เขามองนางด้วยสายตาเ็าปราดหนึ่ง คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเขาเช่นนั้นหรือ เช่นนั้นนางคิดผิดแล้ว แต่ไรมาเขาเป็คนใจแข็ง ไม่มีทางเปลี่ยนมาถนอมบุปผาอาลัยหยกกับสตรีเพราะนางเด็ดขาด!
เขาออกแรงดึงมือกลับ นางออกแรงกุมเอาไว้ ไม่รู้ว่านางเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด เขาถึงกับสะบัดนางไม่หลุด! เขาขมวดคิ้วแน่นด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ เขาลอบเดินพลังลมปราณคิดจะใช้กำลังภายในสลัดนางออกไป ทันใดนั้น เสียงของนางที่พูดงึมงำพลันแทรกเข้ามาในโสตประสาทของเขา “เซวียนหยวนเช่อ เหตุใดท่านจึงยังไม่มาอีก?”
เขาตกตะลึง ได้ยินนางพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ท่านจะเชื่อข้า ใช่หรือไม่”
คิ้วของเขาขมวดมุ่นเมื่อโน้มกายลงไปตั้งใจฟัง
“แม้...แม้ข้าจะไม่ชอบท่านนัก แต่ข้ารู้สึกว่า...ท่านเป็คนพึ่งพาได้...ท่านไม่มา ข้าไม่ไปจากที่นี่ ข้า้าพิสูจน์...ว่าข้าเป็ผู้บริสุทธิ์...”
หัวใจของเขาสั่นสะท้านน้อยๆ พลันนึกถึงเื่ที่ลั่วหยิ่งเคยรายงานต่อเขาก่อนหน้านี้ ฮองเฮาใช้กระทะและจวักโจมตีมือสังหารสองคน แปลกประหลาดอย่างที่สุด ตอนนี้เขาเพิ่งจะแจ่มแจ้ง หากนางคิดจะหนีไป นางมีความสามารถที่จะทำได้ แต่ที่นางไม่ได้หนีไปและเลือกที่จะรั้งอยู่ที่นี่ เพราะ้ารอให้เขากลับมาพลิกคดีทวงความเป็ธรรมให้นาง นางถึงกับเชื่อในตัวเขาถึงเพียงนี้ เอาชีวิตของตนเองเข้าเดิมพันโดยไม่กลัวตาย?
สตรีที่มีทิฐิแรงกล้าและนิสัยประหลาดเช่นนี้ ทำให้เขายิ่งอ่านไม่ออกจริงๆ!
ลั่วหยิ่งเดินเข้ามาเห็นฝ่าากำลังตกอยู่ในภวังค์ จึงอดที่จะก้าวเข้าไปไม่ได้ “ฝ่าา ท่านหมอมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ให้พวกเขาเข้ามาเถิด” ทว่ากลับไม่เห็นท่าทีจะปลีกตัวออกไปของฝ่าา ลั่วหยิ่งตกตะลึงเล็กน้อย สายตาของเขาตกลงไปบนร่างของฮองเฮาที่คว้ามือของฮ่องเต้เอาไว้ ฝ่าาถึงกับไม่ได้สะบัดมือออก นี่เป็เื่มหัศจรรย์จริงๆ พระอาทิตย์จะขึ้นมาทางตะวันตกแล้วใช่หรือไม่
ศีรษะของนางหนักอึ้งราวกับนางกำลังตกอยู่ในความฝันอันยาวนาน ในฝันนางคลับคล้ายคลับคลาเห็นเงาร่างสูงใหญ่หน้าตาคมสัน ดึงร่างของนางออกมาจากบ่อน้ำลึก นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้านั้นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คล้ายคลึงใบหน้าคมสันของศิษย์พี่คณะแพทย์ของนาง
“ศิษย์พี่...อุ่นเหลือเกิน!”
ร่างของนางแทบจะแนบชิดกับร่างของศิษย์พี่เพื่อขอความอบอุ่น ศิษย์พี่ไม่ได้ผลักนางออก นางหัวเราะพึงพอใจ นางรู้ว่าศิษย์พี่ดีที่สุด ให้อภัยนางอย่างไร้เงื่อนไข ปกป้องเอ็นดูนาง!
มาถึงโลกแปลกใหม่ใบนี้ นางไม่มีที่พึ่ง นางเหนื่อยและลำบากมาก ตอนนี้ไม่ง่ายดายเลยกว่านางจะได้พบศิษย์พี่ นางไม่ปล่อยให้ศิษย์พี่จากไปแน่นอน
“ปล่อยมือ ให้ท่านหมอจับชีพจรของเ้า”
“ไม่เอา! ท่านต้องทิ้งข้าแน่นอน”
“ไฉนเ้าจึงยุ่งยากเช่นนี้”
“อย่าไปนะ!”
“เจิ้นไม่ไปไหน”
“ท่านโกหก! ทันทีที่ข้าปล่อยมือ ท่านก็จะจากไปทันที”
“เจิ้นไม่ไปไหน”
“เช่นนั้นท่านต้องเกี่ยวก้อยกับข้าก่อน! หากท่านจากไป ชาตินี้ทั้งชาติท่านก็แต่งภรรยาไม่ได้”
“...”
“เกี่ยวก้อย หนึ่งร้อยปีไม่เปลี่ยนแปลง!”
“...”
ศิษย์พี่เกี่ยวก้อยกับนางในที่สุด นางหัวเราะอย่างสบายใจ ศิษย์พี่เป็หนุ่มโสดอายุสามสิบปี การสาปแช่งให้เขาหาภรรยาไม่ได้เป็เื่ร้ายแรงที่สุดสำหรับเขาแล้ว ดังนั้นเขาจะต้องไม่กล้ากลับคำพูดแน่นอน!
ปวดหัวเหลือเกิน นางไม่มีเรี่ยวแรงจะคิดอะไรอีกแล้ว นางสะลึมสะลือหลับไปอีกครั้ง เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง นางรู้สึกว่าหัวเบาขึ้นมาก ร่างกายของนางไม่ได้ร้อนขนาดนั้นอีกแล้ว นางลืมตาขึ้นอย่างงุนงง สิ่งที่เข้ามาในคลองจักษุเป็อย่างแรกก็คือเพดานไม้กระดานลายดอกไม้ สถาปัตยกรรมโบราณ ความจริงทำให้นางตื่นขึ้นอีกครั้ง ที่แท้นางยังอยู่ในยุคสมัยโบราณหรือนี่!
นางขยับปลายนิ้ว รู้สึกว่าไม่ต้องถูกต้องนัก นางหันหน้าไปมองพบว่ามือของตนกำลังกุมฝ่ามือที่ใหญ่กว่าฝ่ามือของตน!
มือข้างนั้นงดงามอย่างยิ่งยวด!
มือยาวเรียว เปี่ยมไปด้วยพลังและกล้ามเนื้อ ข้อกระดูกชัดเจน เป็มือของบุรุษชัดๆ ที่ทำให้นางพูดไม่ออกยิ่งกว่าก็คือมือของนางและเขาสิบนิ้วประสาน นี่เป็การกุมมือกันระหว่างคู่รักเท่านั้น นางอดที่จะหน้าแดงใจเต้นแรงขึ้นมาไม่ได้
ช้อนตาขึ้นช้าๆ ปรารถนาจะเห็นว่าเ้าของมือข้างนี้เป็ผู้ใด ทว่ากลับเห็นเสื้อคลุมัสีเหลืองขมิ้นที่อยู่บนร่างนั้นในใจนางพลันคาดเดาได้แล้วว่าเป็ผู้ใด
ขายหน้าเหลือเกิน! เหตุใดนางจึงไปกุมมือเขานะ
ความคิดอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าเกาะกุมจิตใจ หรือคนที่อยู่ในความฝันอันยาวนานของนางจะไม่ใช่ศิษย์พี่ แต่เป็เขา? ั้แ่ต้นจนจบล้วนเป็เขาหรือ
นาง...เมื่อสักครู่นางทำอะไรลงไปบ้าง กรี๊ดๆๆ นางแทบจะเสียสติแล้ว!
แย่แล้ว เวลานี้ควรทำอย่างไรดี ขายหน้าผู้อื่นจริงๆ ประดักประเดิดที่สุด!
ปิดดวงตาลง ผ่อนร่างกาย นางตัดสินใจที่จะแสร้งทำเป็นอนหลับต่อไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่มีคนไม่ปล่อยให้นางสมปรารถนา “เ้าจะแสร้งตายไปถึงเมื่อใดกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบขบฟัน แสร้งตายอันใดกัน ทั้งๆ ที่แสร้งทำเป็นอนหลับ!
นางลืมตาขึ้นข้างหนึ่งก่อน แล้วค่อยลืมตาขึ้นอีกข้าง ั์ตากลอกไปมา แผนการบังเกิดขึ้นในใจ นางรีบดึงมือออกมาปฏิบัติเช่นคนร้ายร้องเรียนก่อน “ท่าน ท่านจับมือข้าทำไม ท่านมันคนลามก ฉวยโอกาสกับผู้อื่น!”
ใบหน้าคมสันของเซวียนหยวนเช่ออึมครึม มองนางด้วยสายตาเ็า
ลั่วหยิ่งที่อยู่ด้านข้างถึงกับทึ่มทื่อ เหนียงเหนียง ท่านดูไม่ออกเลยหรือว่าฝ่าาอดทนต่อท่านมานานเพียงใด ท่านถึงกับพูดราวกับฝ่าาล่วงเกินท่าน
เขายอมคุกเข่าให้แล้ว!
เหนียงเหนียง ท่านร้ายกาจ ท่านร้ายกาจจริงๆ!
เฟิ่งเฉี่ยนพลิกตัวไปอีกด้านหนึ่งด้วยกินปูนร้อนท้อง นางหันหลังให้เซวียนหยวนเช่อ “ข้าเหนื่อยมาก ข้า้าพักผ่อน พวกท่านออกไปให้หมดเถิด!”
เซวียนหยวนเช่อไม่เคลื่อนไหว น้ำเสียงห้าวทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้คนในจวนสกุลมู่ต่างสงสัยว่าเ้าเป็คนวางยาพิษไท่ฟู่ เ้าว่าอย่างไร”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นจึงพลิกตัวกลับมาทันที “ข้าไม่มีความแค้นอันใดกับไท่ฟู่ เหตุใดข้าต้องวางยาพิษเขาด้วย อีกอย่าง ข้าวผัดไข่ที่ข้าทำท่านก็กินด้วย หากมีพิษจริง ท่านมิใช่ต้องพิษไปนานแล้วหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนลุกขึ้นมานั่ง สีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “ที่จริงแล้ว ข้าใคร่ครวญถึงปัญหานี้มาโดยตลอด...วันนั้น ข้าไปอ่านตำราแพทย์ที่สำนักศึกษาเทียนหง อ่านตำราแพทย์ทั้งหมดที่มีอยู่ในนั้นรอบหนึ่ง แต่ยังคงหาสาเหตุไม่ได้ ข้าสงสัยว่าไท่ฟู่ไม่ได้ล้มป่วย แต่...”
“แต่อะไร”
เฟิ่งเฉี่ยนสงบสติอารมณ์ แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “แต่ต้องพิษน่ะสิ”
“ต้องพิษหรือ” เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วแน่น
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นพิษในลักษณะเช่นนี้มาก่อน มันเป็พิษที่ออกฤทธิ์ช้า ยามปกติจะดูไม่ออกแต่ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ กระทั่งถึงวันที่พิษกำเริบเต็มที่ คนก็อยู่ห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว!”
สีหน้าของเซวียนหยวนเช่อเคร่งเครียดขึ้นอีก นิ่งไปครู่หนึ่งเขาพูดว่า “เช่นนั้นตามที่เ้าเห็น ชีวิตของไท่ฟู่ยังมีเวลาอีกกี่วัน”
เฟิ่งเฉี่ยนใคร่ครวญ “วันนั้นข้าเคยเห็นไท่ฟู่อาการพิษกำเริบ อย่างมากเขามีเวลาเพียงเจ็ดวัน! ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองวัน...”
เซวียนหยวนเช่อจ้องนางเขม็ง “พิษของเขา เ้ารักษาได้หรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนคิดไม่ถึงว่าเขาจะเชื่อในการวิเคราะห์ของนางโดยไร้ข้อกังขา เห็นแววตาเยียบเย็นของเขาแล้ว นางกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบางๆ
แต่นางยังคงส่ายหน้า “ตำราแพทย์ที่ข้าเคยอ่านไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการถอนพิษ ดังนั้นข้าเองก็ไร้ความสามารถ ท่านเชิญท่านหมอคนอื่นที่แตกฉานเื่พิษมาเถิด”
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้วแน่นเข้าสู่ภวังค์ความคิดของตน