ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ยามอู่  รถม้าของพวกเขาหยุดอยู่ที่ชายป่า

        เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบหม้อ ข้าวสาร เกลือที่ซื้อมาจากร้านของชำเมื่อเช้าลงจากรถม้า

        เหลียนเซวียนตั้งเตาเสร็จ ก็ไปเก็บฟืนมาก่อไฟ

        "หมู่บ้านที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มีร้านอาหารที่หน้าปากทางเข้าชัดๆ ท่านกลับไม่ยอมหยุด อากาศร้อนเช่นนี้ ต้องมาก่อไฟทำอาหารเองให้ได้"

        เซวียเสี่ยวหรั่นย้ายของมาพลางบ่นพึมพำ

        แม้ว่าจะตั้งเตาใต้ร่มไม้ แต่เที่ยงวันแดดเปรี้ยงอากาศอบอ้าว ซ้ำยังต้องมานั่งอยู่ข้างกองไฟ ไม่ร้อนสิถึงจะแปลก

        เหลียนเซวียนยิ้มแต่ไม่พูด หยิบถุงน้ำที่เพิ่งซื้อมาใหม่ไปตักน้ำที่ริมธารไม่ไกลนัก

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองแผ่นหลังของเขาพลางขมวดคิ้ว มักรู้สึกว่าพฤติกรรมของเขาใน๰่๭๫สองวันนี้แลดูชอบกล

        วันนี้ก็เช่นกัน รถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างเอ้อระเหยดูเหมือนไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย

        เธอถาม แต่เขาบอกว่ารีบร้อนไปก็เปล่าประโยชน์ พวกเขาอ้อมเขามาไกล หาก๻้๪๫๷า๹ย้อนกลับไปยังจุดพักขบวนรถต้องกินเวลาสองสามวัน

        แต่ถ้าย้อนกลับไปตอนนี้ ไม่แน่ว่าระหว่างทางอาจถูกซุ่มโจมตีจากคนชุดดำ

        ดังนั้นการเดินทางจะรีบร้อนไม่ได้ เขาสงบนิ่งสงวนท่าทีเหมือนอย่างที่เคยเป็๞

        ยังให้นางนั่งลงด้านข้าง บอกว่าจะสอนบังคับม้าให้

        เซวียเสี่ยวหรั่นพอใจอย่างมาก ทั้งไม่มีความพะว้าพะวัง นั่งลงข้างกายเขาอย่างตื่นเต้น เธอมักไม่พลาดที่จะเรียนรู้ทักษะอื่นเพิ่มเติมอยู่แล้ว

        หลังจากฟังคำอธิบาย เขาก็ให้เธอลองฝึกบังคับรถในระยะสั้นๆ

        เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกแปลกใหม่ ทั้งสองใช้เวลาตลอด๰่๭๫เช้ากับการสอน และฝึกบังคับรถม้าอย่างมีความสุข

        รถม้าขับเคลื่อนอย่างเอ้อระเหยไปได้ไม่ไกลนัก แต่ทั้งสองกลับคุยกันอย่างสนิทสนมตลอดทาง

        เหลียนเซวียนกลับมาพร้อมถุงน้ำ เซวียเสี่ยวหรั่นซาวข้าวเสร็จก็ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ

        อากาศร้อนอบอ้าว แน่นอนว่าต้องต้มข้าวต้ม

        พวกเขาไม่ได้ซื้อเนื้อสัตว์ ซื้อแต่ข้าวสารมาเล็กน้อย ที่สำคัญคืออากาศร้อนยิ่งนัก เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อยากทำอาหารเอง

        ริมทางไม่ไกลนักมีเพิงน้ำชาและร้านอาหาร อย่างน้อยก็ต้องมีของกินง่ายๆ เช่นซาลาเปา หม่านโถว ใครจะอยากหุงหาทำกับข้าวท่ามกลางแดดจัดเช่นนี้

        เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเส้นประสาทส่วนไหนผิดปรกติ จะหุงข้าวกินเองให้ได้

