จางกุ้ยฮัวกล่าวขณะบีบคางเล็กๆ ของหลิวเต้าเซียงเบาๆ และขอให้หลิวซานกุ้ยที่อยู่ด้านข้างมองดูอย่างละเอียด จึงเห็นว่าหลิวเต้าเซียงเพิ่งจะตัวโตขึ้นได้ไม่กี่เดือนก็ผอมลงไปกว่าครึ่ง
หลิวซานกุ้ยเห็นว่าคางของลูกสาวทั้งสองซูบผอม ในใจจึงยิ่งห่อเหี่ยว
“วันรุ่งขึ้น พวกเขาก็จะจากไปแล้ว พวกเ้ารีบกินให้อิ่มแล้วเข้านอน”
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เอ่ยออกมาว่าจะไปดูที่เรือนใหญ่ การทะเลาะกันดำเนินไปจนดึกดื่น ได้ยินเสียงหลิวเหรินกุ้ย หลิววั่งกุ้ยแล้วก็หลิวจื้อเซิ่งถกเถียงกัน
หลิวเต้าเซียงล้างเนื้อล้างตัวแล้วเข้านอน ได้ยินเสียงหาวดังขึ้นติดต่อกันไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็เข้าสู่ภวังค์แห่งฝันอย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่ใช่เื่ของตนเอง นางก็ไม่้าแกว่งเท้าหาเสี้ยน
หลิวซานกุ้ยตื่นั้แ่เช้าตรู่พร้อมกับขอบตาที่ดำคล้ำ คิดว่าที่เรือนใหญ่คงทะเลาะกันอย่างรุนแรง เขามีความพะว้าพะวังในใจจึงไม่ได้หลับสนิททั้งคืน
เมื่อหลิวเต้าเซียงตื่นขึ้นมา ครอบครัวหลิวเหรินกุ้ยและหลิววั่งกุ้ยก็เตรียมตัวจะออกไปแล้ว ครั้งนี้ไม่รู้เหตุใดจึงไม่ได้รั้งหลิวซุนซื่อไว้
ทว่า หลิวเต้าเซียงไม่ได้ใส่ใจเื่เหล่านี้
หลังจากที่นางตื่นแต่เช้าตรู่แล้วล้างหน้าล้างตา จึงอาศัยเวลาที่อยู่ในห้องน้ำเพื่อแวะเข้าห้วงมิติ
ตอนนี้นางใช้ที่ดินสามไร่ในห้วงมิติมาเพาะเลี้ยงไก่ ส่วนพื้นที่ที่เกินมาไม่กี่ตารางเมตร นางได้นำมาใช้วางตะกร้าไม้ไผ่สานและใส่หญ้าฟางไว้ นี่คือสถานที่สำหรับวางไข่โดยเฉพาะ
“เซียงเซียง โอ๊ย ไก่เยอะขึ้นทุกวัน ไข่ก็เพิ่มขึ้นมากมาย วันหนึ่งเก็บได้ตั้งพันกว่าฟองเชียวนะครับ”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเห็นไข่ที่ละลานตากองเป็ูเาก็ยิ่งขยันมากขึ้น
ในอดีตหลิวเต้าเซียงยังต้องขอร้องให้เขาช่วยงาน แต่ตอนนี้ มันขยันอย่างกับผึ้งน้อย อีกทั้งยังออกตัวช่วยงานเอง
“เซียงเซียง รีบเติมน้ำให้ไก่ทั้งหลายเร็ว หิวมาทั้งคืนแล้ว น้ำในถังแห้งจนเห็นก้นถังแล้ว”
“เซียงเซียง ยังต้องให้ผักกวางตุ้งอีกหน่อยนะ ตอนนี้วางไข่กันเยี่ยมยอดมาก ต้องให้กินผักกวางตุ้งเยอะๆ จะได้มีสารอาหาร”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเป็เหมือนพี่เลี้ยงตัวน้อยที่จงรักภักดีมากขึ้นเรื่อยๆ หลิวเต้าเซียงเข้าไปในห้วงมิติปุ๊บ มันก็พูดอยู่ข้างหูนางโดยไม่หยุดหย่อน
“รู้แล้วน่า รู้แล้ว ทำทีละอย่างได้ไหม!”
