น่าหลันหลิงเอื้อมมือมาลูบศีรษะของนาง ั์ตาฉายแววเอ็นดู เขาทำท่าคล้อยตามถ้อยคำกำชับของนาง แลดูเหมือนให้ความร่วมมือดียิ่ง แต่ถังชิงหรูกลับยิ่งวิตกกังวล การแสดงออกของเขาเหมือนรับปากนาง แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วฟังเข้าหูหรือไม่
ค่ำแล้ว หวนเอ๋อร์กับจิ่นเอ๋อร์มิได้กลับมา ถังชิงหรูเตรียมผ้านวมให้น่าหลันหลิง อยู่ปรนนิบัติเขาจนเสร็จเรียบร้อยถึงกลับห้องไปพักผ่อน นางนอนอยู่บนเตียง แต่นอนไม่หลับพลิกไปพลิกมา ไม่รู้เพราะเหตุใดวันนี้ถึงรู้สึกกระสับกระส่าย นางลุกขึ้นมานั่ง มองไปที่ข้างห้อง
"ไม่ได้" ถังชิงหรูพึมพำกับตัวเอง "วันนี้สีหน้าเขาไม่ปรกติ"
นางพลิกกายลงจากเตียง สวมเสื้อผ้าอย่างลวกๆ แล้วเดินออกไปเกาะขอบหน้าต่างห้องที่อยู่ติดกันพลางชะเง้อมองเตียงด้านใน
"เอ๋?" พอเห็นบนเตียงมีแต่ความว่างเปล่า ดวงหน้าน้อยพลันถอดสี ก่อนเอ่ยวาจาอย่างหงุดหงิด "ข้าเดาผิดที่ไหน เ้าบัดซบผู้นั้นไปทำเื่โง่งมจริงๆ ด้วย"
นางรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนสับขาวิ่งอย่างเร็วจี๋ ด้วยค่าจิตพิสัยแพทย์ของตนเองตอนนี้ สามารถใช้วิชาตัวเบาได้ เพียงแต่หากทำเช่นนั้น แต้มของวันพรุ่งนี้ก็จะหมดเกลี้ยงกลายเป็ศูนย์
ขณะที่นางใช้ความเร็วสูงสุดวิ่งไปถึงจวนชิ่งอ๋อง ภายในใจพลันเกิดข้อกังขาอย่างหนึ่ง "น่าหลันหลิงไม่เป็วรยุทธ์ ต่อให้เขาคิดจะบุกเข้าไปทำสิ่งใด เกรงว่าคงไม่มีโอกาส เช่นนั้น... เขาไปไหนกันแน่นะ"
คนผู้หนึ่งมาปรากฏตัวต่อหน้า กล่าวกับนางอย่างมีมารยาท "คุณชายน่าหลันบอกว่าแม่นางจะต้องมาที่นี่ ดูท่าจะถูกเผง แม่นาง เชิญเข้าไปด้านในเถิด"
"น่าหลันหลิงอยู่ที่นี่จริงรึ" ถังชิงหรูตื่นตระหนก "เขาถูกจับแล้วหรือ ตนเองถูกจับไม่พอยังขายข้าอีก?"