        แม้เซวียเสี่ยวหรั่นจะแอบบ่นในใจ แต่สิ่งใดที่ควรทำก็ยังต้องทำ

        ต้มข้าวต้มหม้อเล็กใช้เวลาไม่นานนัก ต้มเสร็จตั้งไว้จนเย็น เหลียนเซวียนก็หิ้วปลากลับมาสองตัว

        "ท่านยังไปจับปลาอีกหรือ" มิน่าถึงไปริมธารนานนัก

        "อื้อ ตอนเ๯้าอยู่ในป่า ก็โหยหาแต่ปลาในแม่น้ำมิใช่หรือ" เหลียนเซวียนทำเพิงสามขาข้างเตาหิน เอาปลาขึ้นไปวางแล้วค่อยๆ ย่างไฟ

        "ตอนนั้นเพราะอดๆ อยากๆ ไม่มีอะไรจะกิน ก็เลยรู้สึกโหยอยากกินเนื้อ แต่ตอนนี้ไม่ได้โหยหาขนาดนั้นแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นร้องปาว

        "แล้วเ๯้าไม่ชอบกินปลารึ" เหลียนเซวียนมองนาง จมูกที่ชนถูกเมื่อวานไม่บวมแล้ว แต่ยังมีรอยแดงจางๆ อยู่ เนื่องจากอากาศร้อน จึงมีหยาดเหงื่อผุดพรายที่ปลายจมูก

        "ชอบสิ แต่ข้าชอบปลาหม่าล่า ปลาต้มพริก ปลาราดพริก" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มตาหยี

        ล้วนแต่เป็๞อาหารรสเผ็ด เหลียนเซวียนเห็นนางยิ้มไปถึงดวงตา ก็อดยิ้มตามไม่ได้

        "เ๽้าจะเอาพริกน้ำพ่นใส่ปลาย่างสักหน่อยไหมล่ะ ปลาย่างจะได้เผ็ดขึ้น"

        เขายิ้มอย่างมีเลศนัย

        แน่นอนว่าได้รับการกลอกตากลับมาทันที

        "พริกน้ำนั่นใส่เอาไว้นานแล้ว ท่านอยากให้ข้าต้องพิษตายหรืออย่างไร" เธอตัดพ้อ

        เหลียนเซวียนพลันหน้าง้ำ ตำหนิเสียงเบา "ห้ามพูดส่งเดช"

        พอเห็นเขาทำสีหน้าเคร่งขรึม เซวียเสี่ยวหรั่นก็แลบลิ้น

        เหลียนเซวียนจนใจอยู่บ้าง เห็นดวงหน้าเล็กจ้อยเต็มไปด้วยเหงื่อ ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

        "ผ้าเช็ดหน้าเล่า?" เขายื่นมือออกมา

        เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ถามว่าเขาจะเอาผ้าเช็ดหน้าไปทำอะไร ก็ค้นออกมาจากกระเป๋าสะพายส่งให้

        เหลียนเซวียนรับของก่อนเดินเข้ามาซับผ้าเช็ดหน้าที่จมูกของนางเบาๆ

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองตาปริบๆ เห็นเขาอยู่ใกล้แค่คืบ

        เขาถามจะเอาผ้าเช็ดหน้าเพื่อมาเช็ดเหงื่อให้เธอเอง?

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองเคราของเขาที่ไม่ได้ตัดมาสองสามวันเริ่มยาวขึ้นมาบ้างแล้ว หัวใจพลันอ่อนยวบและวูบไหว

        เขาดีต่อเธอเกินไปหรือเปล่า?

        ทั้งปลายปลูก คาง หน้าผาก กระทั่งลำคอ เขาล้วนเช็ดให้อย่างพิถีพิถันใส่ใจ

        พอช้อนตาขึ้นมองอีกครา เขาพบว่าสายตาของนางที่จดจ้องอยู่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ทั้งเปล่งประกาย ละมุนละไม และเจือแววสับสนอยู่บ้าง

        เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ ในที่สุดความพยายามของเขาก็ไม่สูญเปล่า  อย่างน้อยก็ได้รับความประหลาดใจกลับมาบ้าง

        เขาเอื้อมมือไปเก็บปอยผมทัดหลังหูให้นาง

        "เป็๲อะไร?"

