“นี่ย่ากับป้าช่อออกไปไหน ไม่อยู่ในวังหรอ?” คามินเดินลงมาจากห้องของตัวเองแล้วหันไปถามต้นอ้อที่ยืนอยู่คนเดียวตรงกลางห้องโถง
“ย่ารดาให้ป้าช่อพาออกไปนั่งเล่นที่สวนหลังวังค่ะคุณคามิน” เสียงใสของสาววัยยี่สิบสี่เอ่ยตอบชายหนุ่ม
“อ่อ”
“คุณคามินรับน้ำหรือขนมทานเล่นไหมคะ เดี๋ยวต้นอ้อไปเสิร์ฟให้ที่สวนด้านหลัง” เธอเอ่ยถามขึ้นมาเพราะเห็นเ้าชายกำลังจะเดินไปทางด้านหลังของวัง
“ไม่เป็ไร ขอบใจ”
เขาหันกลับไปตอบหลานของป้าช่อแล้วหมุนตัวกลับเดินตรงไปที่สวนดอกไม้ ขายาวก้าวเดินมาแบบเงียบๆ เพราะเห็นย่าของตนกำลังนั่งชมดอกไม้อย่างสบายอารมณ์ มือหนายกมือบอกเป็การส่งซิกให้ป้าช่อออกไปก่อนซึ่งเธอก็พยักหน้าเข้าใจแล้วค่อยๆ เดินเลี่ยงไปแบบเงียบๆ เช่นกัน
“ชอบขนาดนั้นเลยหรอครับ”
“อ้าว! คามิน มาั้แ่เมื่อไหร่ลูก” หญิงชราที่นั่งอยู่บนวีลแชร์สะดุ้งเล็กน้อยเพราะอยู่ดีๆ หลานชายของตนก็โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“ผมเพิ่งมาเมื่อกี้เอง แต่เห็นย่ากำลังยิ้มกับดอกไม้เลยไม่กล้าทัก”
“5555 นี่ย่ายิ้มกับดอกไม้ด้วยหรอเนี่ย”
“ครับ ผมถึงได้ถามไงว่าชอบขนาดนั้นเลยหรอ”
“อืม…ก็มันสวยดี เห็นแต่ละต้นแต่ละดอกค่อยๆ เติบโตแล้วก็ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วสวน มันชื่นใจ”
“ย่าให้คนมาปลูกไว้หรอ” เขาย่อตัวลงนั่งข้างๆ ย่าของตนพร้อมกับมองไปรอบๆ สวนที่มีดอกไม้นานาพันธุ์ปกคลุมจนทั่ว
“ส่วนใหญ่ย่ากับป้าช่อจะปลูกกันเอง อ้อ หนูไมอาด้วยเพราะรายนั้นก็ชอบดอกไม้…”
“…” ทำไม่นี้เขาถึงได้ยินชื่อเ้าของร้านกาแฟนั่นบ่อยจังล่ะ
“…เห็นต้นพุดซ้อนตรงนั้นไหม” นิ้วชี้เหี่ยวย่นยื่นออกไปตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มหันหน้ามองตาม ั์ตาคมเห็นต้นดอกพุดซ้อนพุ่มใหญ่ออกดอกเต็มต้นจนมองแทบไม่เห็นใบของมัน
“ครับ”
“ต้นนั้นไมอาเป็คนปลูก ดูสิ โตมาแข็งแรงออกดอกสวยงาม แถมยังส่งกลิ่นหอมหวานและให้ความรู้สึกผ่อนคลายในเวลาเดียว…เหมือนกับคนปลูกไม่มีผิด”
“…”
“…แล้วก็ต้นมะลิกับกุหลาบดอกตูมตรงนู้น ยัยหนูไมอาก็เป็คนปลูกไว้ เจริญงอกงามจริงๆ” หญิงผมขาวนั่งชมเชยเด็กสาวที่ตนเองรับอุปถัมภ์มาไม่ขาดปาก
“…” ซึ่งเขาก็ฟังเงียบๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร แต่ถ้าเป็ตามที่ย่าบอก ดอกไม้ที่เห็นเกินครึ่งสวนคือฝีมือของไมอาเป็คนปลูกไว้ทั้งนั้น
“ไหน มาหาย่าถึงในนี้มีเื่อะไรจะคุยล่ะสิ” คนสูงวัยรู้ถึงเจตนาของหลานชายตัวเอง
“ชอบรู้ทันผมจริงๆ” ใบหน้าหล่อถึงกับส่ายหัวที่โดนย่าของตนอ่านเกมได้ตลอด
“หึ หนุ่มน้อยของย่า”
“โตแล้ว ไม่น้อยแล้วครับ” เขารีบพูดแย้งทันควัน
