หลิวหยุน เห็นดังนั้นรีบทำตามทันที มีไฟออกมาจากนิ้วของเขา สร้างความแปลกใจให้กับเขาอย่างมาก“ มันเป็ไปได้ยังไงที่พลังสามารถถูกส่งออกเป็ไฟได้ ต้องเก็บเื่นี้เป็ความลับ”
“ ใช่แล้วเราต้องเก็บเื่นี้เป็ความลับท่านก็หายป่วยแล้วพรุ่งนี้ข้าก็หมดเวลาพักสามวันต้องกลับไปทำงาน”
“ นี่ข้าเจ็บหนักเป็ตายเท่ากันกลับหายป่วยภายในเวลาไม่ถึงสามวันอย่างนั้นรึโอ้! ข้าเจอกับอะไรเข้า มันช่างพิเศษเหลือเชื่อเสียจริง”
“ ถ้าออกจากที่นี่ไปแล้วท่านมีเวลาก็แวะมานั่งโคจรพลังในนี้เพื่อเพิ่มพลัง”
“ ถ้าท่านกลับออกไปที่ค่ายตอนนี้ผู้เดียวจะอันตรายหรือไม่ กลัวจะมีศัตรูเฝ้าอยู่เพราะเพิ่งผ่านมาแค่สามวันเองและพวกเขายังไม่เจอศพท่าน”
“ แล้วจะทำยังไงดี ข้ากลัวพวกเ้าจะเดือดร้อนไปด้วยถ้าพวกนั้นบุกมาที่นี่ กำลังจากค่ายใหญ่คงมาช่วยไม่ทัน และตอนนี้ท่านพ่ออาจจะนำกำลังทหารออกค้นหาตัวข้าอยู่ก็ได้ กลัวจะไปทางอื่น”
“ ข้าปล่อยม้าของท่านให้เดินกลับค่ายไปแล้ว ถ้าจะเดินทางต้องเข้าไปในค่ายเล็กก่อนเพื่อขอใช้ม้า”
“ เอาแบบนี้ข้าจะไปส่งท่านที่ค่ายใหญ่ แต่ข้าต้องไปหาชุดผู้ชายมาใส่ก่อนเพราะถ้าเข้าค่ายไปในชุดผู้หญิงท่านจะ เสื่อมเสียที่พาผู้หญิงเข้าค่าย”
“ งั้นท่านรออยู่ที่นี่ข้าจะเป็คนไปเอาม้ามาที่นี่ ท่านพอมีสัญลักษณ์อะไรที่เป็ตัวแทนได้ไหมที่จะสามารถขอม้ามาได้”
“ เ้าใช้สิ่งนี่หยกนี้มีแต่ราชวงศ์และแม่ทัพเท่านั้นที่ใช้”หลิวหยุนยืน หยกที่เขาแขวนติดกับเอวตลอดให้ซูเจิน ให้ไปแสดงตัวขอม้า
ซูเจินนำหยกไปให้นายกองผู้คุม“ ที่ข้าพูดเป็เื่จริงและขอชุดทหารผู้ชาย ที่ตัวไม่สูงมากสูงกว่าข้าไปนิดเดียว สองชุดและชุดใหญ่ขนาดท่านอีกสองชุดม้าสองตัวเื่นี้ต้องเก็บเป็ความลับนะ”
“ ท่านก็รู้ว่าแม่ทัพน้อยถูกปองร้ายอยู่ โชคดีที่ข้าไปพบท่านและเอาหยกมาให้ท่านดูเพื่อ้าเสื้อผ้ากับม้าสองตัว”
“ได้ๆข้า จัดการให้เดี๋ยวนี้ ขอแค่ท่านแม่ทัพน้อยมีชีวิตอยู่ก็พอแล้วแม่ทัพใหญ่กลุ้มใจมาหลายวันแล้วไม่มีข่าวและวี่แวว ถ้ารู้ว่าแม่ทัพน้อยยังมีชีวิตอยู่คงจะดีใจ”
“ ท่านไม่ต้องตามข้าไปแม่ทัพน้อย ้าให้ปิดเป็ความลับ ถ้ารู้หลายคนพวกศัตรูก็จะรู้ด้วยข้าเป็ผู้หญิง ไม่ค่อยมีใครสงสัยหรอกข้าไปก่อนละ”
ซูเจินแวะเปลี่ยนชุดเป็ผู้ชาย เก็บอีกชุดหนึ่งไว้ในถุงมิติ ขึ้นขี่ม้าและจูงอีกตัวหนึ่งมาด้วย
“แม่ทัพน้อย นี้หยกของท่านทุกอย่างพร้อม แค่ว่ายน้ำออกไปก็ขี่ม้าไปที่ค่ายใหญ่ได้แล้ว”
“เ้าแอบไปเอาชุดมาจากไหนแต่งเป็ชายก็ดี จะได้เข้าค่ายได้สบายหน่อย”ทั้งสองว่ายน้ำออกมาจากหน้าถ้ำและขี่ม้าออกไป
แม่ทัพใหญ่ดีใจที่ลูกชายกลับมาอย่างปลอดภัยแถมยังดูแข็งแรงอีกด้วย ซูเจินกลายเป็ผู้ติดตามแม่ทัพน้อย แถมยังได้รับรางวัลที่ช่วยชีวิตแม่ทัพน้อยอีก
“ ตอนนี้เ้าติดตามข้าไปก่อน ถ้าเ้าอยากฝึกการต่อสู้ขี่ม้ายิงธนูเพิ่มเติมก็ได้ เพราะที่ค่ายเล็กส่วนมากจะเรียนแค่พื้นฐานมา”
“ ท่านไม่ต้องเป็ห่วงข้าหรอกข้าอยู่ได้ ถ้าอยู่ไม่ได้ข้าก็กลับไปอยู่ในถ้ำเท่านั้นเอง แต่จะต้องไม่ทำอะไรเยอะถ้าไปปลูกผักอีกข้าก็จะมีเวลาโคจรพลังน้อยลง”
“ ได้อย่างงั้นข้าจะแต่งตั้งเ้าให้เป็ผู้ติดตาม เวลากลับไปที่โน่นเ้าก็แค่ถือคำสั่งข้าไป ไม่ต้องไปปลูกผักทั้งวันเหมือนเดิมอีก”
ซูเจินไปอยู่ในค่าย ทหารได้ห้าก็เกินฝนตกหนักติดต่อสามวันทำให้ เกิดน้ำท่วมหนักน้ำป่าไหลหลากถนนถูกตัดขาด
“ท่านหยุน ข้าเห็นท่านยืนมองสายฝนอยู่นานแล้ว ฝนแบบนี้น่าจะมีพายุเข้า ตกไม่ลืมหูลืมตา”
“พายุ อะไรของเ้าเจินเจินข้าเห็นมีแต่สายฝน ข้าได้รับรายงานว่าถนนถูกตัดขาดเสบียงเราไม่พอ ท่านพ่อบอกว่าในเมืองฝนก็ตกหนักเหมือนกัน ความจริงแล้วเสบียงต้องมาถึงั้แ่สามวันก่อน”
“ ท่านคงไม่คิดจะเข้าไปล่าสัตว์ในป่าใช่หรือไม่ฝนตกแบบนี้ค่อนข้างอันตราย”
“ ถ้าไม่เข้าไปล่าสัตว์ พวกเราก็จะอดข้ากำลังคิดอยู่ว่าระหว่างอดตายกับเข้าไปเสี่ยงในป่า จะเลือกอันไหน”
“ ถ้าเสบียงไม่มีจริงก็ต้องเข้าป่า กองทัพจะปล่อยให้หิวได้ยังไง ข้าจะไปด้วยท่านหาคนที่ชำนาญป่าเป็ผู้นำไปอากาศมืดฟ้ามัวดินแบบนี้ไว้ใจอะไรไม่ได้”
“ข้าเพิ่งสังเกตเ้าชอบพูดไม่เหมือนชาวบ้าน บางคำข้าก็ไม่เข้าใจ”
“ อ๋อ! ข้าเพิ่งหัดพูดได้ไม่นานแต่ก่อนเป็ข้าเป็เด็กไม่พูด คำบางคำอาจสับสนและไม่เหมือนใครเดี๋ยวท่านก็ชินไปเอง”
