เห็นท่าทีนอบน้อมของไป๋หยุนเฟย หงยินต้องกระดากอยู่บ้างจึงรีบกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “หยุนเฟยเ้าอย่าได้เกรงอกเกรงใจ ข้าเพียงกล่าวโพล่งโดยไม่ตั้งใจเท่านั้น ที่เ้าระมัดระวังตัวเช่นนี้ก็ไม่ผิดอันใด หากมีคนยื่นมือช่วยเหลือโดยไร้เหตุผลเช่นนี้แม้แต่ข้าก็ต้องระแวงสงสัย”
ไป๋หยุนเฟยพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “อืม ข้ายินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสคบหาลูกผู้ชายเช่นท่าน พี่หงยิน ภายหน้าหากมีเื่ใดที่พอช่วยเหลือท่านได้ ข้าต้องพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่!”
“ฮ่า ฮ่า ไว้สนทนาเื่นี้กันภายหลังเถอะ” หงยินโบกมือแก่ไป๋หยุนเฟย แล้วจู่ๆพลันนึกถึงเื่บางอย่างออก จึงเอ่ยปากถามว่า “จริงสิ อาการาเ็เ้าเป็อย่างไร?”
“นับว่าดีขึ้นมากแล้ว คาดว่าจะหายดีภายในสองวัน”
“ประเสริฐ หากประสบปัญหาใดระหว่างรักษาให้บอกต่อข้า ยามนี้เ้ายังฝีมืออ่อนด้อยจึงไม่อาจตรวจพบอาการบางอย่างได้...”
“โอ ขอบคุณพี่หงยินมากที่ห่วงใย ข้าทราบดีว่าต้องทำอย่างไร” ไป๋หยุนเฟยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “จริงสิพี่หงยิน ท่านมาที่นี่เพื่อหาข้าโดยเฉพาะ หรือว่า...”
“จะว่าเช่นนั้นก็ได้ เมื่อครู่ข้าไปเยี่ยมคำนับเ้าสำนักมู่เพราะมีเจตนาจะมาดูอาการเ้าที่ห้อง จริงสิตอนนี้ข้าพักอยู่ที่ห้องติดกับเ้า” หงยินกล่าวพลางชี้ไปยังห้องทางด้านขวา
ไป๋หยุนเฟยประหลาดใจยิ่งนัก จากนั้นจึงกล่าวด้วยท่าทีละอายว่า “โอ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าก็คิดจะไปขอบคุณเ้าสำนักมู่เช่นกัน แต่กลับจำเส้นทางไม่ได้ ไม่ทราบจะรบกวนพี่หงยินนำทางได้หรือไม่?”
“ย่อมได้ เ้าสำนักมู่พักอยู่ที่หอใบไม้โบยบินทางฝั่งเหนือ ข้าจะพาเ้าไปเอง” หงยินพยักหน้าด้วยท่าทีเรียบเฉยก่อนจะหันกายเดินนำไป๋หยุนเฟยออกไป
หลังจากขอบคุณมู่หว่านชิงอีกครั้งและทักทายชิวลู่หลิวกับฉู่อวี้เหอแล้ว ไป๋หยุนเฟยและหงยินจึงกลับไปยังบ้านรับรองแขกหลังเล็กทางปีกตะวันตก จากนั้นไป๋หยุนเฟยจึงกลับเข้าห้องและเริ่มรักษาอาการาเ็ของตนอีกครั้ง
…………
ยามค่ำคืน ภายในห้องโถงของคฤหาสน์หลังใหญ่ทางด้านเหนือของเมืองชุ่ยหลิว แสงจากโคมไฟส่องแสงราวกับกลางวันตัดกับสีดำสนิทของราตรีภายนอก
ที่แห่งนี้ย่อมเป็คฤหาสน์ตระกูลหลง ตระกูลใหญ่แห่งเมืองชุ่ยหลิว