แค่นึกว่าคุณชายผู้สูงศักดิ์ในสายตาและหัวใจของนางอ่อนแอจนยอมสารภาพทุกอย่างเกี่ยวกับตนเอง มิหนำซ้ำก่อนตายยังนำความเดือดร้อนมาให้สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์เช่นนาง ถังชิงหรูก็รู้สึกอยากตายนัก
"โปรดนำทางด้วย" ถังชิงหรูกล่าวด้วยความรู้สึกคับข้องใจ
องครักษ์เงาผายมือเชิญ
ถังชิงหรูรู้มาจากปากเสี่ยวอีว่าตนเองเหลือเพียงยี่สิบแต้ม ไม่สามารถใช้วิชาตัวเบาได้อีก ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางต้องยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี บางทีการที่นางช่วยชีวิตเฉินิไว้ อาจทำให้เขายอมผ่อนปรนให้บ้าง เพียงแต่วันนี้นางเพิ่งจะหยอกเขาแรงๆ ไปดอกหนึ่ง ไม่รู้ว่าบุรุษใจแคบผู้นั้นจะคิดแค้นหรือไม่
ยามถังชิงหรูตามองครักษ์เงาเข้าไป ก็พบว่าเขาไม่ได้พาไปสถานที่ประเภทคุกนักโทษปะา แต่เป็ห้องหนังสือ
องครักษ์เงาพามาถึงประตู ก็ให้นางเข้าไปด้วยตนเอง ยามประตูปิดลง นางก็รู้สึกคล้ายว่าตนเองเป็ลูกแกะน้อยผู้บริสุทธิ์ที่กำลังจะถูกสัตว์ป่าดุร้ายกลืนลงท้อง
"ดึกดื่นขนาดนี้ พาข้ามาห้องหนังสือทำไมเนี่ย" ถังชิงหรูลูบพวงแก้มของตนเอง "หรือว่า... ที่นี่จะมีเครื่องทรมานรอข้าอยู่"
พรืด! เสียงคนผู้หนึ่งหลุดขำออกมาเบาๆ
ถังชิงหรูมองไปตามเสียง ก็เห็นบุรุษสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม ยังมีบุรุษที่หน้าตาละม้ายสตรีอีกคนยืนอยู่ข้างกายเฉินรุ่ย เป็คนผู้นี้ที่แอบหัวเราะเยาะนางเมื่อครู่
"ญาติผู้พี่ ค่ำมืดดึกดื่นไยไม่หลับไม่นอน แล่นมาทำอันใดถึงที่นี่" น่าหลันหลิงนั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าแลดูปรกติดี มิได้ถูกลงทัณฑ์ทรมานให้ยอมรับสารภาพอย่างที่นางคิด เฉินรุ่ยยังรินน้ำชาให้เขาอีกด้วย จึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ "นักโทษหลบหนีเช่นท่านได้รับการปฏิบัติอย่างดียิ่ง ถึงขนาดมีคนรินน้ำชาให้ด้วย?"
น่าหลันหลิงทำสีหน้าจนใจเอ่ยว่า "หรูเอ๋อร์ มานี่"
"ยายโง่หลุดมาจากไหนเนี่ย เ้าเคยเห็นนักโทษได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้หรือ" เฉินิหัวเราะถากถาง
ถังชิงหรูเริ่มรู้สึกถึงความไม่ถูกต้องบางอย่าง เพียงแต่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เฉินิเป็ชิ่งอ๋อง น่าหลันหลิงต้องโทษปะาล้างตระกูล ย่อมเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ น่าหลันหลิงควรต้องโกรธแค้นราชวงศ์มิใช่หรือ คนของราชวงศ์พบตัวเขาไม่ใช่ว่าควรสังหารทิ้งหรือไร เมื่อความสัมพันธ์เป็ปรปักษ์ ไยถึงมานั่งจิบชาสนทนาด้วยกันได้เล่า
นางเดินเข้าไปอยู่ข้างกายน่าหลันหลิง พลางกระซิบข้างหู "ค่ำมืดดึกดื่นไยท่านไม่หลับไม่นอน มาเล่นอะไรให้คนใจหายใจคว่ำอยู่ที่นี่ ท่านเกือบทำให้ข้าใแทบตาย"
"ข้านึกแล้วว่าหลอกเ้าไม่ได้ ด้วยไหวพริบปฏิภาณของเ้าต้องรู้แน่ว่าข้าไม่อยู่ ดังนั้นก็เลยให้คนไปรอที่หน้าประตู" น่าหลันหลิงเอ่ยวาจาอย่างอ่อนโยน
"ท่านไม่เป็วรยุทธ์สักหน่อย ไยมาถึงที่นี่ได้" ถังชิงหรูนึกกังขา
"ข้าส่งคนไปรับเขามาเองล่ะ" เฉินรุ่ยกล่าวพลางยกยิ้มน้อยๆ "แท้จริงพวกเราเคยพบกันแล้วที่บ้านสกุลหลี่ เพียงแต่กลางวันคนมากเกินไป สนทนามิค่อยสะดวก ดังนั้นจึงนัดหมายมาพบกันยามค่ำคืน"
"เช่นนั้นเหตุใดวันนี้ท่านถึงไม่บอกข้า" พอได้ยินว่าไม่มีอันตราย ถังชิงหรูค่อยหย่อนก้นลงนั่งข้างกายน่าหลันหลิงอย่างสบายใจ
เฉินิซึ่งอยู่ตรงข้ามจดจ้องนาง ความขุ่นเคืองวาบผ่านแววตา "เ้ารู้จักละอายบ้างหรือไม่ นี่คือสถานที่ที่บุรุษสนทนากัน เ้ามาทำอันใด"
"มิใช่คนของท่านเชิญข้าเข้ามาเองหรอกหรือ ความจำของท่านไม่ค่อยดีนัก ดูท่าพรุ่งนี้ข้าคงต้องตรวจสมองให้หน่อยแล้ว" ถังชิงหรูตอกกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์
"น้องิ" เฉินรุ่ยมองน้องชายอย่างไม่พอใจ "วันนี้พวกเรามาคุยธุระ เ้าอย่าก่อเื่"
"น่าหลันหลิง นางเป็ญาติผู้น้องของเ้าจริงหรือ เปิ่นหวางเห็นนางโผงผางหยาบคาย ไม่มีกิริยามารยาทเยี่ยงคุณหนูสกุลใหญ่สักนิด หรือว่าจะเป็สาวใช้ของท่าน?" เฉินิกล่าวเหน็บแนมด้วยวาจาเชือดเฉือน
ถังชิงหรูดื่มชา ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเฉินิด้วยรอยยิ้ม "ชิ่งอ๋องทรงปรีชา แท้จริงแล้วข้าก็คือสาวใช้ของคุณชาย แต่ทว่า... หากมิใช่ข้าสาวใช้คนนี้ ก็คงมีคนตายไปนานแล้ว"
"เ้า!" เฉินิถลึงตาใส่ถังชิงหรู
"หรูเอ๋อร์" น่าหลันหลิงดึงมือนาง พลางตำหนิอย่างนุ่มนวล "อย่าเสียมารยาทกับชิ่งอ๋อง"
ถังชิงหรูเห็นแก่หน้าของน่าหลันหลิงจึงไม่ท้าทายเฉินิอีก แต่นางมองออกว่าพวกเขามีธุระต้องคุยกัน เมื่อเป็เช่นนี้ นางก็ไม่อยู่รบกวน ถึงอย่างไรตนเองก็ไม่ใช่ถังชิงหรูตัวจริง ช้าเร็วก็ต้องไปจากที่นี่สักวัน ก่อนจะถึงวันนั้น อย่าไปรู้ความลับของพวกเขาให้มากจะดีกว่า มิเช่นนั้นเมื่อถึงเวลาคงมิอาจถอนตัวได้โดยง่าย
"คุณชายข้าไปรอท่านดีกว่า" ถังชิงหรูบอกกับน่าหลันหลิง
"อย่าเลย ข้างนอกอากาศหนาว เ้าเองก็หาใช่คนนอก รออยู่ในนี้เถิด ถ้ารู้สึกเบื่อ ตรงนั้นมีหนังสืออ่านได้" น่าหลันหลิงมองไปยังชั้นหนังสือฝั่งตรงข้าม
ถังชิงหรูเดินไปที่ชั้นวางหนังสือ เลือกหนังสือออกมาเล่มหนึ่งก่อนเดินไปนั่งที่ห้องด้านข้าง แต่หูก็ยังได้เสียงบุรุษสามคนสนทนากัน
"สาวใช้คนนี้ของเ้าช่างขวัญกล้ายิ่ง" เฉินิทิ่มแทงถังชิงหรูหนึ่งประโยค
"หรูเอ๋อร์เป็คนตรงไปตรงมา ใครดีกับนาง นางก็จะดีตอบ ใครมีมารยาทกับนาง นางก็ปฏิบัติกับคนผู้นั้นอย่างมีมารยาท" น่าหลันหลิงไม่ยอมอ่อนข้อ
"เอาเถอะ เวลาไม่เช้าแล้ว พวกเรามาคุยเื่สกุลน่าหลันกันดีกว่า" เฉินรุ่ยตัดบท "น่าหลันหลิง สกุลน่าหลันถูกทำลาย ใจของพวกเราก็รู้สึกแย่เหมือนกัน เื่นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เมื่อครู่ข้าก็อธิบายให้เ้าฟังหมดแล้ว ยามนี้ขุนนางโฉดกุมอำนาจ บางครั้งแม้แต่ผู้เป็กษัตริย์ก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด ในส่วนนี้ราชวงศ์ติดค้างสกุลน่าหลัน"
"หากบอกว่าไม่มีความโกรธแค้นต่อราชวงศ์ก็คงเป็การโกหกคำโต ตอนแรกบิดาข้าทำเช่นนั้น ก็เพราะได้คำสั่งลับจากฝ่าา แต่พอเกิดเื่ขึ้น เพียงถ้อยคำประโยคเดียวของขุนนางโฉด บิดาข้าจึงต้องแบกรับความผิดทั้งหมด กลายเป็ขุนนางทรยศ สกุลน่าหลันถูกปะาล้างตระกูล ข้าสูญเสียญาติมิตรทั้งหมด แล้วจะไม่เคียดแค้นชิงชังได้อย่างไร เพียงแต่หลายวันที่ผ่านมา ข้าตรึกตรองจนกระจ่างใจแล้ว ศัตรูที่แท้จริงคือขุนนางโฉดเ่าั้ หาใช่พวกท่าน บิดาข้าตายเพราะความจงรักภักดี ดังนั้น ข้าจะช่วยพวกท่านกำจัดคนสามานย์เ่าั้ ตราบใดที่ราชสำนักกลับมาขาวสะอาด ก็จะไม่เกิดคดีที่ผิดพลาดไร้ความเป็ธรรมเช่นนี้อีก ข้าจะใช้ความตายของขุนนางชั่วช้ามาปลอบประโลมดวงิญญาของบิดามารดาบน์" น่าหลันหลิงลั่นวาจา ขอบตาแดงก่ำ
"เ้าคิดได้เช่นนี้ พวกเราก็รู้สึกยินดี เพียงแต่ตอนนี้เ้ายังคงต้องหลบซ่อนตัวอยู่ อำนาจของพวกเรายังอ่อนเกินไป หากเ้าปรากฏตัวเพลานี้ พวกเราคงคุ้มครองเ้าไม่ได้" เฉินรุ่ยเอ่ย "ความหมายของข้า คือให้เ้าเปลี่ยนสถานะ เข้าร่วมการสอบขุนนาง หากเ้าสอบติดสามอันดับแรก ย่อมได้หวนคืนสู่ราชสำนักอีกครั้ง"
"ถึงเวลานั้น สถานะของข้าคงไม่อาจปิดบังได้แล้ว หากขุนนางโฉดเ่าั้พบข้า สถานะย่อมเปิดเผย ตามรูปการณ์แล้วพวกเขาต้องไม่ปล่อยข้าไปแน่" น่าหลันหลิงเอ่ยข้อคลางแคลงใจ
"เ้าไม่ต้องกังวล จากนี้เป็ต้นไปจงเตรียมพร้อมเพื่อเข้าสอบขุนนาง รอถึงวันที่เ้าสอบติดก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปี ระยะเวลาหนึ่งปีนี้เพียงพอที่ข้าจะลอบจัดเตรียมการไว้ ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะไม่ให้พวกเขาสังหารเ้าได้ เพียงแต่ครานี้เ้าต้องเชื่อใจข้า น่าหลันหลิง เ้ากล้าเสี่ยงไปพร้อมกับข้าหรือไม่"
"กล้า" น่าหลันหลิงรับคำหนักแน่น "ขอแค่สังหารขุนนางโฉดได้ ให้ข้าทำสิ่งใด ข้าก็จะไม่พร่ำบ่นสักคำ" ในห้องที่อยู่ติดกัน ถังชิงหรูได้ยินวาจาของน่าหลันหลิงแล้วก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ความอาฆาตแค้นสามารถทำให้คนคนหนึ่งตาบอด น่าหลันหลิงยอมทรมานตนเองใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความเกลียดชังเพื่อแก้แค้นให้คนในครอบครัว ทว่านี่คือสิ่งที่คนในครอบครัวของเขาปรารถนาจะเห็นแน่หรือ?