เนื่องจากนางได้ลิ้มรสความหอมหวานของเงิน จึงยิ่งมีความพยายามในการเพาะเลี้ยงไก่มากขึ้น
“เซียงเซียง เนื่องจากคุณตั้งใจทำงานอย่างหนัก” อืม แล้วก็มีผลงานครึ่งหนึ่งทีเป็ของเขา คำพูดนี้สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเสริมเอง
“หา? นายกำลังจะพูดอะไร?” เนื่องจากหลิวเต้าเซียงคลุกคลีกับมันมาหลายเดือน จึงเข้าใจความคิดของมันอย่างยิ่ง
“เอ่อ! โปรดิวเซอร์บอกว่าคุณพยายามที่จะก้าวหน้า จากนั้นไม่กี่วันก่อนจึงส่งหนังสือเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงมาให้คุณ ดูท่าว่าคงอยากให้คุณเป็ตัวหลักในการเพาะเลี้ยง และช่วยให้คุณกลายเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยง ที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือเหล่านี้เป็ของสมนาคุณฟรีนะครับ!”
หลิวเต้าเซียงไม่มีทางเชื่อว่าโปรดิวเซอร์จะใจดีเพียงนี้ เดาว่าคงมีผลประโยชน์แอบแฝง มีแต่เด็กที่จะติดกับดักหมาป่า
“ได้ ฝากขอบคุณด้วย รอฉันมีเวลาค่อยมาอ่าน”
เริ่มแรกนางไปดูที่คลังเก็บของ ผลเก็บเกี่ยวนั้นสร้างความปลาบปลื้มยิ่งนัก มีทั้งเปลือกสีขาว สีเหลือง สีน้ำตาล และสีเขียวกองเต็มไปหมด เงินตรงหน้าของนางก็ส่งเสียงดังอยู่เนืองๆ นี่คือเงินทั้งนั้น!
หลิวเต้าเซียงตรวจสอบไข่จนหมด พบว่ามีสิบกว่าใบที่เปลือกบางมาก กระทั่งเห็นเปลือกไก่อ่อนสองใบในรังด้วย ไก่เหล่านี้คงขาดแคลนธาตุเหล็ก นางเลือกไข่ที่ไม่ผ่านมาตรฐานออกมา ตั้งใจว่าคืนนี้จะเอามาทำไข่ตุ๋น โรยต้นหอมสักหน่อยแล้วก็ราดน้ำมันหมู กลิ่นหอมเนื้อนุ่ม น่าอร่อยเหลือเกิน
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดส่งเสียงดังมาจากฝูงไก่ “มีเปลือกอ่อนนี่นา เห็นทีอาหารไก่ต้องเพิ่มสารปูนขาวสักหน่อย”
“อืม ต้องคนสักหน่อยใส่เข้าไปในอาหารไก่ เห็นทีผักกวางตุ้งก็ไม่เพียงพอ” นางเหวี่ยงไข่ไปมา แล้วควานหาไฟฉายจากในคลังเก็บของ แล้วมาส่องไข่ไก่
อาหารไก่นั้นต้องคอยเปลี่ยนประจำ จากประสบการณ์ที่หลิวเต้าเซียงเลี้ยงไก่จึงรู้ว่า ลูกไก่นั้นต่างจากไก่ที่โตเต็มวัย แม่ไก่ที่ว่างไข่ก็กินไม่เหมือนกัน
หลิวเต้าเซียงอยู่ในห้วงมิติชั่วขณะหนึ่ง เมื่อประเมินว่าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว จึงออกจากห้วงมิติและเดินออกจากห้องน้ำ