ในยามนี้ ผู้นำตระกูลหลงนามว่าหลงไป๋กำลังนั่งในตำแหน่งบริวารทางด้านซ้ายด้วยท่าทีนอบน้อม ที่นั่งตรงข้ามมันถึงกับเป็เ้าสำนักธารน้ำแข็งนามอวี้เฟยพร้อมด้วยหลิวเฉิงและจางเจิ้นซาน
ยังมีอีกสองคนที่นั่งอยู่ซ้ายขวาที่ตำแหน่งประธาน ผู้ที่นั่งด้านขวาเป็บุรุษผอมสูงอายุราวสี่สิบเศษ มันกำลังลูบเคราแพะของตนด้วยท่าทีโอหัง และอีกคนที่นั่งด้านซ้ายปิดคลุมทั้งร่างด้วยผ้าคลุมสีดำจนไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดตา แต่ดูจากท่วงท่าของแล้วคนผู้นี้สมควรเป็บุรุษ มันนั่งเงียบงันราวกับหลอมกลืนกับอากาศรอบข้าง หากไม่เพ่งตามองถึงกับแทบไม่อาจััถึงการคงอยู่ของมันได้
“สำนักธารน้ำแข็งสำนึกขอบคุณอย่างยิ่งที่ผู้าุโหยางหลินให้ความช่วยเหลือ สำนักหลิวขจีถือดีว่าเป็เ้าถิ่นออกหน้าปกป้องฆาตกรสังหารศิษย์เอกของสำนักข้านับว่าน่าชิงชังยิ่ง ครั้งนี้ด้วยความช่วยเหลือจากท่าน พวกเราต้องสามารถนำตัวฆาตกรมารับโทษทัณฑ์ได้อย่างแน่นอน!” อวี้เฟยประสานมือคารวะบุรุษเคราแพะพลางกล่าวอย่างนอบน้อม
หยางหลินโบกมืออย่างเฉื่อยชา “ก็แค่สำนักหลิวขจี แม้จะเคยเข้มแข็งทัดเทียมกับสำนักเ้า แต่ยามนี้สำนักธารน้ำแข็งเ้าขึ้นตรงต่อสำนักเ้าอสูรข้าแล้ว ต่อไปพวกเ้าไม่ต้องกริ่งเกรงพวกมันอีกต่อไป หากต่อไปพวกเ้าสามารถรวบรวมสำนักน้อยใหญ่ทั้งหลายทางเหนือของมณฑลฉิงหยุนเป็หนึ่งเดียวได้ก็จะเป็ประโยชน์ต่อสำนักอย่างใหญ่หลวง”
ยามอวี้เฟยได้ยินอีกฝ่ายกล่าวคำ‘รวบรวมสำนักน้อยใหญ่ทั้งหลาย’อย่างปลอดโปร่ง ดวงตาก็พลันเป็ประกาย ในใจมันก็ตื่นเต้นสุดระงับ แต่อวี้เฟยก็สะกดใจกล่าวอย่างนอบน้อม “หากสำนักธารน้ำแข็งสามารถครองความยิ่งใหญ่ในอนาคต ย่อมต้องสำนึกพระคุณต่อสำนักเ้าอสูรอย่างสุดซึ้ง นับแต่นี้สำนักธารน้ำแข็งเราจะเชื่อฟังสำนักเ้าอสูรทุกเื่ราว ต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่ลังเล!”
อวี้เฟยกล่าวอย่างพลุ่งพล่าน แต่หยางหลินกลับไม่แสดงทีท่าอันใด เพียงพยักหน้าอย่างเฉยเมยพร้อมกับกล่าวว่า “ต่อไปหากมีเื่อันใดให้พวกเ้ากระจำ พวกเราย่อมบอกเอง”
ทันใดนั้นนกตัวเล็กขนาดเท่านกกระจอกก็บินเข้ามาในห้อง หยางหลินเลิกคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือออกไปคว้าจับ จากนั้นสะบัดข้อมือนกในมือก็สาบสูญไป มันเอียงศีรษะเล็กน้อยมองดูหลงไป๋พลางกล่าวว่า “ท่านหลง หลานศิษย์ข้ามาถึงแล้ว บอกคนของท่านปล่อยหลานศิษย์ข้าเข้ามาได้หรือไม่?”
