ในบรรดาสถานที่ทั้งสามแห่งที่เฉิงอี้เฟยสอบสวนออกมาได้ หุบเขาเถาเยาเป็สถานที่ที่สามารถหลบซ่อนได้มากที่สุด จวินจิ่วเฉินจึงมาค้นหาสถานที่แห่งนี้เป็ที่แรก
เขามาถึงตอนพลบค่ำ หลังจากที่สำรวจบริเวณโดยรอบแล้วและไม่พบเจอทางเข้าอื่นๆ เขาจึงพิจารณาอยู่นาน รอจนมืดค่ำจึงลงน้ำไป
หลังจากที่มืดค่ำแล้ว แสงสว่างไม่ค่อยดีนัก การลงน้ำจึงไม่ใช่เื่ที่สะดวกสบายยิ่งนัก ทว่าก็เป็เื่ยากที่จะถูกสังเกตเห็น เขาไม่คุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างภายในถ้ำ อีกทั้งบุคคลที่เขาต้องเผชิญหน้าด้วยคือคนเ้าเล่ห์ที่เชี่ยวชาญทางด้านพิษ เขาจำเป็ต้องระมัดระวังและละเอียดรอบคอบให้มาก
เขานำไข่มุกที่มีแสงแวววาวลงมาในน้ำด้วยเพื่อดำดิ่งลงไปในจุดที่ลึก
ทันทีที่เขาสังเกตเห็นว่ามีคนว่ายน้ำออกมาจึงได้รีบดำลงไปในน้ำลึกทันที ด้วยความที่แสงไฟของไข่มุกแวววาวมีจำกัดเขาจึงมองเห็นคนที่มาไม่ชัดเจน เดิมทีเขาคิดว่าผู้ที่ออกมาจะเป็คนของไป๋หลี่ิชวน แต่ใครจะไปทราบว่าจะเป็แพทย์หญิงตัวน้อยของตนเอง?
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนมีความขาวซีดอย่างชัดเจน ใบหน้าของจวิ่นจิ่วเฉินก็ขาวซีดด้วยเช่นกัน
“กูเฟยเยี่ยน! ”
เขารีบนำตัวนางไปไว้ที่ริมฝั่ง เมื่อวางราบลงแล้วก็ปลดคอเสื้อและเข็มขัดของนางออกอย่างรีบร้อน ต่อจากนั้นจึงกดไปที่่ท้องเพื่อบีบให้นางอาเจียนน้ำทั้งหมดที่กินเข้าไปออกมา กูเฟยเยี่ยนอาเจียนน้ำออกมามากมาย แต่ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา
จวินจิ่วเฉินไม่แม้แต่จะคิด เขารีบบีบจมูกหญิงสาว พลางเชยปลายคางของนางขึ้นเพื่อใช้ปากผายปอดให้
ครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านไป ในตอนแรกเขายังคงสงบนิ่งอยู่ แต่หลังจากที่ผ่านไปสักพักกูเฟยเยี่ยนก็ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา เขาจึงเกิดความกังวลอย่างเห็นได้ชัด จวินจิ่วเฉินดำเนินต่อไปด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจทราบได้ว่าผ่านไปกี่ครั้งแล้ว แต่ในขณะที่เขากำลังจะประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง จู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็ลืมตาขึ้นมา
จวินจิ่วเฉินเกิดความกังวลจึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย เขายังคงผายปอดให้นางต่อไป
กูเฟยเยี่ยนเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาสมองจึงยังสับสนวุ่นวาย เมื่อเห็นหน้ากากสีเงินที่คุ้นเคย ชั่วพริบตานั้นนางก็แยกแยะไม่ออกว่านี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่ นางตกตะลึงและปล่อยให้จวินจิ่วเฉินแนบประกบริมฝีปากลงไป
ทว่าทันทีที่ััได้ถึงความอ่อนนุ่ม นางจึงเบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัว นางรู้สึกว่านี่ไม่เหมือนกับความฝัน ริมฝีปากของเขาเย็นมากๆ !
หลังจากที่จวินจิ่วเฉินเป่าลมจนหมด เขาก็ผละออกมาสูดอากาศแล้วดำเนินการต่อทันที แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังจะแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของกูเฟยเยี่ยน
เขาตกตะลึงเช่นกัน บัดนี้ริมฝีปากของเขายังคงประกบลงบนริมฝีปากนางแน่น ดูเหมือนว่าวินาทีนั้นเขาจะลืมไปว่าต้องผละออก
เมื่อริมฝีปากทั้งสองได้ัักัน ดวงตาทั้งคู่ประสานกัน โลกทั้งใบจึงเกิดความเงียบสงัด
ทันใดนั้น!