นางไม่เห็นคนในครอบครัวลุงรองอยู่ในสายตา และรู้ว่าพวกเขาต่างก็กำลังวางแผนแย่งชิงเงินในมือของหลิวฉีซื่อ
ดังนั้นนางจึงอ้อยอิ่งจนเมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเช้า
“ท่านแม่ กำลังทำอะไรหรือ?” หลิวเต้าเซียงเข้าไปในครัว พบว่าจางกุ้ยฮัวกำลังพาหลิวชิวเซียงทำบะหมี่
“อ้อ อาสี่บอกว่าไม่ได้กินบะหมี่ที่บ้านนานแล้ว” หลิวชิวเซียงกำหมัดเล็กทุบลงบนไปก้อนแป้ง
จางกุ้ยฮัวเกลี้ยกล่อมนางอยู่ไม่กี่คำ จากนั้นจึงยอมนวดดีๆ
บะหมี่ที่นางทำนั้นอร่อยยิ่งนัก
“เต้าเซียง ไปขอเนื้อสดกับท่านย่ามาหน่อยสิ” ในเมื่อจะกินบะหมี่ที่ทำเอง ก็ต้องหั่นหมูสับใส่ลงไปหน่อย
หลิวเต้าเซียงกำลังนั่งอยู่และไม่อยากไป นางยังคงนึกถึงเื่เมื่อวาน ต่อมาก็เื่ที่ไม่รู้ว่าหลิวฉีซื่อจะด่าอะไรอีก จนนางที่กำลังนอนหลับสบายถึงกับสะดุ้งตื่น
ตอนนี้นางไม่อยากเข้าไปปะทะแล้วกลายเป็ที่รองรับอารมณ์ของหลิวฉีซื่อ
“ท่านแม่ ให้ข้าไปเถอะ” หลิวชิวเซียงรู้ว่านางขี้คร้านขยับ จึงลุกขึ้นเตรียมไปหาย่า
หลิวเต้าเซียงคว้าตัวนางไว้ แล้วรีบเดินไปตรงประตูโรงครัว และะโไปทางห้องตะวันออก “ท่านย่า อาสี่อยากกินบะหมี่ ในบ้านยังมีเนื้อหมูสดอยู่หรือไม่ หากว่าไม่มี ท่านแม่ข้าจะต้มกับน้ำใส”
“ท่านแม่ บ้านเราไม่มีเนื้อแล้วหรือ? บอกให้เต้าเซียงไปซื้อมาหน่อย”
ตามที่หลิวเต้าเซียงคาดไว้ เสียงของหลิววั่งกุ้ยดังขึ้นจากห้องโถง เขาล้างหน้าล้างตาเสร็จนานแล้วและนั่งรอกินข้าวอยู่ในห้อง
หลิวฉีซื่อรักใคร่เขาที่สุด เมื่อได้ยินบุตรชายอยากกินเนื้อก็ตอบรับทันที
“เต้าเซียง เ้าไปซื้อเนื้อมาหนึ่งชั่ง เอาทั้งติดมันและมีเนื้อ ทางที่ดีที่สุดเอาหมูสามชั้น แล้วยังสามารถเจียวน้ำมันออกมาได้”
หลิวเต้าเซียงตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และนั่งอยู่ในครัวโดยไม่ขยับ
หลังวั่งกุ้ยไม่เห็นใครออกไป จึงเอ่ยถาม “ท่านแม่ ท่านเรียกให้เต้าเซียงไปซื้อเนื้อไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่ไป?”
หลิวฉีซื่อรู้สึกแปลกเช่นกัน นางหวีผมแล้วลูบด้วยน้ำมัน จากนั้นเสียบหวีเงินเข้าไปที่หวี แล้วจึงออกจากห้อง
เมื่อเห็นหลิวเต้าเซียงนั่งเลือกต้นหอมอยู่ตรงริมประตูห้องครัว จึงด่า “นางตัวดี ยังยืนโง่อยู่ตรงนั้นอีก เหตุใดไม่รีบไปซื้อเนื้อ?”
“ท่านย่า ท่านไม่ให้เงิน ข้าจะเอาอะไรไปซื้อเนื้อ?” หลิวเต้าเซียงไม่คิดจะไว้หน้าชราของนางแม้แต่นิดเดียว และเอ่ยถามไปตรงๆ
“ท่านแม่ เหตุใดจึงไม่เอาเงินให้เต้าเซียง วันนี้ท่านยังจะให้ข้ากินข้าวหรือไม่ หากไม่อยากให้ข้ากิน เช่นนั้นข้าจะเรียกครอบครัวพี่รองกลับตำบลแล้ว อาจารย์ยังรอข้าอยู่ วันนี้บอกว่ามีบทเรียนใหม่”
ในสายตาของหลิวฉีซื่อ คาบเรียนของหลิววั่งกุ้ยสำคัญที่สุด นางล้วงเงินไม่กี่อีแปะให้หลิวเต้าเซียงอย่างไม่เต็มใจ “มีแค่นี้ ที่เหลือไปขอพ่อของเ้า”
นางยังจําเื่เงินสองตำลึงที่เคยให้หลิวซานกุ้ยได้ และมักจะหาวิธีล้วงมันออกมาใช้เสมอ
หลิวเต้าเซียงแหงนศีรษะกวาดตามองครู่หนึ่ง ไม่รับ!
จากนั้นก้มหน้าคัดต้นหอมต่อ แล้วปากเล็กๆ ก็ส่งเสียงดังขึ้นว่า “อาสี่ หรือไม่ท่านไปซื้อเองดีกว่า บ้านเรากินกันตั้งสิบกว่าคน ท่านแม่ข้าคนเดียวทำไม่ทัน ท่านย่าให้เงินสี่อีแปะ คงได้แค่ในส่วนของท่านนั่นแล”
นางเน้นเสียงให้ดังตรงคำว่าเงินสี่อีแปะ
หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ที่กําลังเตรียมจะออกจากห้องปีกตะวันออกได้ยินเข้า ก็หันกลับเข้าไปในห้องของหลิวจื้อเซิ่ง
“ท่านพี่ ท่านย่าช่างขี้เหนียวเหลือเกิน เงินสี่อีแปะยังไม่พอได้ลิ้มรสเลย นางยังกล้าให้น้องเต้าเซียงเอาไปซื้อเนื้ออีก”
หลิวจื้อเซิ่งวางหนังสือในมือลง ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ไม่มีเนื้อจะกินบะหมี่ลงได้อย่างไรกัน?”
หลังจากพูดจบ เขาก็ผลักหน้าต่างที่อยู่ข้างกาย ยื่นศีรษะออกมาแล้วะโไปทางลานบ้าน “ท่านย่า ไม่มีเนื้อ ข้าคงไม่อยากกินข้าว”
“ใช่ ท่านย่า ข้าเองก็จะกินเนื้อ” หลิวจื้อเป่ายังไม่รู้ว่าหลิวฉีซื่อเกิดความโมโห จึงร้องตาม
“กิน กิน กิน วันๆ ก็เก่งแต่กิน สู้เลี้ยงหมูสักคอกยังดีกว่า” หลิวฉีซื่อพูดจาหยาบคายไม่น่าฟังอีกแล้ว
หลิวเต้าเซียงอารมณ์เสียที่ได้ยินดังนั้น จึงหยิบต้นหอมไปล้างน้ำตรงข้างๆ นางขี้คร้านจะฟังหลิวฉีซื่อด่ากราด มีแต่คำพูดไม่เจริญหู
“เต้าเซียง นางตัวดี ให้ตายเถอะ ให้เ้าไปซื้อเนื้อ เ้ายังไม่ไปอีก” หลิวฉีซื่อเห็นหลิวเต้าเซียงไม่สนใจนางแล้วมายุ่งล้างผักอยู่ใกล้ๆ กับตัวเอง ก็ยิ่งโมโห
“ท่านย่า ท่านบอกให้ข้าไปซื้อเนื้อ ข้าก็เชื่อฟัง แต่ท่านบอกให้ข้าเอาเงินสี่อีแปะไปซื้อเนื้อ ข้าเองก็ไม่กล้า หมูสามชั้นแพงเอาการ เงินสี่อีแปะคงซื้อได้ไม่ถึงสองขีด ทั้งบ้านมีกันตั้งสิบกว่าปากท้อง จะพอกินหรือ? ท่านย่า หากว่าครอบครัวเราไม่มีเงินก็ใช้ประหยัดหน่อย กินบะหมี่น้ำใสแทนดีกว่า”
หลิวเต้าเซียงยั่วโมโหหลิวฉีซื่อที่ตระหนี่ จึงตั้งใจใช้คำพูดนี้พุ่งเป้าไปที่นาง แล้วนึกอยากจะให้หลิวฉีซื่อไล่ตะเพิดครอบครัวนางออกจากบ้านเสียให้ได้
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หลิวซานกุ้ย นางคงอยากทำเช่นนี้จริงๆ
แต่พอคิดว่าหลิวซานกุ้ยยังคงมีหวังเื่การสอบราชการ เพื่อชื่อเสียงที่ดี นางจึงยังคงสงบนิ่งไว้ก่อน
“เ้า นางตัวดี เ้าอยากโดนเฆี่ยนแล้วสินะ คำพูดของผู้ใหญ่ก็ไม่ฟัง” หลิวฉีซื่อทั้งโมโหทั้งอาย
“ตกลง เอาเงินสี่อีแปะให้ข้า ข้าจะไปซื้อเนื้อด้วยเงินสี่อีแปะ”
ความเป็ไปของคนทั้งครอบครัวขึ้นอยู่กับมือของหลิวฉีซื่อ คิดจะขูดรีดเงินจากครอบครัวหลิวซานกุ้ยหรือ? อย่าแม้แต่จะคิด หลิวเต้าเซียงไม่มีทางปล่อยให้นางสมหวังแน่
เมื่อหลิวฉีซื่อเห็นว่าใช้งานหลิวเต้าเซียงไม่ได้ จึงเอ่ยปากเรียกหลิวชิวเซียงให้ไปซื้อเนื้อแทน
คราวนี้นางใจกว้างมากขึ้นและให้เงินหลิวชิวเซียงเก้าอีแปะ บอกว่าให้ซื้อหมูสามชั้นมาหนึ่งชั่ง
หมูสามชั้นทั่วไปแล้วราคาสูงกว่าเนื้อติดมันหลายอีแปะ แต่ก็ถูกกว่ามันหมูล้วนสองอีแปะ
หลิวเต้าเซียงขยิบตาให้หลิวชิวเซียง
หลิวชิวเซียงเม้มปากยิ้ม นางเข้าใจความหมายของน้องรอง
เมื่อเห็นว่าหลิวชิวเซียงรับเงินไปอย่างว่าง่าย และเห็นว่านางเดินไปทางห้องปีกตะวันตกแล้วจึงออกจากบ้านไปซื้อเนื้อ
อารมณ์ของหลิวฉีซื่อก็ดีขึ้น ก่อนจะเร่งให้จางกุ้ยฮัวตอกไข่สามใบทำเป็เล่าปิ่ง จากนั้นหั่นเป็เส้น รอจนหลิวชิวเซียงซื้อเนื้อกลับมาก็ใส่เข้าไปต้มในน้ำเดือด เช่นนี้น้ำแกงที่ทำออกมาก็จะหอมหวน
หลิวชิวเซียงฝีเท้าคล่องแคล่วว่องไว จางกุ้ยฮัวเพิ่งจะหั่นวัตถุดิบเสร็จ นางก็หิ้วเนื้อกลับมาหนึ่งชิ้น
“เหตุใดจึงน้อยเช่นนี้?”
หลิวชิวเซียงตอบอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านคงไม่คิดว่าเราต้องเพิ่มเงินเพื่อซื้อเนื้อหนึ่งชั่งจริงๆ หรอกใช่หรือไม่!”
นี่ไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้ง เมื่อผ่านไป่หนึ่ง หลิวฉีซื่อก็จะใช้ลูกไม้นี้อีก นางไม่คิดจะปล่อยเงินสองตำลึงในกระเป๋าของหลิวซานกุ้ยไปจริงๆ
“ท่านแม่ อาจารย์กัวบอกว่าท่านพ่อเล่าเรียนได้ไม่เลว หากว่าเป็ไปได้ จะให้เขาลงสนามสอบปีนี้ดู” จู่ๆ หลิวเต้าเซียงก็เอ่ยเื่นี้ขึ้น
ความสนใจของจางกุ้ยฮัวถูกเบี่ยงเบนไป ในขณะที่เอาเนื้อล้างน้ำก็เอ่ย “ไหนว่าห้ามพูดออกมาไม่ใช่หรือ?”
-----