หลงไป๋ไม่กล้าเพิกเฉยต่ออีกฝ่ายจึงกล่าวรับทราบครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะลุกออกไปต้อนรับผู้มาด้วยตนเอง
ผ่านไปไม่นาน หลงไป๋ก็กลับเข้าห้องมาพร้อมกับชายหนุ่มชุดดำ ทันทีที่ชายหนุ่มมองเห็นหยางหลินใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็คับข้องใจ มันเดินเข้ามาพร้อมกับกล่าวน้ำตาคลอ “อาจารย์อาในที่สุดท่านก็กลับมา ท่านต้องจัดการเื่นี้ให้ข้า!!”
คนผู้นี้ย่อมเป็หลี่หลง ศิษย์สำนักเ้าอสูรที่วันก่อนต่อสู้กับไป๋หยุนเฟยในเหลาก่อนจะได้รับบทเรียนจากหงยินที่จู่ๆสอดมือเข้ามา
“โอ?” หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ หยางหลินจึงขมวดคิ้วกล่าวว่า “ไฉนเ้า... โอ? มือเ้าเป็อะไร?”
หลี่หลงขยับมือซ้ายที่บิดเบี้ยวผิดรูป พร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าเ็ป “ถูกผู้อื่นหักไป คงต้องใช้เวลาสิบวันครึ่งเดือนจึงจะหายดี อีกอย่าง อีกอย่าง.... คนผู้นั้นชิงสุนัขป่าอสนีบาตข้าไปแล้ว!”
“ว่ากระไร?!” หยางหลินจ้องเขม็งใส่ หลี่หลงก็พลันััได้ถึงรังสีกดดันคุกคามถึงใบหน้าจนมันแทบลมหายใจขาดห้วง
“อาจารย์อา นั่น นั่นเป็เพราะข้าไม่อาจทำอันใดได้ อีกฝ่ายฝีมือร้ายกาจเกินไป ข้าไม่อาจต่อต้านมันได้แม้แต่น้อย!” หลี่หลงถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกับเอ่ยปากอธิบายเสียงดัง
“เฮอะ!” หยางหลินแค่นหัวเราะเ็าด้วยท่าทีขุ่นเคืองใจ ก่อนจะรั้งสายตากลับมาพร้อมกับขมวดคิ้วกล่าวว่า “บอกมาว่าเกิดเื่อันใดขึ้นกันแน่? บอกข้ามาตามตรง!”
หลี่หลงไม่กล้าปิดบังความจริงอีก จึงบอกเล่าเื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเหลาเมื่อวันก่อนอย่างละเอียด ทุกคนที่ได้ยินเื่ราวล้วนประหลาดใจ มีเพียงหลิวเฉิงที่หลังจากได้ฟังเื่ราวดวงตาก็ทอประกายวูบวาบด้วยท่าทีเฉยเมย แต่ก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกมา
หลังจากหลี่หลงเล่าเื่ราวจบจึงอ้อนวอน “อาจารย์อา ท่านต้องช่วยข้าชิงสุนัขป่าอสนีบาตกลับคืนมา! หากบิดาข้าทราบเื่นี้...”
หยางหลินก้มศีรษะเงียบงันอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายจึงถอนหายใจแ่เบาด้วยท่าทีผิดหวังท้อแท้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกล่าวกับอวี้เฟย “เ้าสำนักอวี้ดูเหมือนพวกเราต้องเลื่อนการไปยังสำนักหลิวขจีเพื่อทวงถามฆาตกรออกไปก่อนชั่วคราว ข้าต้องตรวจสอบว่าบุรุษที่หลี่หลงกล่าวถึงยังอยู่ในเมืองชุ่ยหลิวหรือไม่ก่อน หากยังอยู่พวกเราต้องจัดการเื่นี้ให้เรียบร้อย จึงค่อยไปยังสำนักหลิวขจีได้หรือไม่?”