ซูเจินและแม่ทัพน้อย และทหารอีกสิบนาย พากันเดินทางขึ้นเขาไปล่าสัตว์ มาเป็เสบียงอาหาร
ถึงอากาศจะมืดครึ้มแต่คนที่สายตาดีอย่างซูเจินและหลิวหยุน มองเห็นสัตว์ป่าที่หลบฝน อยู่ตามใต้ต้นไม้ใหญ่และในถ้ำ
ซูเจินชี้แค่จุดเท่านั้นเพราะฝีมือการยิงธนูสู้ทหารมือที่ยิงแม่นกว่า ไหนจะแม่ทัพน้อยที่มีแรงเยอะ ยิงธนูไม่เคยพลาด พวกเขาจึงได้สัตว์ป่าอย่างไก่ หมูกระต่ายมาเป็อาหารให้คนในค่ายได้กินกัน
“ซูเจิน เ้าเก็บผักป่าไปทำไมกันมีเนื้อสัตว์ตั้งเยอะ กินได้หลายวันอยู่”
“ กินแต่เนื้อสัตว์มันเลี่ยน ต้องทำน้ำแกงใส่ผักเข้าไปด้วย”ซูเจิน พูดแล้วก็ก้มหน้าเก็บผักต่อ
“ กินเนื้อสัตว์แล้วมันเลี่ยนมันไม่ใช่อร่อยหรอกหรือ แต่ละคำหัดพูดให้เหมือนชาวบ้านเขาบ้าง บางครั้งข้าก็ไม่เข้าใจ”
“ ข้าก็บอกท่านแล้วไงว่าเดี๋ยวก็ชิน ถ้าข้าเข้าใจท่านก็ต้องเข้าใจ กลับกันเถอะแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว”
“ สัตว์พวกนี้น่าจะช่วยให้พวกเราอยู่ได้ห้าวัน ถ้าไม่พอก็ต้องขึ้นมาล่าอีก”
วันที่ห้าหลังจากที่พวกเขาล่าสัตว์บนเขามากินกัน ฝนก็หยุดแล้วแต่ยังไม่เห็นแสงอาทิตย์
“ เอ๊ะ! ทำไมข้าได้ยินเสียงม้าจำนวนมากวิ่งมาทางนี้ หรือพวกเขาขนเสบียงมาท่านหยุน ได้ยินหรือไม่”
“แย่ละ! กองเสบียงที่มาส่งใช้รถม้าขนไม่ได้มีเสียงดังขนาดนี้”หลิวหยุนรีบเคาะเกราะไม้แจ้งเตือนภัย ทำให้ทุกคนตื่นตัว คนที่อยู่หอคอยหน้าค่าย ก็ส่งสัญญาณเตือนภัย
เสียงข้าศึกโจมตีดังขึ้น ทำให้ซูเจินต้องเตรียมพร้อมรับมือ นางไม่เคยเห็นการต่อสู้หรือการทำศึกามาก่อน
เสียงฝีเท้าและเสียงร้องของข้าศึกโจมตีดังสนั่น ไปทั่วบริเวณหลิวหยุนขี่ม้าวิ่งนำหน้าออกไป ในฐานทัพเกิดการโกลาหลเล็กน้อยเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าหลังฝนตกข้าศึกจะบุกทันที
ซูเจินบังคับม้าให้ตามติดอยู่กับหลิวหยุน ร่วมกันต่อสู้กับข้าศึกศัตรู ด้วยกำลังของแม่ทัพน้อย และความไวความแข็งแกร่ง ฆ่าฝ่ายตรงข้ามล้มตายไปจำนวนมาก ทำให้ทหารในกองทัพมีใจฮึกเหิมต่อสู้ฟาดฟันกับเหล่าศัตรู