ช่างเถิด ตอนนี้ก็เดินเคียงข้างเขาไปก่อน ไม่มีใครรู้ได้ว่าต่อไปทุกคนจะต้องแยกย้ายไปตามวิถีของตนเองหรือไม่ ดังนั้นเพียงแค่ใช้ชีวิตตรงหน้าให้ดีที่สุดก็พอแล้ว
ในรถม้า ถังชิงหรูนั่งพิงไหล่ของน่าหลันหลิง พักผ่อนสายตา
"เ้าตำหนิข้าหรือไม่" น่าหลันหลิงถามเสียงเบา
"อือ" ถังชิงหรูตอบกลับมาคำหนึ่ง "ไยข้าต้องตำหนิท่านเล่า ท่านมีทางเลือกของท่านเอง ข้าพอเข้าใจ"
"หรูเอ๋อร์ เ้าจะไปจากข้าหรือ" น่าหลันหลิงฟังเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียง จึงเอ่ยปากอย่างร้อนรน "เ้าอย่าไปนะ ข้าไม่อยากแยกจากเ้า"
"ทำไมล่ะ" ถังชิงหรูย้อนถาม "เพราะความเคยชิน? ท่านเคยชินกับการมีข้าอยู่เคียงข้าง หากข้าไม่อยู่แล้ว ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปอย่าง มันก็เหมือนกับที่ท่านเคยชินกับความเคียดแค้นชิงชังนั่นแหละ ตราบใดที่แก้แค้นสำเร็จ สูญสิ้นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตไป ท่านก็จะเคว้งคว้าง ไม่รู้ว่าควรจะเดินต่อไปอย่างไร"
"หรูเอ๋อร์ เ้าในตอนนี้ราวกับผู้ทรงภูมิก็มิปาน บางครั้งข้าก็อดคลางแคลงมิได้ ว่าเ้าจะใช่สาวใช้ตัวน้อยที่ข้าเคยรู้จักหรือเปล่า หรือว่าเป็ผู้ทรงภูมิคนไหนแปลงโฉมมา" น่าหลันหลิงถอนใจเบาๆ "แม้ว่าคำพูดของเ้าจะมีเหตุผล แต่ที่ข้ารู้สึกต่อเ้าหาได้เป็เพียงแค่ความเคยชิน ทว่าหล่อหลอมเป็ความผูกพันไปเสียแล้ว สำหรับข้า หรูเอ๋อร์ก็คือญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่"
ถังชิงหรูรู้สึกได้ถึงความเ็ปของน่าหลันหลิง ในความทรงจำของนาง เขาเห็นญาติพี่น้องของตนเองถูกปะาต่อหน้าต่อตา โดยที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ชั่วขณะนั้นหัวใจของเขาสิ้นหวังแค่ไหน มานึกๆ ดูแล้วก็รู้สึกปวดใจแทน ต่อมาเพื่อรักษาชีวิตเขาไว้ ลูกน้องคนสนิทก็ต้องสละชีวิตไปคนแล้วคนเล่า เ้าของร่างเดิมพาเขาหลบหนีจากอันตรายมาได้อย่างลำบากแสนเข็ญ ต้องดูแลนายน้อยเช่นเขาเพียงลำพังมากว่าครึ่งปี ่เวลาเ่าั้แม้ว่าน่าหลันหลิงจะยังนอนซมจากอาการาเ็สาหัส แต่ย่อมรับรู้ได้ ความรู้สึกที่มีต่อสาวใช้ตัวน้อยคนนี้ย่อมจะเข้มข้นและเพิ่มพูนเป็ทวี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้