“อวี้เฟยพยักหน้ากล่าวว่า “เื่นี้ไม่มีปัญหา ข้าจะให้คนตระกูลหลงออกไปสืบเสาะให้แก่ท่าน พวกมันมีอิทธิพลในเมืองไม่น้อยสมควรสืบเสาะได้ง่ายกว่า”
หลังจากกล่าวจบจึงปรายตาบอกใบ้แก่หลงไป๋ หลงไป๋จึงรีบรับคำอย่างยิ้มแย้ม “มิผิด มิผิด ข้าจะให้คนของข้าทุ่มเทกำลังตามหาบุรุษที่คุณชายกล่าวถึง!”
……
ยามดึก ภายในตระกูลหลง อวี้เฟย จางเจิ้นซานและหลิวเฉิงรวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขก ดูราวกับกำลังถกเถียงเื่บางอย่างด้วยเสียงแ่เบา
“เ้าสำนัก เกิดเื่ใดขึ้น? มิคาดว่าสำนักเราจะกลับกลายเป็บริวารสำนักเ้าอสูร? หรือนี่เป็เหตุให้ท่านมาถึงที่นี่ล่าช้า?” ถึงยามนี้หลิวเฉิงค่อยมีโอกาสถามเื่นี้ต่ออวี้เฟย
อวี้เฟยพยักหน้าเล็กน้อย “มิผิด เื่นี้เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน ทั้งสองคนนั้นพลันมาที่สำนักและบอกต่อข้าว่าสำนักเ้าอสูร้าให้สำนักเราเป็บริวารแล้วจะให้การสนับสนุนต่อสำนักธารน้ำแข็งเรา”
หลิวเฉิงขมวดคิ้วกล่าวว่า “มีเื่ดีงามเช่นนี้หรือ? สำนักเ้าอสูรเป็หนึ่งในสิบสำนักใหญ่ในแผ่นดิน ขณะที่สำนักธารน้ำแข็งหากเทียบกันทั้งแผ่นดินเรียกได้ว่าไร้ชื่อเสียงอันใด เพียงเป็ที่รู้จักอยู่บ้างในมณฑลฉิงหยุน การที่สำนักเราจะขอความคุ้มครองจากสำนักที่เข้มแข็งเช่นนี้นับเป็เื่ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ยามนี้ท่านจะบอกว่ามีคนใส่พานยื่นให้แก่พวกเราเช่นนั้นหรือ หรือว่า...”
“ข้าทราบว่าเ้าหมายความว่าอย่างไร แต่ที่ข้ายืนยันได้คือพวกมันมาจากสำนักเ้าอสูรจริงๆ ข้าเห็นด้วยตาตนเองว่ามันบังคับอสูริญญาพร้อมกันถึงสามตัว มีเพียงศิษย์สำนักเ้าอสูรเท่านั้นจึงจะทำเช่นนี้ได้”
“โอ? ถ้าเช่นนั้นก็สมควรไม่มีข้อผิดพลาด หรือว่าครานี้โชคจะเข้าข้างสำนักธารน้ำแข็งและหยิบยื่นโอกาสทองแก่พวกเราแล้ว? จริงสิ บุรุษที่สวมผ้าคลุมสีดำนั้น....”
“บุรุษผู้นั้นลึกลับยิ่งนัก แม้แต่ข้าก็ไม่อาจยืนยันว่ามาจากสำนักเ้าอสูรหรือไม่ มันมาพร้อมกับหยางหลิน แต่กลับไม่เคยเอ่ยปากกล่าววาจาทั้งยังไม่เคยแสดงฝีมือมาก่อน บอกได้แต่เพียงว่าหยางหลินให้ความเคารพมันอย่างยิ่ง บางครั้งยังเผลอแสดงท่าทีราวกับมันเป็หัวหน้า”
“ว่ากระไร?” หลิวเฉิงจิตใจสะท้านหวั่นไหว “หยางหลินอย่างน้อยต้องบรรลุด่านบรรพิญญาระดับปลาย หากคนผู้นั้นฝีมือเข้มแข็งกว่าย่อมหมายความว่ามันเป็... เอกะิญญา?!”
