ร่างเล็กยืนทอดถอนหายใจชุดใหญ่ มองราวผ้าด้านหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เพราะก่อนออกจากเรือนนางลืมเก็บผ้าทั้งหมดเข้าไปด้านในชายหลังคา ดูท่าหน้าฝนปีนี้ นางคงต้องขอให้นายท่านสั่งสร้างหลังคาตรงนี้เพิ่ม ไม่เช่นนั้นคนขี้หลงขี้ลืมอย่างนาง คงได้มีหวังวนซักผ้าใหม่อยู่ทุกวันเป็แน่
"วันพรุ่งเ้าก็ไปหาจ้างคนมาทำหลังคาชั่วคราวตรงนี้ หมดหน้าฝนก็ค่อยรื้อออก"
"เป็นายท่านที่รู้ใจข้าที่สุด" ฟางซินตาลุกวาวเมื่อเ้านายเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจนางออกมา ทั้งที่นางยังมิได้ร้องขอ
"แต่ผ้าที่เปียกวันนี้อย่างไรเ้าก็ต้องซักใหม่ ห้ามรอมันแห้งเองแล้วเอามาให้ข้าใส่เด็ดขาด"
"ทราบแล้วเ้าค่ะ นายท่านเข้าด้านในไปพักเถอะเ้าค่ะ ฝนเพิ่งหยุดตกอากาศกำลังเย็นสบาย นายท่านจะได้นอนหลับฝันดีอย่างไรเ้าคะ"
หญิงสาวจัดเตรียมปูที่นอนให้เ้านายหนุ่มอย่างขะมักเขม้น ทำหน้าที่ถอดรองเท้าส่งเขาเข้านอนดุจเป็เด็กชายตัวน้อย ทั้งยังไม่ลืมห่มผ้าป้องกันความหนาวให้อีกชั้น ก่อนจะดับไฟในห้องเพื่อกลับห้องนอนตน
เรือนหลังนี้มีเพียงนางและนายท่านสองคนเท่านั้น เป็เรือนขนาดกลางทว่ามีพื้นที่ใช้สอยโดยรอบกว้างขว้าง หากมีบ่าวไพร่สักห้าหกคนอยู่ด้วยคงกำลังดี แต่เพราะนายท่านไม่ชอบความวุ่นวาย ทั้งเรือนจึงมีเพียงนางผู้เดียวที่เป็เพียงสาวใช้
ห้องของนางอยู่ติดกับห้องของนายท่าน ทั้งที่ความจริงมีเรือนแยกออกไปตั้งหาก แต่เพราะได้สะดวกเวลาเรียกใช้ นายท่านจึงให้นางอยู่ห้องด้านข้างนี้แทน
ฟางซินหยิบอาภรณ์ชุดงามที่พลันเปลี่ยนออกก่อนหน้านี้ขึ้นมาสำรวจ ว่าไม่มีส่วนไหนเปื้อนหรือเสียหาย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังอยู่ดีจึงนำไปแขวนเก็บไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นนางถึงเตรียมตัวลงนอนพักผ่อนบ้างเช่นกัน
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
ยังไม่ทันได้เข้าสู่ห้วงฝันดี กระดิ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นปลุกให้ฟางซินตื่นเสียก่อน เสียงนั้นเป็สัญญาณเรียกหาจากนายท่าน ทำให้หญิงสาวจำต้องลุกขึ้นเดินไปห้องด้านข้างอย่างงัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่น
ทั้งที่อากาศกำลังดี นายท่านกลับมีเื่เรียกใช้งานนางเสียได้
"นายท่านจะเอาอันใดหรือเ้าคะ"
"มานอนกับข้า คืนนี้อากาศหนาวข้าไม่อยากนอนคนเดียว"
ฟางซินไม่ได้แตกตื่นกับคำสั่งของเ้านาย ร่างเล็กปีนขึ้นเตียงนอนแทรกกายเข้าผ้าห่มที่เขาเปิดรออยู่ วางศีรษะเล็กหนุนลำแขนแน่น ขยับใบหน้าซุกไซ้เข้าแผงอกกว้างหาความอบอุ่นอย่างคุ้นชิน
นางอยู่กับนายท่านมาหลายปี คอยวิ่งวนรับใช้เขาไปทุกที่เสมือนเป็เงาตามติด แต่การนอนด้วยกันเช่นนี้ เพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อสองปีก่อน ที่นายท่านเรียกนางให้มานอนด้วย เพราะเหตุผลว่าเขาไม่อยากนอนคนเดียว
ด้วยเหตุผลเพียงง่าย ๆ เท่านี้จริง ๆ
คราแรกนางรู้สึกเขินอายจนข่มตานอนหลับมิลง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปจึงกลายเป็ความเคยชิน นางชอบสูดดมกลิ่นกายของนายท่าน เป็กลิ่นหอมคล้ายกำลังอยู่ในป่าไผ่บริสุทธิ์ ทำให้หัวสมองนางโปร่งโล่งนอนหลับได้ลึกกว่าที่เคย