ซูเจินทีแรก้าขับไล่ กลายเป็ต้องฆ่าฟันศัตรูนางอยู่กลางสนามรบ ถ้าไม่ฆ่าก็ถูกผู้อื่นฆ่าจากมือที่ฆ่าคนเป็ครั้งแรกสั่นเทาหลังจาก ที่โดนปลายดาบแทงเข้าที่หัวไหล่ สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสั่งให้นางฆ่าทุกคนที่เข้ามาใกล้
การต่อสู้ขับไล่ศัตรูใช้เวลาไปสามชั่วยาม(หกชั่วโมง)หลิวหยุน ปลิดชีพแม่ทัพได้ ทำให้คนที่เหลือจำนวนไม่มากแล้วต่าง ถอยทัพหนีตายกระเจิดกระเจิงออกไป แม่ทัพใหญ่นำกำลังคนตามไปไล่ล่า
“ซูเจินเ้าได้รับาเ็กลับไปรักษาก่อนไม่ต้องตามทัพใหญ่ไป”หลิวหยุนพูดด้วยความเป็ห่วง
“ได้ข้าจะกลับที่พักก่อน”ซูเจินขี่ม้ากลับที่พัก
ทหารที่ไม่ได้ตามศัตรูไปก็พากัน ขนทหารที่ได้รับาเ็กลับไปรักษาตัว และที่เสียชีวิตก็นำร่างมารวมกันส่วนร่าง ของข้าศึกก็ขุดหลุมข้างค่ายและโยนศพไปกองรวมกันไว้ในหลุมเพื่อเตรียมฝัง
ซูเจิน“ ทั้งเจ็บแผลและเหนื่อยถึงจะมีพละกำลังเยอะกว่าผู้อื่น แต่สู้รบต่อเนื่องแบบนี้หมดแรงเหมือนกัน หิวก็หิวมีอะไรให้กินบ้างนะ”นางค้นดูในถุงมิติ
“ ผลไม้ที่อยู่ในถุงมิติเรายังไม่ได้กินนี่นากินแต่ผลไม้แห้งที่อยู่ในถ้ำเท่านั้น เื่กินเื่ใหญ่เื่ทำแผลเอาไว้ทีหลัง”ซูเจินเอาผลไม้มากัดกิน
“ อืม! เป็ผลไม้พิเศษ รสชาติอร่อยไม่ว่า ยังหายจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ารู้สึกกำลังกลับมาเหมือนเดิม ยังนี้ต้องกินสักสองผล”
“ โอ๊ะ! ดูเหมือนความเ็ปจากแผลก็หายด้วย”ซูเจินถอดชุดทหารออกดูที่หัวไหล่ขวา
“ โอ้! แผลหายไปสมานกันแล้วแค่ตกสะเก็ด หรือต้องลองกินเพิ่มอีกผลหนึ่งเผื่อรอยแผลเป็จะหายไป ”
“ จริงด้วยผลไม้นี้ต้องมีพลังบางอย่างพอกินลูกที่สามแม้แต่แผลก็ไม่เหลือโอ้เหลืออีกแค่เจ็ดผล ต้องเก็บรักษาไว้เท่าชีวิต”
ซูเจินเปลี่ยชุดแล้วมานั่งโคจรพลัง อยู่พักหนึ่งก็เดินออกมาจากห้อง“ เราอิ่มและไม่หิวแล้วแต่ทหารคนอื่นที่ออกรบด้วยกันล่ะ มีอะไรให้พวกเขาได้กินบ้างนะ”
ซูเจินเดินไปดูพืชผักที่พวกเขาปลูกไว้ “ได้รับความเสียหายจากฝนที่ตกหนัก อีกนานกว่าจะเก็บได้”พูดแล้วก็จับต้นที่ล้มให้ตั้งขึ้น
“ เอ๊ะ! ทำไมต้นที่ยกขึ้นมันถึงโตขึ้นแบบนี้ล่ะและเก็บไปทำอาหารได้เลย”ผักที่ซูเจินยกให้ตั้งขึ้น คือผักกาดขาว ที่มันโตขึ้นอย่างรวดเร็วแถมยังต้นขาอวบ