อวี้เฟยพยักหน้าเล็กน้อย “เป็ไปได้อย่างยิ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็เช่นใดยามนี้พวกเราขึ้นตรงต่อสำนักเ้าอสูรแล้ว ย่อมมีส่วนช่วยในการพัฒนาสำนักในอนาคต อีกอย่างยามนี้พวกเราสามารถอาศัยกำลังของพวกมันไปทวงถามคนจากสำนักหลิวขจีได้แล้ว”
หลิวเฉิงเงียบงันไปชั่วขณะก่อนจะทอดถอนใจ “เ้าสำนัก ครั้งนี้ข้าจัดการเื่ราวไม่ดีพอ ยามนี้ข้าละเมิดข้อตกลงระหว่างพวกเรากับสำนักหลิวขจี ข้า...”
อวี้เฟยโบกมือตัดบทพลางกล่าวกลั้วหัวเราะ “ผู้าุโหลิวอย่าได้โทษตนเอง พวกเราพบกับเมิ่งเอ๋อร์ระหว่างทางมาที่นี่ ดูจากภาพรวมสถานการณ์ที่นางบอกเล่า นับว่าเื่เกินคาดหมายมากมายเกินไปจริงๆ เื่นี้ไม่อาจโทษว่าเ้าได้”
“ท่านพบกับเมิ่งเอ๋อร์?” หลิวเฉิงประหลาดใจอยู่บ้าง
อวี้เฟยพยักหน้ากล่าวว่า “มิผิด นางบอกว่าหมดหน้าที่แล้วและ้ากลับไปหามารดานาง ดูนางหมองเศร้าอยู่บ้าง เป็เื่ราวใดกัน?”
“โอ ไม่มีอันใด บางทีเพราะนางไม่ได้กลับบ้านมานานจึงคิดถึงมารดาไปบ้าง...” หลิวเฉิงไม่ยอมเอ่ยถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นกับหลิวเมิ่งจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “จริงสิเ้าสำนัก ท่านบอกเื่ราวทั้งหมดของไป๋หยุนเฟยแก่คนจากสำนักเ้าอสูรหรือไม่?”
“ย่อมไม่ ข้าเพียงบอกว่า้าคร่ากุมมันมาแก้แค้นต่อการตายของบุตรชายของผู้าุโจางเท่านั้น”
“อืม ทางที่ดีพวกเราอย่าได้เปิดเผยเื่นี้ต่อผู้อื่น แม้พวกเราจะเป็บริวารสำนักเ้าอสูรแล้ว แต่หากให้พวกมันล่วงรู้เื่นี้ ย่อมกลายเป็ปัญหาต่อสำนักเราอย่างใหญ่หลวง...”
“ก่อนจะไปทวงถามคนจากสำนักหลิวขจี พวกเราก็ได้แต่รอคอย...”
…………
ภายในสำนักหลิวขจี ไป๋หยุนเฟยนั่งอยู่บนเตียง เบื้องหน้าปรากฏกองเศษผงจากอาวุธและเครื่องประดับ ที่แท้ไป๋หยุนเฟยค่อยๆอัพเกรดสิ่งของทีละชิ้นอย่างแช่มช้า ยามนี้เมื่ออยู่ในสำนักหลิวขจีมันก็ไม่จำเป็ต้องกังวลเื่ความปลอดภัยอีก จึงตั้งใจจะใช้กระบวนการอัพเกรดสูบพลังิญญาให้หมดสิ้น เพื่อเพิ่มพูนพลังิญญาพร้อมกันนั้นก็เยียวยาอาการาเ็ของตนไปด้วย
ไป๋หยุนเฟยตั้งใจจะรักษาอาการให้หายโดยเร็วจากนั้นรีบไปจากที่นี่มุ่งหน้าไปมณฑลเป่ยเหยียนทันที มันไม่้าสร้างปัญหาให้แก่สำนักหลิวขจีอีกทั้งหวังว่าจะจากไปก่อนที่สำนักธารน้ำแข็งจะมาถึงได้ หากเป็เช่นนี้สำนักหลิวขจีจะไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันยุ่งยาก
เพียงแต่ไป๋หยุนเฟยไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าศัตรูเข้ามาใกล้แล้วและจะมาถึงก่อนมันจะทันได้จากไปด้วยซ้ำ...