“5555 เข้าเื่เลยหนุ่มน้อย” ผู้เป็ย่าหัวเราะแล้วพูดย้ำออกมาอีกทำให้ตาคมแอบมองค้อนย่าตัวเองเบาๆ
“ไหนใครบอกผมว่าถ้ากลับมาไทยแล้วจะเล่าความฝันนั่นให้ฟัง” คามินทวงถามถึงสิ่งที่ย่าบอกกับตัวเองไว้ตอนที่โทรคุยกัน
“อ๋อ ย่าก็นึกว่าเื่อะไร…คืนนั้นย่าฝันว่าเราประสบอุบัติเหตุน่ะ…”
มือเหี่ยวย่นของหญิงชรายกขึ้นมาประคองใบหน้าหลานชายของตนเองทันทีด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“ย่าไม่เห็นว่ามันคือที่ไหนหรือตรงไหน แต่คามินดูจะเจ็บหนัก…มีเืเต็มหน้าหล่อๆ นี่ไปหมด” เสียงของย่ารดาเริ่มสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเห็นในฝันครั้งนั้น
“ไม่ต้องเป็ห่วงนะครับ มันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นกับผมสักหน่อย ย่าไม่ต้องคิดมากนะ”
“ย่ากลัวว่ามันจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแข็งแรงขนาดนี้ ตัวก็ใหญ่ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับผมหรอก” ชายหนุ่มยกแขนล่ำของตัวเองขึ้นมาโชว์แล้วฉีกยิ้มกว้างส่งให้ย่าของเขา
“จริงจังหน่อยสิคามิน ยังทำตลกอยู่ได้” เสียงของย่ารดาเอ็ดหลานของตนที่เอาแต่ทำเป็เล่น
“ครับ…จะดูแลตัวเองดีๆ แล้วก็ไม่ไว้ใจใครมากเกินไป” เสียงทุ้มย้ำในสิ่งที่พ่อแม่และย่าของเขาสั่งสอนเขามาั้แ่เด็กๆ
มือหนาพลิกมากุมมือของหญิงสูงวัยตรงหน้าไว้แทนแล้วลูบเบาๆ เพราะเขาไม่้าให้ย่าของตนเก็บเื่พวกนี้ไปกังวล ทุกครั้งที่ย่าของเขาฝันไม่ดีว่าเขาจะได้รับาเ็ตรงนั้นตรงนี้ย่าก็จะโทรมาหาเพื่อเล่าให้ฟัง มันเป็แบบนี้มาเกินสิบปีแล้วแต่เขาก็ทำได้แค่ปลอบใจให้หญิงสูงวัยคลายกังวลแล้วก็ต้องโกหกคำโตออกไปว่ามันไม่มีอะไร เพราะจริงๆ แล้วทุกๆ ครั้งที่ย่าของเขาโทรมาเื่ความฝัน ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นหมดกับตัวเขา ไม่ว่าจะอุบัติเหตุเล็กหรือใหญ่แต่มันก็จะเป็ไปตามนั้น…
หญิงชราก้มหน้ามองมือของหลานชายตนเองแล้วใช้นิ้วโป้งเกลี่ยที่รอยแผลเป็รูปจันทร์เสี้ยวบนหลังมือข้างขวาของหลานชายทำให้ชายหนุ่มลุบตามองตาม
“แผลเป็นี่อยู่กับเรามา 21ปี แล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“…ทำไมย่ารู้สึกเหมือนเคยเห็นมันที่อื่นอีกนะ” ระหว่างคิ้วย่นเข้าหากันเพราะมีความฉงนเกิดขึ้นภายในใจของผู้เป็ย่า
คามินมองรอยแผลเป็บนหลังมือของตนเองเงียบๆ ั้แ่อุบัติเหตุครั้งนั้นที่พ่อแม่ของเขาจากไปแบบไม่มีวันกลับ ท่านทั้งสองก็ฝากไว้เพียงรอยแผลเป็นี้นี่แหละที่คอยย้ำเตือนว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นจริงและอยู่กับตัวเขามาจนถึงตอนนี้…