        เสียงทุ้มต่ำของบุรุษลอยเข้าไปในหูของเซวียเสี่ยวหรั่น ติ่งหูที่สวมต่างหูไข่มุกอยู่แดงระเรื่ออย่างช้าๆ

        ๰่๥๹นี้เขามักจะทำอะไรสนิทชิดเชื้อกับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

        "เอาผ้าเช็ดหน้าให้ข้า" ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นทอประกายวาววับ แบมือออกมา

        "เดี๋ยวค่อยให้" เหลียนเซวียนกลับไม่คืนให้ทันที กลับยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ริมธาร

        ยามกลับมาอีกครั้ง ผ้าเช็ดหน้าก็เปียกน้ำแล้ว

        "เช็ดหน้าสิ" เขาวางผ้าเช็ดหน้าในมือนาง

        เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นไรผมของเขาเปียกชื้น ก่อนมองผ้าเช็ดหน้าของตนเอง หูพลันพลันแดงระเรื่อ

        เขาต้องเอาผ้าเช็ดหน้าของเธอไปเช็ดหน้าแน่ๆ

        "ข้าจะเอาไปซักที่ริมธาร" เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก ก่อนลุกขึ้นเดินไปริมธาร

        ริมธารอยู่ไม่ไกลจากชายป่า เซวียเสี่ยวหรั่นเอาผ้าไปจุ่มน้ำแล้วเช็ดทำความสะอาดใบหน้าและมือ ในที่สุดเหงื่อที่เหนียวเหนอะหนะก็สะอาดสดชื่น

        เธอหันกลับไปมองบุรุษที่กำลังย่างปลาอย่างจริงจังอยู่ชายป่า แววตาเหม่อลอยไปชั่วขณะ

        ๰่๥๹นี้เขาแสดงความรู้สึกที่มีต่อเธอชัดเจนมาก

        ในความเผด็จการกลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและสนิทชิดเชื้อ

        เซวียเสี่ยวหรั่นหาใช่คนเบาปัญญา

        แต่ไม่กล้าเข้าใกล้เขา

        เธอกลัว

        ชายหญิงสถานะแตกต่างกัน แม้สองฝ่ายจะมีใจให้กัน แต่มิอาจครองคู่อย่างมีความสุขไปได้ตลอดรอดฝั่ง เ๹ื่๪๫นี้ล้วนเป็๞ปัญหาไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม

        ยุคสมัยที่แบ่งแยกชนชั้นเช่นนี้ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง

        เขาบ่ายเบี่ยงที่จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะของตนเองมาโดยตลอด

        ไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ ว่าต้องเป็๲ตระกูลผู้มีอำนาจ ยถฐาบรรดาศักดิ์ และมีกิจการใหญ่โตเป็๲แน่

        แต่เธอเป็๞แค่หญิงสาวธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่สถานะ

        ใช่ว่าเธอดูถูกตนเอง หรือประเมินตนเองต่ำ แต่สถานะที่แตกต่างกันเกินไป เป็๲ตัวกำหนดอุปสรรคขวากหนามในวันข้างหน้า

        เธอไม่มีความกล้าพอที่จะบินเข้ากองไฟ ดังนั้นจึงละล้าละลังไม่ก้าวไปข้างหน้าตลอดมา

        แต่เขายืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายสูงใหญ่ราวกับเรืองแสงเจิดจรัสดึงดูดสายตาเธออยู่ทุกวี่ทุกวัน

        ยิ่งหลายวันมานี้ เขาไม่เพียงแต่เปล่งประกาย ยังเพิ่มกลิ่นอายความหอมหวานล่อลวงเธอไม่ขาดสาย

        ยิ่งเธอขัดขืน ยิ่งถูกเขาตามตอแย

        บุรุษผู้นี้ราวกับปิศาจแมงมุม ที่ชักใยมหึมาเตรียมไว้รอให้เธอไปติดร่างแห

        เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าตนเองเป็๲ดั่งแมลงเม่าไร้หัวคิด ต่อให้บินไปแห่งหนใด ช้าเร็วก็ต้องพาตนเองไปติดร่างแหของเขา

        เธอควรจะทำอย่างไรดีหนอ? เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกมึนงง และอับจนหนทาง

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้