“ หรือเป็เพราะมือ ต้องลองกับต้นอื่นดู”ซูเจินลองจับผักดูสามต้น มีหัวไชเท้ากวางตุ้งและเถาของแตงกวา
“ โอ้! เป็เพราะมือของเราจริงด้วยเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ล่ะงั้นต้องจับทุกต้นให้มันโตแล้วเรียกพ่อครัวมาเก็บ”ซูเจินใช้ความไวไล่จับผักทุกต้น กลัวจะมีคนมาเจอเข้ากว่าจะหมดทั้งสวน เหงื่อออกมาเต็มหน้าผาก
ซูเจินเดินมาดูพ่อครัวห้าคน กำลังต้มกระดูกหมูป่าที่รมควันไว้ ที่มีแต่น้ำล้วนๆ“พ่อครัว ข้าเจอผักอยู่ตรงโน้นไปช่วยกันเก็บมาทำกับข้าวกันเถอะ”
“ เ้าเจออยู่ตรงไหนรึ รอบๆค่าย ตอนนี้มีแต่ต้นอ่อน ที่โดนฝนตกใส่จนมันล้มระเนระนาดเต็มสวนไปหมด เ้าไม่ได้ดูผิดใช่หรือไม่”
“ ข้าจะดูผิดได้ยังไงพวกท่านก็ไปดูให้เห็นกับตาสิ ข้าไม่มาพูดเล่นกับพวกท่านหรอก” เห็นท่าทางจริงจังของซูเจิน พ่อครัวทั้งสี่ก็เดินตามออกมาดู ทิ้งไว้แค่คนเดียวเฝ้าเตาต้มกระดูก
“ โอ้!!! จะเป็ไปได้ยังไงผักพวกนี้จะโตจนเก็บกินได้แล้ว เมื่อวานนี้มันยังล้มนอนอยู่กับพื้นอยู่เลย ต้องเป็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ผักพวกนี้เติบโตเป็แน่ พวกเราช่วยกันเก็บเร็วเข้า มีผักไว้ทำกับข้าวแล้ว”
ถึงแม้พวกเขาจะแปลกประหลาดใจ กับสิ่งที่เห็นแต่มือก็ช่วยกันเก็บผักด้วยความไว “วันนี้ทหารกล้าพวกท่านมีอาหารกินแล้ว”เสียงหัวหน้าพ่อครัวพูดขึ้น
ซูเจินต้องช่วยพ่อครัวเก็บผักเหล่านี้จนพอ สำหรับอาหารมื้อหนึ่ง“พ่อครัวนอกจากผักพวกนี้แล้ว ในค่ายยังปลูกผักอย่างอื่นอีกไหม”
“ มีสิ อยู่ด้านเหนือของค่ายจะเป็ข้าวและข้าวโพด ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะบันดาลให้มันโตขึ้นหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าต้องเดินไปดูเสียแล้ว”
หลังจากช่วยพ่อครัว ยกผักไปส่งที่โรงครัวแล้ว ซูเจินก็เดินไปทางทิศเหนือของค่ายต่อ
“ ถ้าเยอะขนาดนี้จะจับยังไงไหวให้ครบทุกต้นกันล่ะ มันมีตัวแทนมารับพลังแทนมั้ยเนี่ย”ซูเจินยืนมองต้นข้าว และข้าวโพด ที่ล้มระเนระนาดกินพื้นที่ประมาณยี่สิบหมู่