เมื่อรู้สึกว่าร่างเล็กในวงแขนพ่นลมหายใจสม่ำเสมอ ชายหนุ่มจึงกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ริมฝีปากร้อนพรมจูบเรือนผมนุ่มอย่างทะนุถนอม จากนั้นถึงเข้าสู่ห้วงฝันตามนางไป
สองนายบ่าวไม่จำเป็ต้องตื่นเช้าเหมือนบ้านเรือนอื่น แม้ฟางซินที่เป็บ่าวเองก็ไม่จำเป็ ทำให้จวบจนเข้ายามซื่อ ( 09:00-10:59 ) นางก็ยังถูกฝั่งจมอยู่ภายใต้แผงอกกว้าง
ในขณะที่สาวใช้ยังคงนอนหลับฝันหวาน ผู้เป็นายอย่างไป๋ชิงกลับตื่นนานแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้นใช้มือค้ำศีรษะในท่านอนตะแคงข้าง ใช้กายบังไม่ให้แสงแดดที่รอดผ่านเข้ามาส่องกระทบโดนใบหน้าหญิงสาว ั์ตาสีดำคมกริบเฝ้ามองดูอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวยาวปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าออกไม่ให้นางรู้สึกรำคาญ
ไป๋ชิงพยามอดกลั้นไม่ให้บางสิ่งในกายตื่นตัว เมื่อร่างเล็กขยับหามุมสบายในการนอน จนสาบเสื้อหลุดล่วงเผยให้เห็นเนินเนื้อขาว
แม้นางยังมิได้เติบใหญ่เป็หญิงสาวสะพรั่งเต็มตัว ทว่าทรวงอกนางกลับมีแววนูนเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากกางฝ่ามือใหญ่เข้าทาบกุมคงใกล้ปิดไม่มิด ทำให้เขาเริ่มยากจะระงับความรู้สึกยุบยิบในกายยามได้ใกล้ชิดนาง
"อื้ออ"
"ตื่นแล้วหรือ"
"จะ เ้าค่ะ" ฟางซินรีบก้มหน้างุดกับผ้าห่ม เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเ้านายกำลังจ้องมองนางอยู่
ไม่ชิน อย่างไรความงามบนใบหน้าเ้านาย ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็ไม่ชิน
"มัวทำอันใด ตื่นแล้วก็ลุก ได้กินข้าวกัน ข้าหิวแล้ว"
"นายท่านหิวทำไมไม่ปลุกข้าละเ้าคะ รอก่อนนะเ้าคะ เดี๋ยวข้ารีบไปเหลานำอาหารมาให้เ้าค่ะ" ฟางซินรีบลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงตามร่างสูง นางยังไม่ลืมช่วยเขาสวมเสื้อคลุม ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยบ้าง
เพราะอยู่กันเพียงสองคนเท่านั้น อาหารแต่ละมื้อพวกนางจึงต้องอาศัยอาหารจากเหลาเป็หลัก นอกเสียจากวันไหนไปที่หอตันเตี๋ย ถึงทานอาหารฝีมือแม่ครัวที่นั้นแทน
ทว่ามิใช่นางที่เป็สาวใช้รักสบายไม่อยากทำอาหาร นางลองเคยทำให้นายท่านทานแล้ว แต่แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น นายท่านก็ไม่ยอมให้นางเข้าครัวอีกเลย จึงจำต้องพึ่งอาหารจากเหลาดังเช่นทุกวันนี้
"นายท่านไปสั่งตัดชุดตอนไหนหรือเ้าคะ ทำไมข้าไม่เห็นตอนพี่สาวเซี่ยะมาวัดตัวให้นายท่าน"
"ขนาดตัวข้าก็เท่าเดิม แค่บอกว่า้าชุดสีใดก็เท่านั้น"
"แล้วชุดของข้ารอบนี้เป็สีใดหรือเ้าคะ"
"รอชุดมาเ้าก็จะเห็นเอง" มือเรียวคีบเนื้อย่างใส่จานสาวใช้ช่างถาม ให้นางเคี่ยวอาหารให้เต็มปากจะได้หยุดพูด
"อ้าเอ็นอุดอี่อายอ่านเอือก อะอ้องออกอาอีแอ่ ๆ เอ้าอ่ะ"
ซึ่งเป็ความคิดที่ผิดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อปากเล็ก ๆ นั้นยังคงพูดได้ไม่หยุดปาก ไป๋ชิงจึงจับใจความได้ว่า 'ถ้าเป็ชุดที่นายท่านเลือก จะต้องออกมาดีแน่ ๆ เ้าค่ะ'
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้