ดวงตาตกตะลึงของกูเฟยเยี่ยนก็แปรเปลี่ยนเป็ความหวาดผวา นางผลักจวินจิ่วเฉินออกไปอย่างแรง พลันรีบร้อนลุกขึ้นมาประณามด้วยความโกรธ “เ้า เ้า…เ้าทำอะไร? ”
จวินจิ่วเฉินล้มลงด้านข้างด้วยใจที่ตกหล่นลงไป ดูเหมือนว่าเขาอยากจะอธิบายแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาเช็ดริมฝีปากไปเบาๆ ราวกับรังเกียจมาก
กูเฟยเยี่ยนรีบลุกขึ้นมามองดูตนเองจึงพบว่าเข็มขัดและคอเสื้อของตนเองล้วนถูกปลดออก
“สารเลว เ้าทำอะไร? ”
นางจ้องไปที่เขาด้วยความโมโหราวกับแมวป่าที่โกรธและดุร้ายมาก จากนั้นจึงยกมือทั้งสองข้างมาปกป้องร่างกายตนเอง
เมื่อสักครู่นี้จวินจิ่วเฉินรีบช่วยชีวิตนางจึงไม่ได้มองเลยแม้แต่แวบเดียว ทว่าบัดนี้ปฏิกิริยาตอบสนองของกูเฟยเยี่ยนใหญ่มากจนทำให้เขาสังเกตได้ว่านางเปียกโชกไปทั้งตัว เสื้อคลุม้าเปิดออก ความงดงามผลุบโผล่ น่าดึงดูดมาก
หญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะผอมแห้งแต่สิ่งที่ควรมีนางก็มีอยู่
ทั้งๆ ที่จวินจิ่วเฉินเคยเห็นมาก่อน แต่ทันทีที่สายตาลดลงมาก็ดูเหมือนว่าจะถูกล็อกเอาไว้จนลืมเลือนที่จะหลบหลีกสายตาไปชั่วขณะ ดวงตาที่เคยเ็าแปรเปลี่ยนมาเป็ความลึกซึ้ง ลึกซึ้งประหนึ่งว่าสามารถกินคนเข้าไปได้
ไม่ว่าอย่างไรกูเฟยเยี่ยนก็ยังเป็เด็กน้อย เมื่อสบตากับดวงตาลึกซึ้งนางก็เกิดความตื่นใทันทีจนโกรธไม่ออกแล้ว หญิงสาวเก็บเข็มขัด กระชับเสื้อผ้า ก้าวถอยไปด้านหลังด้วยความลุกลี้ลุกลน “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น ข้า ข้าบอกไว้ก่อนนะ ข้า ข้า…ข้ารู้ว่าเ้าเป็ใคร เ้าอย่า…เ้าอย่ามาทำอะไรซี้ซั้วนะ! ”
จวินจิ่วเฉินได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ตัวว่าเมื่อสักครู่นี้สายตาของตนเองน่ากลัวเพียงใด สำหรับการตอบสนองของกูเฟยเยี่ยน เขาเหมือนจะไม่มีทางเลี่ยงเลย
ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความเ็า “เ้าหลบหนีออกมาได้อย่างไรกัน? เ้าควรดีใจที่ข้าไม่ได้สังหารเ้าตอนอยู่ในน้ำ”
เขาเอ่ยพลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมของตนเองที่วางอยู่ด้านข้างมาโยนใส่กูเฟยเยี่ยนอย่างไม่สุภาพนัก
กูเฟยเยี่ยนจึงสงบสติอารมณ์ลง นางมองไปที่เสื้อผ้าเปียกชุ่มของเขาด้วยความจริงจัง ก่อนจะมองไปที่รอบข้างจึงเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา “ที่แท้คนที่ดึงข้าก็คือเ้า! ”
จวินจิ่วเฉินไม่ได้อธิบายอะไร เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นมาเช็ดไปที่ริมฝีปากเบาๆ
ในมุมมองของกูเฟยเยี่ยนคิดว่าการกระทำของเขาราวกับรังเกียจนาง กูเฟยเยี่ยนจึงเช็ดไปที่ริมฝีปากด้วยความรังเกียจ พลันเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “หากว่าเปิ่นกูเหนียงไม่ตายในเงื้อมมือของจิ้งจอกเฒ่า ตรงกันข้ามกลับมาตายในเงื้อมมือของเ้า ข้าคงจะตายตาไม่หลับเเน่ๆ ! ”
จวินจิ่วเฉินเหมือนจะเกิดความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย เพียงแต่แสงสว่างมีน้อยกูเฟยเยี่ยนจึงมองไม่เห็น
เขาไม่ได้แก้ต่างแต่ถามอย่างเ็า “เ้าไม่หนาวหรือ? ”
เมื่อถูกถามเช่นนี้ ร่างกายของกูเฟยเยี่ยนก็สั่นระริกออกมา หญิงสาวถึงกับกระชับเสื้อคลุมแน่นโดยไม่รู้ตัว
จวินจิ่วเฉินถามน้ำเสียงเ็า “เช่นนั้นยังไม่มานี่อีก”
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนในตอนนี้ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ นางระมัดระวังตัวเพราะไม่เข้าใจความหมายของเขา
ความอดทนของจวินจิ่วเฉินมีขีดจำกัด เขาก้าวพรวดพราดเข้ามาดึงนางเข้าสู่อ้อมอก ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนหน้าผาสูงชัน
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะดิ้นรนแต่ปลายคางของชายหนุ่มกดลงบนศีรษะของนางอย่างแรงพร้อมน้ำเสียงหนักแน่น “หากยังขยับเขยื้อนอีก เ้าต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่จะตามมาเอง! ”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยน้าดิ้นรนแต่จู่ๆ ก็นึกถึงสายตากินคนของเขาเมื่อสักครู่นี้ นางจึงเกิดความเศร้าสร้อย
นางอดสงสัยไม่ได้ว่าหมอนี่ที่ดูเหมือนเ็า ไม่แน่ว่าอาจจะอันธพาลกว่าจิ้งจอกใหญ่หลายใจตัวนั้นซะอีก!
ความจริงของคดีถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ์ทราบดีว่าเหตุใดเขาจึงมาช่วยนาง? ์ทราบดีว่าเขามีเจตนาอะไร
หญิงสาวคิดไปคิดมาก็คิดไปถึงจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าตอนนี้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกำลังทำอะไรอยู่? การที่นางหายตัวไป จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงกังวลหรือไม่?
จวินจิ่วเฉินพากูเฟยเยี่ยนไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนหน้าผาสูงชัน ก่อนที่เขาจะลงน้ำไปเขาก็ซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ภายในถ้ำมีการจัดเตรียมฟืนเอาไว้เรียบร้อย เนื่องจากเขาไม่ทราบว่าครั้งแรกที่ตนเองลงน้ำไปจะสามารถผ่านเข้าไปในถ้ำได้อย่างราบรื่นหรือไม่
“โดยรอบนี้ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ตากเสื้อผ้าให้แห้งแล้วค่อยกลับไปในเมือง”
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินวางกูเฟยเยี่ยนลง เขาก็หันหลังให้นางแล้วยืนอยู่บริเวณปากถ้ำ
ในขณะนี้เองกูเฟยเยี่ยนจึงได้รู้ว่าเขาพานางมาที่นี่ทำไม
นางลอบคิดว่าชายคนนี้เปียกโชกไปทั้งตัว ไหนจะยืนตากลมอยู่ตรงนี้ เขาจะไม่หนาวตายหรือ? นางถอดเสื้อคลุมออกมาเตรียมยื่นให้เขา แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ควรให้เขามายืนอยู่ข้างกองไฟใช่หรือไม่? เพียงแค่เขาไม่หันมา อันที่จริงแล้วนางรับได้
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะปริปากบอกทว่าจู่ๆ ก็หยุดลง นางใกับความคิดของตนเองมาก
นี่นางถึงขนาดที่ว่าไม่อาจทนอยู่เฉยต่อชายผู้นี้ได้?
ไม่นึกเลยว่านางจะลองเสี่ยงกับการถูกเอารัดเอาเปรียบ นางสงสารเขาหรือ?
ช่างเถอะ! นางยังไม่ทราบว่าเขาเป็ใคร? อีกทั้งไม่ทราบว่าการที่เขาตามหานางครั้งแล้วครั้งเล่าเป็เพราะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
ท้ายที่สุดกูเฟยเยี่ยนจึงไม่แม้แต่จะคืนเสื้อคลุมไปแต่ว่ากล่าวตักเตือน “ห้ามหันมานะ มิฉะนั้นแล้ว…ข้าจะวางยาพิษเ้า! ”
ด้วยเหตุนี้นางจึงกอดเสื้อคลุมโดยไม่รู้สึกผิดใดๆ แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในถ้ำ
จวินจิ่วเฉินไม่เพียงแค่หนาว แต่เขาค่อนข้างที่จะยืนไม่มั่นคงแล้วด้วย เขาทานยาถอนพิษไปหนึ่งเม็ดพร้อมกับคิดในใจว่าทหารของเฉิงอี้เฟยอยู่ใกล้ๆ นี้แล้ว ไป๋หลี่ิชวนหลบหนีออกไปไม่ได้แน่ๆ เขาน่าจะยืนหยัดจนสามารถพาหญิงสาวคนนี้ออกไปจากลำธารลึกนี้ได้
เขาพิงไปที่กำแพงพลางค่อยๆ นั่งลงพร้อมกับมองไปที่ป่าเขาที่ดำสนิท มองไปมองมาดูเหมือนว่าจะใจลอยออกไป มือหนาลูบไปที่ริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว…