกับถังเหล่ยที่อยู่ด้านข้าง สถานการณ์ตอนนี้อันตรายกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มาก ภายใต้การรุมโจมตีของตระกูลตงฟางกับศิษย์ของเฮยฉานฉู่ เกรงว่าศิษย์ตระกูลถังจะรับมือไม่ไหว
ต่อให้ตอนนี้ถังเหล่ยจะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโ แต่สองมือยากจะต่อกรกับศัตรูหลายมือ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความพ่ายแพ้
ศิษย์ตระกูลถังสองคนก็รู้สึกกลัว อันตรายของการต่อสู้แบบกลุ่มนั้นสูงเกินไป พลังของพวกเขาทั้งสองเป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่เก้า การต่อสู้ตะลุมบอนคราวนี้ แค่จะปกป้องตัวเองยังดูเป็ไปไม่ได้เลย
“วางใจเถอะท่านปู่ กับแค่จัดการกับพวกปลาซิวปลาสร้อย เหล่ยเอ๋อร์มั่นใจอยู่แล้ว ในเมื่อถังอวิ๋นกับถังซิ่นไม่อยากไป เช่นนั้นก็ให้ข้าขึ้นลานประลองไปคนเดียวเถอะ จะได้ไม่มีใครมาเป็ตัวถ่วง!”
เมื่อถังเหล่ยเห็นสีหน้าท่าทางของศิษย์อีกสองคนก็รู้แล้วว่าพวกเขาหวาดกลัว
“ถังเหล่ยเ้าพูดอะไรน่ะ? พวกเราในฐานะที่เป็ศิษย์ตระกูลถัง จะยอมถอยได้อย่างไร!?”
ถังซิ่นกล่าวไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ไปก็ไป ศิษย์ตระกูลถังไม่เคยกลัวใคร!”
ถังอวิ๋นก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน เขาะโไปบนลานประลอง จากนั้นถังซิ่นก็ะโตามขึ้นไปด้วย
“เพิ่งเริ่มก็ใจนหน้าเสียแล้วหรือ อีกเดี๋ยวอย่าใจนฉี่ราดละ!”
ถังเหล่ยส่ายหน้าอย่างจนปัญญา การสู้วัดความเป็ความตายหาใช่เพียงแค่ความห้าวหาญ หากไร้พลังไปแค่ชั่วครู่ ก็ไม่ต่างจากตายไปแล้ว
หลังจากถังเหล่ยกินยาเสริมเกราะที่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แล้ว เขาก็พุ่งตัวขึ้นไปอยู่ด้านหน้าถังอวิ๋นกับถังซิ่นสองคน เขากำลังประจันหน้ากับตงฟางอวิ๋นชิง
ศิษย์ตระกูลหวังกับตระกูลซินก็ะโตามขึ้นมา เื่มาถึงตรงนี้แล้ว การถอยมีแต่จะทำให้ตระกูลของตัวเองเสียหน้า ถึงแม้จะไม่อยากเพียงใด แต่ยังไงพวกเขาก็ต้องสู้เพื่อหน้าตาของตระกูล
“อาจารย์ ถังเหล่ยจะเป็อันตรายหรือไม่? ศิษย์ที่เป็ผู้นำของตระกูลตงฟางดูไม่อ่อนแอเลย เกรงว่าอย่างน้อยก็เป็ถึงระดับผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่สอง!”
หลินเนี่ยนกับอวิ๋นเมิ่งแอบจับตามองสถานการณ์
การต่อสู้แบบกลุ่มเป็ผลร้ายกับตระกูลถัง เพราะอาจต้องเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีจากตระกูลตงฟางและศิษย์ของเฮยฉานฉู่
“เ้ากำลังกังวลแทนถังเหล่ยหรือ? ไม่ใช่ว่าเ้าเบื่อเขามากหรือ? เมื่อคืนยังบอกว่าจะไปสั่งสอนเขาอยู่เลย”
อวิ๋นเมิ่งกล่าวหยอกล้อ
“ใครกังวลเื่เขากัน!? ข้าเพียงแค่ถามดูเท่านั้น เขาเป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ข้าไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอก!”
ปากพูดเช่นนี้ แต่สายตาของหลินเนี่ยนกลับจดจ้องถังเหล่ยอยู่ตลอด
‘ใช่แล้ว ถังเหล่ยยังเป็แค่ระดับผู้ฝึกยุทธ์ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูมากมายเช่นนี้ คงหนีอันตรายไม่พ้น!’
หลินเนี่ยนพูดในใจ
“ถ้าในสถานการณ์ปกติ ถังเหล่ยแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลย”
อวิ๋นเมิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ใช่ว่านางดูถูกถังเหล่ย แต่จำนวนของอีกฝ่ายเยอะเกินไป อีกทั้งศิษย์ของเฮยฉานฉู่ล้วนเป็คนที่ปีนขึ้นมาจากกองซากศพ ผ่านการเข่นฆ่าคนมานับครั้งไม่ถ้วน เป็แค่ถังเหล่ยศิษย์จากตระกูลเล็กๆ เช่นนั้นจะต่อกรได้หรือ?
“อ้าว!”
หลินเนี่ยนใคิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะกล่าวเช่นนี้ อวิ๋นเมิ่งไม่รอหลินเนี่ยนเอ่ยตอบ นางก็กล่าวต่อว่า
“แต่ว่า ถังเหล่ยคนนี้ก็ไม่ธรรมดา บางทีเราอาจจะรู้สาเหตุที่เฮยฉานฉู่เล่นงานตระกูลถังจากถังเหล่ยก็ได้ อีกทั้งข้ารู้สึกว่าเขามีความสงบนิ่งที่ไม่ใช่ว่าอายุเท่านี้จะมีได้ เขามีความลับอะไรหรือไม่ อีกเดี๋ยวก็จะได้เห็นเอง เมื่อเราเผชิญหน้ากับความตาย เมื่อนั้นจะแสดงพลังแฝงออกมาได้สูงที่สุด!”
น้ำเสียงของอวิ๋นเมิ่งที่เปลี่ยนไปทำให้หลินเนี่ยนผงะ
นางััอะไรไม่ได้เลย
ถังเหล่ยไม่ธรรมดาหรือ?
นอกจากแสงสีทองกับเงาสัตว์ั์ที่ออกมาจากร่างของถังเหล่ยเมื่อคืน นางไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย
“ถ้าถังเหล่ยเผชิญหน้ากับอันตราย อาจารย์จะไปช่วยเขาหรือไม่?”
“ไม่”
“แล้วข้าไปช่วยเขาได้ไหม?”
“ไม่ได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้